อาจจะเป็นเพราะว่าแกนโลกมันเอียง ... ?

by จสอ.โจ @3 พ.ย.51 18.17 ( IP : 124...116 ) | Tags : กระดานข่าว

...

อาจจะเป็นเพราะว่าแกนโลกมันเอียง ... ?


. . . . . . . . . .

ซอยวัดใหม่พระพิเรนทร์ อยู่บริเวณแยกโพธิ์สามต้นถนนอิสรภาพ ฝั่งธนบุรี หน้าปากซอยเป็นตลาดสดที่มีผู้คนพลุกพล่านทั้งวัน มีวินมอเตอร์ไซค์อยู่ที่หน้าตลาดถัดมาจากป้อมสัญญาณไฟจราจรเล็กน้อย ซอยวัดใหม่พระพิเรนทร์เป็นซอยแคบ ๆ ความกว้างไม่ถึง 3 เมตร ทำให้รถยนต์เข้าได้ยากถึงยากที่สุด เพราะธรรมดาแค่คนที่เดินสวนกันไปมาบวกกับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็แน่นซะจนขาคนเดินเท้าแทบจะนาบกับท่อไอเสียรถมอเตอร์ไซค์อยู่แล้ว ซอยแคบ ๆ นี้มีทางเชื่อมต่อไปราวกับไม่มีที่สิ้นสุด มันสามารถพาคุณมาออกหลังวัดราชสิทธาราม ออกซอยวัดสังข์กระจาย พุ่งลึกเข้าไปในสวน จนแม้กระทั่งทะลุออกถนนจรัลสนิทวงค์

ระหว่างเส้นทางที่คดเคี้ยวประดุจดั่งใยแมลงมุม พาดผ่านเข้าไปยังชุมชนแล้วชุมชนเล่า ถ้าใครที่ไม่เคยเข้ามาอาจหลงทางราวกับพลัดหลงเข้าไปในเชิงเขาวงกตชายป่าหิมพานต์ ที่อาจจะพบพานตัวประหลาดร้อยสีพันอย่างได้ทุกเมื่อ มีแม่บ้านที่กำลังซักผ้าด้วยมือในกะละมังอย่างเอาเป็นเอาตายราวกับจะบีบคอผัวขี้เมาที่นอนเกลือกกลิ้งอยู่ในบ้าน มีร้านขายกาแฟแบบโบราณที่แขวนป้ายจำหน่ายบัตรเติมเงินโทรศัพท์มือถือ มีร้านรับแต่งรถมอเตอร์ไซค์ที่พยายามทำทุกวิถีทางให้ลูกค้าผู้มารับบริการพุ่งไปได้ด้วยความเร็วเหนือเสียง มีเด็กสาวในเครื่องแบบนักศึกษาพานิชยการเอกชน กำลังยืนจูบปากอย่างดูดดื่มกับหนุ่มนักศึกษาช่างกลโรงงาน มีแววตาลอยละล่องของชายผอมซูบในซอกมุมของซอยแยกมืด ๆ ในขณะที่เข็มฉีดยายังปักคาอยู่ในเส้นเลือดที่ท้องแขน และในกลางฤดูร้อน คุณอาจจะเดินไปเกี่ยวกับสายป่านของว่าวในมือเด็กซน ๆ ซักกลุ่ม

ในระหว่างเส้นทางเหล่านั้น มีกลุ่มวัยรุ่น 5-6 คน เดินมุ่งหน้าไปยังห้องซ้อมดนตรี วรวิทย์ มิวสิค ที่ซ่อนตัวอยู่ในเขาวงกตที่คดเคี้ยว สองคนที่ชอบเดินนำหน้าเสมอคือ บรรเลง กับพี่ปุ๋ย บรรเลงเป็นมือคีย์บอร์ดในขณะที่พี่ปุ๋ยเป็นมือกีต้าร์ เรื่องที่สองคนนี้มักจะพูดคุยกันก็มักจะเป็นเรื่องของเพลงที่กำลังจะไปซ้อม ไม่ก็งานแสดงใหม่ที่เพิ่งรับมา สองคนที่มักจะเดินถัดมาก็คือ ไข่ กับสมนึก ไข่เป็นมือกลองในขณะที่สมนึกเล่นกีต้าร์ ความจริงสมนึกน่าจะเดินไปคู่กับพี่ปุ๋ยมากกว่า เหมือนกับเวลาที่ยืนอยู่บนเวที สองคนนี้จะเล่นกีตาร์สอดประสานกันในบทเพลง Hiway Star หรือไม่ก็ Rock Bottom ได้อย่างผสมผสานกลมกลืน แต่สมนึกเป็นคนพูดน้อยทำให้คนอื่นคาดเดาความในใจของเขาได้ยาก แต่สำหรับไข่เป็นคนเฮฮาสนุกสนาน เขาเป็นมือกลองที่ชอบตีแหก ๆ ขัด ๆ ยังไงบอกไม่ถูก แต่เมื่อมันผสมกับฝีมือของทุกคน บทเพลงวณิพก พเนจรของคาราบาวในสำเนียงกลองของไข่ก็ลากผู้คนออกมาดิ้นกันหน้าเวทีได้ทุกครั้ง

คนที่มักจะเดินถัดมาก็มักจะเป็นผม แม้ว่าบนเวทีผมจะอยู่ในตำแหน่งหน้าสุดคือเป็นนักร้องนำและเพอร์คัสชั่น แต่เวลาเดินไปห้องซ้อมดนตรีผมกลับเดินเกือบจะรั้งท้าย ผมเป็นสมาชิกที่ใหม่ที่สุดของวง เป็นสมาชิกที่เด็กที่สุดของวง ไม่ว่าแนวเพลงที่ถูกวางมาจากหัวขบวนว่าอย่างไร ผมก็ว่าไปตามนั้น บรรเลงกับพี่ปุ๋ยจะเป็นคนวางสคริป์ของเพลงที่จะแสดง ไข่กับสมนึกจะออกคำแนะนำเรื่องความต่อเนื่องระหว่างเพลงช้า กับเพลงเร็ว จะเบรคตรงไหน จะเร่งตรงไหน พวกเขาสี่คนเห็นตรงกันบ้าง ขัดแย้งกันบ้าง แต่ไม่ช้าก็เร็วมันต้องมีข้อสรุปเสมอ และผมก็ทำตามข้อสรุปนั้นไปเรื่อย โดยที่ไม่เคยมีแม้สักครั้งที่ใครจะหันมาถามผมว่าผมคิดยังไง ตรงนี้ดีรึยังวะ เพลงโจ๊ะติดกันมากไปรึเปล่า .. มึงร้องไหวมั้ย ?

แต่คนที่มักจะเดินรั้งท้ายสุดก็คือ .. โต

โตเล่นเบสเป็นหลัก ถ้าวันไหนบรรเลงไม่ว่างโตก็จะคล้องเบสแล้วเล่นสลับไปกับคีย์บอร์ด ถ้าวันไหนพี่ปุ๋ยหรือสมนึกไม่ว่าง โตก็จะเล่นเบสสลับไปกับกีตาร์ ถ้าวันไหนผมมาไม่ได้ โตก็จะเล่นเบสไปด้วยร้องเพลงไปด้วย ให้ตายเหอะ ผมเคยเห็นกับตาตอนที่โตเล่นเบสไปด้วย ตีกลองไปด้วย

โตเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง ถ้าสมนึกเป็นคนที่ไม่ค่อยจะพูด โตก็จะเป็นคนที่พูดแล้วคนอื่นไม่ค่อยเข้าใจ ถ้าไข่เป็นคนที่สนุกสนานเฮฮา โตก็จะหัวเราะเอิ๊กอ๊ากราวกับขะขย้อนตับให้ไหลทะลักออกมาทางปาก ถ้าบรรเลงกับพี่ปุ๋ยเป็นหัวเรือ โตก็จะเป็นเหมือนหางเสือของเรือลำนั้น เพราะข้อสรุปสุดท้ายของพวกเรามักจะมาจากโตเสมอ และถ้าผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับใคร โตก็คือใครคนนั้นที่ผมจะพูดด้วย ถึงแม้ว่าคำตอบที่ได้กลับมาจากโตจะทำให้ผมเข้าใจมั่ง ไม่เข้าใจมั่ง แต่อย่างน้อยโตก็จะรับฟังสิ่งที่ผมอยากจะพูดทุกครั้ง

มีคนบางคน ที่มีชีวิตเป็นเหมือนกาว ที่เชื่อมประสานทุกอย่างให้ติดกัน และโตก็คือคนประเภทนั้น ...


. . . . . . . . . .

มีบางวัน ที่กลุ่มพวกเราจะเริ่มต้นด้วยการไปนั่งกินน้ำเต้าหู้ที่หน้าวัดใหม่พระพิเรนทร์ ก่อนที่จะค่อย ๆ เดินเข้าไปยังห้องซ้อมดนตรี วรวิทย์ มิวสิค ที่อยู่ลึกเข้าไปในเขาวงกตชายป่าหิมพานต์แห่งนั้น รูปขบวนการเดินทางก็จะเป็นเหมือนที่ผมเล่าในตอนต้นแทบทุกครั้ง จนมาวันหนึ่งที่ผมพยายามจะหาคำตอบว่าทำไมโตถึงเดินรั้งท้ายสุดของขบวน ด้วยการเดินตามประกบติดกับเขาและชวนเขาพูดคุยระหว่างทาง โตเดินช้ามาก เขาจะหยุดยืนหน้าแผงหนังสือเพื่อหยิบการ์ตูน เดอะซีโร่ วีคลี่ ฉบับใหม่ล่าสุดของสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจขึ้นมาพลิกดูเรื่องราวของการ์ตูนประจำเดือนนี้ที่ถูกบรรจุอยู่ในซองพลาสติกใส ผมเห็นเขาพยายามจะเอาสันหนังสือขึ้นจ่อที่หางตา พลางจ้องมองผ่านแผ่นพลาสติกใส ๆ ราวกับจะอ่านเรื่องราวที่อยู่ภายใน ก่อนจะวางมันลงที่เดิม โตหยุดซื้อชาดำเย็นใส่ถุงที่ร้านขายกาแฟโบราณ และมักจะกำชับให้ใส่น้ำแข็งเยอะ ๆ ก่อนจะดูดมันรวดเดียวแบบไม่หายใจหายคอจนชาดำเย็นในถุงแทบจะพุ่งออกมาทางรูจมูก แม้ในถุงใบเล็ก ๆ จะไม่เหลือชาดำเย็นอีกแล้ว เขาก็ยังดูดอากาศให้ไหลผ่านก้อนน้ำแข็งจากผ่านปลายหลอดจนเกิดเสียงดัง ปร๊อดดด ราวกับคนดูดกัญชาจากบ้องไม้ไผ่ ก่อนจะเดินออกจากร้านเขาจะเลือกหยิบขนมแยมโรลนิ่ม ๆ ถุงหนึ่งติดมือออกมาพร้อมกับจ่ายเงิน ถึงแม้ตอนนี้จะมีแววตาที่มีเครื่องหมายคำถามของผมปรากฎขึ้นแต่เขาก็ดูจะไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย

หัวขบวนเดินล่วงหน้าไปไกลแล้ว แต่โตก็ยังดูไม่มีทีท่าจะรีบร้อน กลับเดินทอดน่องไปตามทางเท้าในซอยอย่างสบายใจ หลายหนที่ผมพยายามจะเดินขึ้นไปตีคู่กับเขาเพื่อไถ่ถามสิ่งที่คั้งคาใจว่าทำไมเขาถึงชอบเดินรั้งท้าย ทำไมถึงดูดชาดำเย็นแบบตายอดตายอยากขนาดนั้น และเขายังมีพื้นที่ในท้องเหลือพอที่จะยัดแยมโรลถุงนั้นลงไปได้อีกเหรอในเมื่อเราเพิ่งจะกินน้ำเต้าหู้กันมาไม่ถึงห้านาที แต่รถมอเตอร์ไซค์รับจ้างในซอยแถวนี้เห็นคนเดินถนนเหมือนมดตัวหนึ่ง การบีบแตรลากยาวพร้อมกับพุ่งหัวรถเข้าหาด้วยความเร็วแทบจะเหนือเสียง ทำให้ผมต้องขยับออกห่างจากวงโคจรของพวกเขา และต้องถอยลงไปเดินท้ายขบวนอย่างไม่เต็มใจ แต่โตก็ยังเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ อย่างไม่สนใจกับสิ่งรอบข้าง ในขณะที่ผมก็เดินตามเขาไปเรื่อย ๆ และพอเลี้ยวขวาผ่านซอยเล็ก ๆ อีกซอยหนึ่ง ผมก็เห็นโตหยุดยืนอยู่หน้าบ้านไม้เก่า ๆ หลังเล็ก ๆ หลังหนึ่ง หน้าบ้านที่เป็นถนนซอยแคบ ๆ มีหญิงชรามาก ๆ นางหนึ่งนั่งพิงรั้วไม่ระแนงของบ้านหลังนั้น

บนศรีษะของนางคือผมสีดอกเลาที่ดูกระดำกระด่าง บางส่วนหงอกขาว บางส่วนดำสนิทราวกับเพิ่งถูกย้อมด้วยยาย้อมผมออด๊าซ แต่มันคงเป็นการย้อมผมจากช่างทำผมอายุ 5 ขวบล่ะกระมั้ง มันถึงได้ดำเป็นปื้น ๆ เป็นแถบ ๆ อย่างนั้น ถ้ามองจากระยะไกลอาจจะทำให้ใครสักคนคิดเอาได้ว่าแกมีตัวสกั๊งค์เกาะอยู่บนหัวก็เป็นได้ ผ้าถุงผืนเก่า ๆ กับเสื้อลายดอกเล็ก ๆ ที่เคยมีเค้าว่าเป็นสีนวลสวย ห่อร่างซูบผอมของนางราวกับแผ่นปอเปี๊ยะบาง ๆ ผมเห็นโตนั่งยอง ๆ ลงเบื้องหน้าหญิงชราคนนั้น ก่อนจะกระซิบกระซาบบางอย่างแบบแผ่วเบาชนิดที่ได้ยินกันเพียงสองคน ก่อนจะยัดถุงขนมแยมโรลนิ่ม ๆ ถุงนั้นใส่ในมือของหญิงชรา แล้วลุกขึ้นเดินทอดน่องต่อไปเหมือนว่าไม่มีผมยืนอยู่ตรงนั้นด้วย

ผมเดินตามหลังโตไปเรื่อย ๆ แม้จะมีคำถามคาอยู่บนใบหน้า และในความรู้สึก แต่เขาก็ไม่อาจจะมองเห็น แต่ฝีเท้าของเขาช้าลงเรื่อย ๆ จนผมเดินขึ้นมาเคียงไหล่ ผมกำลังช่างใจว่าผมควรจะไถ่ถามสิ่งที่ผมกังขาหรือไม่ โตก็ชิงพูดขึ้นก่อนว่า

มึงจะถามอะไรกู ไอ้โจ .. ?

ผมนิ่งไปชั่วอึดใจ ในสมองกำลังทำงานอย่างหนักระหว่างการถามไถ่สิ่งที่ผมสงสัย กับการก้าวล่วงเข้าไปในอาณาจักรทางความคิดของเขา ผมอาจจะนิ่งเงียบนานเกินไป โตเลยชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า กูไม่รู้จักยายคนนั้นหรอก ...

ผมพยักหน้าช้า ๆ ในเมื่อเพื่อนเปิดทางให้คำถามในใจของผมราวกับจะคาดเดาความคิดอ่านของผมออกเช่นนี้ คงไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นใดอีกต่อไป แต่ไม่ทันที่ผมจะขยับปากถาม โตก็พูดสวนขึ้นมาว่า

มีคนบอกว่ายายแกเสียศูนย์ ไอ้สมนึกมันเรียนช่างยนต์ มันน่าจะรู้เรื่องการเสียศูนย์ กูเคยถามมันไปทีนึงว่าไอ้อาการเสียศูนย์มันเป็นยังไง .. รู้มั้ย มันตอบกูว่าไง ?

ผมส่ายหน้าช้า ๆ โตหันมามองหน้าผมนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า

มันบอกว่า เสียศูนย์ คือ การที่วัตถุมิอาจพุ่งทะยานไปในวิถีที่ควรจะเป็น เนื่องจากถูกฉุดดึงด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก ...


ผมพยักหน้าช้า ๆ อีกตามเคย แต่ในหัวกลับพยายามตีบทวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบระหว่างการเสียศูนย์ของรถยนต์ กับของชีวิตคนอย่างหนักหน่วง และยังไม่ทันที่การประมวลผลยังไม่ทันจะสิ้นสุด โตก็พูดต่อไปว่า

มึงรู้มั้ย .. ข้อดีของมึงคืออะไร ?

เป็นอีกครั้งที่ผมส่ายหน้า ก่อนจะรีบเบี่ยงกายหลบรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่พุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วอีกคัน โตยังคงจังหวะการเดินที่เชื่องช้าของเขาต่อไปอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ก่อนจะบอกผมว่า

มึงเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกของเพื่อน มึงสนใจว่าเพื่อนจะคิดยังไง สิ่งที่มึงทำถูกใจใครต่อใครหรือไม่ จนบางครั้งมึงลืมมองโลกรอบ ๆ ตัวมึงเอง และไอ้ที่ร้ายที่สุดคือ มึงลืมมองไปว่า ตัวมึงเองรู้สึกยังไง กูว่า .. มึงก็เสียศูนย์ไม่ต่างจากยายคนนั้นหรอก

เฮ้ย .. มึงก็พูดเกินไป ผมเถียงแบบไม่มองหน้า แต่โตยังคงพูดต่อไปว่า

ไม่เกินไปหรอก ไม่ช้าก็เร็วมึงต้องถูกดึงจนตกถนนเหมือนยายคนนั้นแหละ คนที่ทั้งชีวิตตกอยู่ใต้แรงเหวี่ยง ถ้าไม่พยายามออกแรงหนีศูนย์ มึงไม่มีวันหาที่ที่หลุดจากแรงโน้มถ่วงได้หรอก ใครบอกวะว่าแกนโลกแม่งเอียง กูไม่เคยเห็นมีใครมุดลงไปดูที่แกนโลก พูดกันไปก็เชื่อกันไป ทั้ง ๆ ที่ตอนมึงยืนตอนมึงเดิน มึงทำตัวตั้งฉากกับแกนโลกแท้ ๆ แทนที่มึงจะถูกเหวี่ยงไปตามแรงหมุนของมันจนหัวทิ่มหัวตำเหมือนยายคนนั้น มึงไม่ลองหัดขืนตัวไว้มั่งวะ


ผมยังเดินต่อไปเงียบ ๆ คำถามเก่ายังไม่ได้คำตอบ คำถามใหม่ก็ไหลเข้ามาอีก มีรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างอีกคันวิ่งสวนมาข้างหน้า แต่ในหัวผมมีเรื่องราวมากมายที่รอการประมวลผล มันมากเสียจนคำสั่งให้ผมเบี่ยงกายหลบทำงานไม่ทัน ในเงาที่ไหววูบเบื้องหน้า ผมเห็นคนขับพยายามเบี่ยงแฮนด์รถมอเตอร์ไซค์จนมันพุ่งเฉียดแขนผมไปไม่ถึงสองนิ้ว โลกทั้งใบกึกก้องไปด้วยเสียงท่อไอเสียที่แผดร้องสนั่นซอยราวกับเสียงตะโกนด่า

อีกสามนาทีถัดมา สองคนที่เดินรั้งท้ายขบวนก็ตามมาสมทบกับเพื่อน ๆ ที่หัวขบวนได้ทันที่ประตูห้องซ้อมดนตรี พวกเราพากันก้าวเข้าไปภายในนั้น ในที่ที่เราไม่ต้องหลบใครต่อไปอีก และเมื่อเราเดินออกมา และก้าวขึ้นไปยืนหยัดบนเวทีที่แสงสปอต์ไลท์ฉาดสายมากระทบร่าง


เรายังยืนตั้งฉากกับแกนโลก ...


. . . . . . . . . .

ผมนั่งมองความหลังที่ผ่านพ้นไปด้วยความรำลึก ทั้งมิตรภาพระหว่างพวกเรา และสิ่งที่พวกเราเคยกระทำ หลังจากนั้นมาก็ยังมีเรื่องราวอื่น ๆ ไหลบ่าเข้ามาในชีวิตของผมอย่างต่อเนื่อง ผมไม่ได้กลับไปเยี่ยมเยือนซอยวัดใหม่พระพิเรนทร์นานมากแล้ว หญิงชราที่มีสีผมบนหัวเหมือนกับมีตัวสกังค์เกาะอยู่คนนั้นป่านนี้ก็คงจะเสียชีวิตไปแล้ว เช่นเดียวกับเพื่อนผมบางคนที่โบกมือลาไปนั่งรอผมในโลกหน้า แต่คำพูดของโตที่พูดกับผมระหว่างทางเดินในซอยแคบ ๆ วันนั้นยังคงผ่านเข้ามาให้ผมได้ไคร่ครวญเป็นระยะ ๆ


ผมไม่แน่ใจว่าทุกวันนี้ ผมออกแรงหนีศูนย์พ้นหรือไม่ หรือผมกำลังโดนเหวี่ยงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก ...


หรืออาจจะเป็นเพราะว่าแกนโลกมันเอียง ... ?

Comment #1
พี่แดง (Not Member)
Posted @5 พ.ย.51 0.27 ip : 58...17

มึงสรุปให้เหลือสักสองบรรทัดได้ไหมวะ?

Comment #2
Posted @5 พ.ย.51 7.37 ip : 124...235

อ้าว .. แล้วโลโก้ของพี่แดงล่ะ


ฝากความเสียใจกับเด็กดีคับ ... ด้วยครับพี่

Comment #3
Posted @5 พ.ย.51 7.45 ip : 118...148

เล็กๆน้อยๆนะจ่า  ตรงที่ "แมลงมุม" น่ะ จริงๆเป็น "แมงมุม" เพราะมันไม่ใช่แมลง

"แมง"ใช้กับสัตว์ที่มี 8 ขา


อีกคำคือ "ศรีษะ"    ต้องเขียนว่า "ศีรษะ"


"ผมกำลังช่างใจว่าผมควรจะไถ่ถามสิ่งที่ผมกังขาหรือไม่ โตก็ชิงพูดขึ้นก่อนว่า"  ต้องใช้คำว่า "ชั่งใจ"


เรื่องนี้โอเคจ่า

Comment #4
ฮง เจริญพาศน์ (Not Member)
Posted @30 ต.ค.52 1.57 ip : 67...160

อ่านแล้วคิดถึงสมัยตอนเป็นเด็ก วิ่งเล่น ขี่มอเตอร์ไซค์ทะลุหมดทุกซอกทุกซอย แต่ไม่เคย มีอะไรที่จะแปลกไปกว่า เมื่อหลายปีก่อน ขี่มอเตอร์ไซค์มาทางหลังโรงเรียนการช่าง รถติดไปไม่ได้ ติดเพราะ "ช้าง"

Comment #5
jam (Not Member)
Posted @22 ธ.ค.52 11.14 ip : 203...161

สมัยก่อนก็อยู่แถววังเดิม ใกล้วัดนี้ น่าจะชื่อวัดใหม่พิเรนท์ ไม่ใช่วัดใหม่พระพิเรนท์ เคยไปซ้อมดนตรีที่เดียวกันครั้งหนึ่งแต่ไม่ค่อยชอบ ไปร้านวราปากซอยพานิชธน ประจำผ่านมาเป็นเพียงความทรงจำหนึ่งเหมือนคุณ

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 22 user(s)

User count is 2416847 person(s) and 10079649 hit(s) since 2 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).