ก่อนฟ้าสาง ..
...
ละอองหมอกเบาบาง ลอยไล่ระเรื่ออยู่เหนือโค้งน้ำอย่างบางเบา แทบจะไม่แตกต่างกับไอร้อนกรุ่นที่ลอยตัวอยู่เหนือผิวกาแฟในถ้วย ในเงาขาวหม่นอมเทาก่อนแสงแรกของวันจะปรากฎ สร้างภาพราวกับความฝันให้คลี่คลุมอยู่รอบกาย อากาศเย็นเยียบเสียจนบีต้องขยับผ้าคลุมไหล่ให้กระชับร่าง ก่อนจะปล่อยให้ส่วนผสมของเอสเปรสโซ่ที่เข้มข้นในถ้วย เดินทางเข้ามาเติมเต็มความอบอุ่นอย่างช้า ๆ
หญิงสาวนั่งมองภาพที่ปรากฎเบื้องหน้าอย่างนิ่งสงบภายในศาลาท่าน้ำ ศาลาที่ถูกปลูกยื่นลงไปในลำน้ำจนแทบจะเอื้อมมือไปสัมผัสความเยียบเย็นเบื้องล่าง บันไดไม้ที่อยู่ด้านหล้งไต่เลาะสูงขึ้นไปบนตลิ่ง บนตลิ่งที่มีอาคารรูปทรงโมเดิรน์ทรอพปิคอลรายล้อมอยู่หลายหลัง ทั้งหมดอยู่ภายในพื้นที่ของ แก่งคอย รีสอร์ท สถานที่อันกำเนิดจากความฝันของเธอ และเดิมพันความคงอยู่ของมันด้วยอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ของหญิงสาวนักออกแบบที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น
บียกถ้วยกาแฟขึ้นจิบอีกครั้ง เธอพอใจกับรสชาติในถ้วยและบรรยากาศรอบข้างเป็นอย่างยิ่ง เอสเปรสโซ่ที่ถูกควบคุมได้ภายในถ้วย รีสอร์ทที่อยู่ใต้ความควบคุมของเธอ หรือแม้แต่ความฝันที่ถูกควบคุมจนกลายมาเป็นความจริง อย่างเดียวที่อยู่เหนือการควบคุมของเธอก็คือสายน้ำเบื้องหน้า มันมีความคิดเป็นของมันเองอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ผิวหน้าจะดูสงบนิ่งแต่ใต้ผืนน้ำเบื้องล่าง กลับเต็มไปด้วยความไหวเคลื่อน ฝนที่ตกติดต่อกันมาหลายวันดันน้ำจากฟากฟ้าจำนวนมหาศาลให้เพิ่มระดับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง มันเป็นการขยายตัวที่เงียบสนิท จะมีแต่เพียงคนที่เฝ้าจับจ้องมองมันเท่านั้นที่จะรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง บีรู้สึกกังวลเล็กน้อยที่เห็นระดับน้ำเบื้องล่างค่อย ๆ ขยับสูงขึ้นทีละนิดจากหลายวันที่ผ่านมา แต่ข่าวพยากรณ์อากาศเมื่อคืนช่วยลดความกังวลในใจของเธอลงมาบ้าง ร่องความกดอากาศผ่านพ้นไปแล้วพร้อมกับสายฝน ถ้ามันเป็นอย่างนี้อีกสักสามวัน ระดับน้ำคงลดลงมาอยู่ในภาวะปรกติ
ม่านหมอกบางเบาที่คลี่คลุมอยู่เหนือผิวน้ำ กลับสลายตัวไปสิ้นพร้อมกับแสงแดด ราวกับย้ำเตือนถึงความฝันที่อาจจะสูญสลายไปได้เพียงชั่วพริบตา ในขณะที่ความเข้มข้นของกาแฟในถ้วยใบน้อยหมดลง เสียงเครื่องจากเรื่อหางยาวลำเล็ก ๆ ก็ดังฝ่าความเงียบสงบของผิวน้ำ ได้เวลาที่เธอจะต้องไปจัดการกับภาระกิจที่รอคอยอยู่บนตลิ่ง ในขณะที่หญิงสาวกำลังจะเดินขึ้นบันไดกลับสู่รีสอร์ท เรือหางยาวลำนั้นก็แล่นฝ่าสายน้ำผ่านไปอย่างช้า ๆ เสียงเครื่องยนต์ที่เบาแผ่วราวกับลมหายใจของผู้ที่ถือหางเสือ บีหันไปส่งยิ้มและโบกมือให้กับเรือหางยาวลำนั้น
. . . . . . . . . .
แรงสั่นสะท้านจากเครื่องยนต์ส่งผ่านมาถึงมือที่กำกระชับหางเสือ ตาแอ๊ดมองผ่านหัวเรือชูเชิดที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านผิวน้ำ ในใจครุ่นคิดถึงข่ายและเบ็ดที่ปักไว้แถบผาเสด็จตั้งแต่เมื่อค่ำวานนี้ กระแสน้ำที่ไหวเคลื่อนอยู่ใต้ผิวพื้นที่ดูสงบเงียบคงจะพัดพาฝูงปลาให้เคลื่อนที่ลงมาหากินตามกระแสน้ำ โชคคงจะเข้าข้างแกบ้างในเช้าวันนี้ ตาแอ๊ดเหลือบตามองกลุ่มอาคารรูปทรงแปลกตาที่ตั้งอยู่บนตลิ่งทางขวามือ มันแลดูไม่น่าจะเหมือนที่พักอาศัยได้เลยแม้แต่น้อยในความรู้สึกของแก ผนังอาคารที่ฉาบด้วยปูนขัดมันเรียบสีต่าง ๆ ตัดกับหน้าต่างกระจกใสอมเขียว ยังดีที่มีความร่มรื่นจากหมู่ไม้ใหญ่น้อยอยู่ทั่วบริเวณ ในครั้งแรกที่ตาแอ๊ดรับรู้ข่าวการก่อสร้างรีสอร์ทแห่งนี้แกอดคิดต่อต้านในใจไม่ได้ ตัวอย่างมีให้เห็นแล้วทางใต้น้ำตั้งแต่แถบเสาไห้มาจนถึงเฉลิมพระเกียรติ วิถีชีวิตของชาวบ้านที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงพร้อม ๆ กับการมาถึงของรีสอร์ททั้งหลาย ความสงบเงียบของลำน้ำถูกขับไล่ด้วยเสียงคำรามของเจ๊ตสกีและเสียงเพลงที่อึกทึกของปาร์ตี้ยามค่ำคืน เรือหางยาวที่เคยออกวางข่ายหาปลากลับกลายเป็นเรือนำเที่ยว ฝูงคนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาชื่นชมธรรมชาติอย่างฉาบฉวย และจาบจ้วง พวกเขาพากันชี้ชวนกันดูบ้านเรือนริมสองฝั่งน้ำอย่างตื่นเต้นราวกับไม่เคยพบเห็น ยกกล้องถ่ายรูปผู้คนอันมีชีวิตสุขสงบเหล่านั้นอย่างไม่ได้เกรงอกเกรงใจ และพรีวิวรูปเด็กผู้ชายแก้ผ้ากับหญิงผู้เป็นแม่ที่มีผ้าถุงผืนเก่าพันกายอวดฝีมือการลั่นชัตเตอร์กันอย่างสนุกสนาน
สาย ๆ วันหนึ่ง มีหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งยืนร้องเรียกตาแอ๊ดที่ตีนกระไดเรือน แกรู้สึกแปลกใจกับการมาเยือนของแขกแปลกหน้าที่ในมือถือกระเช้าผลไม้ เมื่อผ่านการแนะนำตัวจึงได้รู้ว่าเธอเป็นเจ้าของรีสอร์ทที่กำลังก่อสร้าง หญิงสาวพูดคุยถึงแนวความคิดที่ต้องการจะทำรีสอร์ทแบบอนุรักษ์ธรรมชาติ และสงบเงียบ ตาแอ๊ดนั่งฟังอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ความจริงใจและเด็ดเดี่ยวที่ฉายอยู่ในแววตาคู่นั้นมากเกินกว่าคำอธิบาย หญิงสาวไต่ถามถึงระดับการขึ้นลงของลำน้ำในแต่ละปี รวมถึงสัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ ที่อยู่ร่วมกันในสายน้ำ และเมื่อเธอรับรู้ว่าตาแอ๊ดมีอาชีพประมงพื้นบ้านจับปลาไปขายที่ตลาดหน้าอำเภอ เธอก็เอ่ยปากเชิญให้ตาแอ๊ดนำปลาที่จับได้มาขายให้กับรีสอร์ทของเธอในราคายุติธรรม
เมื่อการก่อสร้างเสร็จสิ้นและมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ตาแอ๊ดก็พบว่าหญิงสาวคนนั้นทำตามสิ่งที่เธอได้เคยบอกกล่าวเอาไว้ มันเป็นรีสอร์ทที่สงบเงียบ และกลมกลืนกับชุมชน นักท่องเที่ยวที่มาพักได้รับคำแนะนำเป็นอย่างดีถึงการให้เกียรติผู้คนที่เป็นเจ้าของบ้านตามสองฝั่งลำน้ำ ไม่มีเสียงแผดคำรามของเครื่องยนต์ ไม่มีแม้แต่ขวดเบียร์เปล่าที่ลอยไปติดกอไม้ริมตลิ่ง ชาวบ้านได้รับคำแนะนำให้ปลูกผักปลอดสารพิษ และนำมาขายให้กับทางรีสอร์ท แม้แต่ตาแอ๊ดก็นำปลาที่จับได้มาส่งขายให้เช่นกัน
บนบันไดที่ไต่เลาะฝั่งตลิ่งด้านหลังศาลาท่าน้ำ หญิงสาวคนนั้นกำลังโบกมือให้กับตาแอ๊ด ชายชราโบกมือตอบพร้อมกับรอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้า
. . . . . . . . . .
ตาแอ๊ดดับเครื่องเรือหางยาวของแกก่อนจะค่อย ๆ วาดหัวเรือเข้าเทียบท่าน้ำของรีสอร์ท ก่อนจะขยับตัวไปผูกเชือกที่หัวเรือเข้ากับหลักของท่าน้ำ หญิงสาวยืนรออยู่ก่อนแล้วพร้อมกับพนักงานของรีสอร์ทคนหนึ่ง
วันนี้ได้ปลาอะไรบ้างล่ะ .. ตาแอ๊ด ?
มียี่สก 3 ตัว ใหญ่กำลังดี กับปลาช่อนอีก 5 ตัว ผมปักเบ็ดไว้เล่น ๆ ไม่คิดว่ามันจะมากิน คงตื่นน้ำใหม่เลยเพิ่นลงมาจากนาข้างบน แกงส้มก็ได้ แป๊ะซะก็ได้
บีมองปลาในกระชังในมือของชายชราอย่างพอใจ ปลาเหล่านี้เป็นปลาที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ และรสชาติของมันก็เหนือกว่าปลาเลี้ยงเป็นไหน ๆ แม้ว่าในแต่ละวันตาแอ๊ดจะจับปลามาส่งขายได้ไม่มาก แต่เมื่อมันกลายเป็นอาหารที่ถูกเสริฟ์บนโต๊ะ กลับกลายเป็นเมนูที่ใครต่อใครเรียกหา เธอมองลูกน้องของเธอชั่งน้ำหนักปลา ก่อนจะหยิบเงินค่าปลาส่งให้ตาแอ๊ด
หมู่นี้ไม่มีกุ้งแม่น้ำเลยนะตาแอ๊ด .. หายากเหรอ ?
ตาแอ๊ดยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า
น้ำหลากขนาดนี้ กุ้งไม่มีหรอกคุณบี ช่วงนี้มีแต่ปลาตัวใหญ่ ๆ นั่นแหละ อีกหน่อยก็หนาวแล้ว ต้องรอหมดหนาวน้ำนิ่งนั่นแหละถึงจะมีกุ้ง
ชายชราหยุดพูดก่อนจะหันไปมองลำน้ำ
คุณบี ปีนี้น้ำจะขึ้นอีกเยอะนะ ศาลาท่าน้ำของคุณเห็นจะไม่พ้น
บีมองตามสายตาของชายชรา เธอไม่เชื่อว่าระดับน้ำจะสูงขึ้นอีกในเมื่อฝนไม่ตกลงมาเพิ่ม เธอเชื่อในการศึกษาข้อมูลทางสถิติที่ผ่านมามากกว่า อีกไม่นานก็จะเข้าหน้าหนาวแล้ว เธอยิ้มอย่างมั่นใจก่อนจะตอบว่า
คงไม่หรอกมั้งตาแอ๊ด เดี๋ยวน้ำก็ลดแล้วแหละ แล้วถ้าศาลาท่าน้ำที่นี่น้ำท่วม แล้วเรือนตาแอ๊ดล่ะ จะเหลืออะไร
ชายชราเหลียวหน้ากลับมาส่งยิ้มให้บีอย่างเยือกเย็น
ก็ไม่เหลืออะไรน่ะสิ ..
บีหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะบอกตาแอ๊ดว่า
งั้น..ตาแอ๊ดย้ายขึ้นมาอยู่บนนี้ก่อนมั้ยล่ะ ?
ชายชราเหลียวหน้ากลับไปมองลำน้ำที่ดูเหมือนจะไหลเอื่อย ๆ ก่อนจะขยับตัวไปแกะเชือกที่ผูกหัวเรือจากหลักที่ท่าน้ำ ส่งยิ้มน้อย ๆ ให้กับหญิงสาว
คนอยู่กับลำน้ำ สายน้ำมันจะกำหนดชีวิต ตาแอ๊ดพูดเบา ๆ ก่อนจะสตาร์ทเครื่องเรือหางยาวลำเก่าของแกและเบนหัวเรือจากไป
. . . . . . . . . .
ควันธูปบางเบาสีขาวหม่นอมเทาแทบจะไม่แตกต่างจากสายหมอกที่แผ่ปกคลุมลำน้ำในยามเช้า ตาแอ๊ดค่อย ๆ ปักก้านธูปลงบนกระถางธูปเบื้องหน้าภาพถ่ายขาวดำที่ตั้งอยู่บนหิ้ง ก่อนจะเดินออกมานั่งที่ชานเรือน ในขณะที่สายน้ำเบื้องหน้าดูเหมือนจะนิ่งสนิท แต่แกรู้ดีว่าความไหวเคลื่อนที่อยู่เบื้องล่างยังไม่หยุดยั้ง
ชายชราหยิบห่อยาเส้นกับใบจากออกมาจากชายพก ม้วนแบบหยาบ ๆ ก่อนจะจุดไม้ขีดไฟขึ้นจ่อที่ปลาย แล้วสูดไอควันขาวนวลนั้นช้า ๆ พลางครุ่นคิดถึงเมื่อคราวที่สายน้ำพรากเมียรักของแกให้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ มันช่างไม่แตกต่างจากสายน้ำในวันนี้ที่เพิ่มระดับสูงขึ้นมาอย่างพรวดพราดก่อนจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ ใครก็คิดเหมือนกันว่าถ้าฝนไม่ตกลงมาเพิ่มมันคงค่อย ๆ ลดระดับลงภายในไม่เกิน 1 อาทิตย์
สองวันถัดจากนั้น ฝนตกราวกับฟ้ารั่วอยู่ 1 วัน 1 คืน ก่อนที่ก้อนน้ำมหาศาลจะไหลทะลักลงมาอย่างบ้าคลั่ง พัดพาทุกอย่างที่บังอาจขวางหน้าให้ไหลไปพร้อมกับกระแสน้ำรวมทั้งเมียของแก ในละอองควันบางเบาที่แกพ่นออกมาจากปอดราวกับซ้อนภาพความหลังจาง ๆ อยู่บนนั้น ตาแอ๊ดเหลียวหน้ากลับมามองภาพถ่ายที่อยู่ในเรือนก่อนจะพูดเบา ๆ
มันคงถึงเวลาที่ข้ารอแล้วล่ะ .. เอื้อง
ละอองฝนค่อย ๆ กระจายตัวลงคลุมแผ่นฟ้าอย่างเงียบเชียบ
. . . . . . . . . .
บีวิ่งฝ่าสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่ว สองมือหอบข้าวของที่เธอใช้ประดับตกแต่งรีสอร์ทหลังที่อยู่ชิดริมลำน้ำ ขึ้นมาเก็บไว้ยังอาคารที่อยู่ด้านบน ระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและน่ากลัว สีขุ่นข้นราวกับมันละลายดินลงมาทั้งภูเขา ไม่มีความนิ่งสงบของสายน้ำที่เธอคุ้นเคยอีกต่อไปแล้ว มีแต่เพียงก้อนน้ำขนาดมหึมาที่พร้อมพัดพาทุกสิ่งที่บังอาจขวางทางให้ปลิวหายไปราวกับความฝัน
. . . . . . . . . .
เรือนไม้หลังน้อยสั่นสะท้านราวกับถูกมือขนาดยักษ์โยกขย่ม เสียงกระแสที่ไหลเชี่ยวกรากดังราวกับการปลดปล่อยวิญญาณที่ถูกกดขี่ ท่ามกลางสรรพเสียงอื้ออึง ตาแอ๊ดค่อย ๆ ปลดรูปถ่ายขาวดำรูปนั้นลงจากหิ้ง ก่อนจะประคองกอดไว้แนบอก สายน้ำจากเบื้องบนกำลังไหลหลั่งแข่งกับสายน้ำจากเบื้องล่าง ภาพที่ปรากฎตรงหน้ามันช่างเหมือนกับที่ปรากฎในละอองควันอันเบาบางในวันนั้น
วันนี้ .. ชั้นไม่ปล่อยมือแน่ เอื้อง .. ชั้นไม่มีวันปล่อยเธอให้จากไปไหนอีกแล้ว
. . . . . . . . . .
ละอองหมอกเบาบาง ลอยไล่ระเรื่ออยู่เหนือโค้งน้ำอย่างบางเบา แทบจะไม่แตกต่างกับที่มันเคยเป็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เพียงแต่ใต้ไอหมอกในวันนี้ไม่ได้สงบนิ่งแต่กลับสำแดงอานุภาพของการเคลื่อนที่อย่างกราดเกรี้ยว หญิงสาวยังยืนหยัดอยู่กับที่พลางจ้องมองความฝันบางส่วนของเธอปลิวหายไปกับสายน้ำ ความฝันที่เธอเคยคิดมาตลอดว่าเธอควบคุมมันได้ ความฝันที่ถูกเดิมพันด้วยอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของเธอจนหมดสิ้น แม้ภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นตรงหน้าจะยังยากแก่การคำนวนมูลค่า แต่เธอยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถกอบกู้มันกลับคืนมาใหม่ได้ในเวลาอันสั้น
เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากเบื้องหลัง บีรีบปาดหยดน้ำตาให้จางหายก่อนจะหมุนตัวกลับ พนักงานของรีสอร์ทคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาหาเธอ
คุณบีครับ .. ยังมีแขกในรีสอร์ทอีกหลายท่านครับ
บีพยักหน้าช้า ๆ พนักงานคนนั้นจึงรายงานต่อไปว่า
ใกล้จะเช้าแล้วครับ แต่อาหารสดในสต๊อกของครัวเราหมดแล้ว
ก็เดี๋ยวสาย ๆ ตาแอ๊ดก็เอาปลามาส่งตามปรกติไม่ใช่เหรอ บีพูดออกไปตามความเคยชิน ทันใดนั้นสีหน้าของเธอกลับตื่นตะหนก ก่อนจะหันขวับกลับมายังพนักงานของเธอ
เฮ้ย ... ตาแอ๊ด บ้านตาแอ๊ดล่ะ ... ?
พนักงานรีสอร์ทคนนั้นตกตะลึงในคำถามของผู้เป็นนาย ในขณะที่ยังไม่สามารถหาคำตอบ หญิงสาวก็วิ่งไปยังริมตลิ่งที่สายน้ำกำลังไหลเชี่ยว และที่โค้งคุ้งน้ำท้ายรีสอร์ท เธอมองไม่เห็นอะไร
นอกจากสายน้ำ
. . . . . . . . . .