ตัดออกจากนิยายแล้วเสียดายที่จะทิ้งไปเฉยๆ เอามาฝากไว้นี่นะครับ กรณีศึกษา
ตอนที่ 26 นกยักษ์
เราออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าไปตามเขตป่ารกทึบและอับแสงลงทุกขณะ วันนี้ผมคุ้นชินกับการเร่งเดินตามฝูงค่างบนปลายไม้มากกว่าเมื่อวาน ในป่านี้มีหัวมันอยู่หลายชนิด ผมไม่รู้ว่าหัวมันที่ซาเลาหามาได้นั้นเรียกว่าอะไร แต่ดูจะให้เรี่ยวแรงกับผมเป็นอย่างมาก อาการเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวก็แทบหายเป็นปลิดทิ้ง
เพราะเรากำลังตามหารองเท้านารีซึ่งเป็นดอกไม้ ก็เลยพลอยทำให้ผมได้นึกถึงความซื่อใสของเด็กหญิงที่รักดอกไม้อย่างโซยา วันนี้ผมนึกถึงปรารถนาด้วย ไม่รู้ว่าคนเมืองอย่างเธอจะอยู่ลำพังกับชาวเงาะได้ดีเพียงใด ถึงเธอจะเป็นที่รักของเด็กๆ เป็นที่เมตตาของผู้ใหญ่ แต่บุคลิก ผิวพรรณ วิธีการคิดหาคำตอบในเรื่องราวต่างๆ ไม่มีสิ่งใดจะรวมเป็นเนื้อเดียวโดยไม่แปลกแยกกับเผ่าเงาะคนอื่นๆ ได้ ขาดผมที่เป็นคู่ปรับของเธอไปคนหนึ่ง นานวันไปเธอคงเริ่มคิดถึงบ้าน
เมื่อป่ารกทึบปกคลุมไปทั่ว ชนิดมองไม่เห็นแสงตะวันลอดผ่านช่องว่างใดๆ ลงมาถึงพื้น เราก็ได้ยินแต่เสียงฝูงค่างที่กระโดดลงปลายยอดไม้ไหวยวบๆไกลออกไปทุกที ถ้ารองเท้านารีขึ้นอยู่ในที่ลึกลับขนาดนี้ ไม่น่าที่พรานนำทางจะเคยเดินทางไปถึงได้
ถ้าเขาเคยเดินทางฝ่าป่าทึบผืนกว้างนี้ไปได้จริง คงจะต้องมีอะไรสักอย่างที่นำทางเขาไป
ครู ผมจำป่าผืนนี้ได้ อยู่ๆ ซาบิก็นึกเรื่องราวบางอย่างออก ป่านี้เป็นป่าอาถรรพณ์ ปู่เมืองเคยห้ามไม่ให้เข้าไป เพราะว่ามีนกยักษ์อยู่กลางป่า มันไข่ลงมาเป็นมัจจุราช พวกเราเคยตายกันเป็นร้อยในป่านี้
นี่มันเรื่องอะไรกันอีก นกยักษ์ที่ไข่เป็นมัจจุราช แม้จะฟังเป็นเรื่องระดับเหนือจินตนาการ แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมพบว่าตำนานของเผ่าเงาะมักจะมีที่มาจากเรื่องราวที่เป็นจริงเสมอ
มันนานแค่ไหนแล้วซาบิ ที่พวกเธอถูกห้ามไม่ให้เข้าไปในป่าผืนนี้
นานมากแล้วครู ปู่เมืองเล่าว่าตั้งแต่สมัยที่เคยมีคนเมืองกลุ่มใหญ่เข้ามาอาศัยป่าอยู่ร่วมกับพวกเรา
คนเมืองกลุ่มใหญ่เลยหรือ แปลว่าเธอเองก็เกิดไม่ทันได้พบกับคนเมืองกลุ่มนี้ล่ะสิ
ครูถามทำไม หรือครูคิดว่านกยักษ์นั่นเกี่ยวข้องกับคนเมืองกลุ่มนี้
ผมยิ้ม เวลานี้ซาบิที่อยู่ใกล้ชิดกับผมมาช่วงระยะหนึ่ง เขาได้เริ่มซึมซับวิธีคิดแบบเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ เข้าด้วยเหตุและผล การเรียนรู้ที่ได้ประสิทธิผลสูงสุด ก็คือการซึมซับโดยธรรมชาติ วิธีการนี้เป็นการเรียนรู้ที่ต้องอาศัยการทำซ้ำ และใช้เวลา แต่ซาบิมีพัฒนาการทางความคิดที่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว นั่นยิ่งตอกย้ำความเชื่อของผมที่ว่า เราไม่ควรทอดทิ้งชาวป่าชาวเขาให้อยู่กับการถูกเอารัดเอาเปรียบ คนด้อยโอกาสมีสิทธิ์จะเรียนรู้และพัฒนา
การพัฒนาอย่างสำคัญที่สุด ก็คือการให้โอกาส..
ซาบิมีพัฒนาการทางความคิดโดยได้ซึมซับไปจากผม ส่วนซาเลานั้นเติบโตขึ้นจากการเรียนรู้ที่จะเอาตัวรอด ฝ่ายเจ้าหมียักษ์ ความดุร้ายป่าเถื่อนชนิดที่เรียกกันว่า สัตว์หน้าขน ก็ยังสามารถถูกขัดเกลาให้เชื่องได้ ด้วยความรักและเมตตา
แต่ทั้งหมดนี้ คงเพราะได้สิ่งแวดล้อมอันบริสุทธิ์ของป่า และสังคมที่พวกเขาอยู่ ช่วยอำนวย
เท่าภูมิรู้อันไพศาลที่คนนอกป่าได้ศึกษากัน ครูพอจะสันนิษฐานอะไรบางอย่างขึ้นมาได้บ้าง และถ้าเป็นอย่างที่ครูคิด ตอนนี้นกยักษ์เหล่านั้นคงไม่เหลืออยู่แล้ว เราน่าจะเข้าป่าผืนนี้ได้อย่างปลอดภัย
ผมตบไหล่ซาบิ และหันไปเห็นซาเลานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ในตักของพูห์อย่างตั้งใจที่จะฟังเรื่องราว ธรรมชาติอันอ่อนโยนและบริสุทธิ์ของเด็กน้อยยังคงเปิดเผยตัวเองออกมา ผมนึกจะอุ้มเขามากอดไว้เพื่อแทนคำขอโทษในเรื่องที่ผ่านๆ มา แต่รู้ดีว่านั่นทำได้เพียงแค่คิด
ซาบิผู้มีความเฉลียวฉลาด และทรงจำเป็นเลิศ เธอลองเล่าให้พวกเราฟังพร้อมกันตั้งแต่ต้นซิ ว่าเรื่องราวเกี่ยวกับนกยักษ์ที่เคยได้ยินมาทั้งหมด เป็นอย่างไร?
ซาบิไม่ใช่คนบ้ายอแน่ๆ แต่หลังจากที่เขาฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันทุกซี่ที่เหลือในปาก เขาก็พรั่งพรูเรื่องราวในตำนานออกมาด้วยน้ำเสียงของผู้มีความภูมิใจในตัวเอง อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ปู่เมืองเล่าให้ซาบิฟังว่า เมื่อก่อนป่าทั้งป่าเป็นบ้านของชาวเงาะที่อยู่ร่วมกับสัตว์อื่นๆ ไม่มีสถานที่ไหนต้องห้าม ตราบเท่าที่รู้ภูมิศาสตร์ของป่า และธรรมชาติของสัตว์แต่ละชนิด ส่วนความไม่ประมาทนั้นเป็นธรรมชาติของคนป่าที่ต้องระวังตัวตลอดเวลาอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี เงาะเป็นเผ่าแห่งไฟ ตราบใดที่มีพระเพลิงอยู่ นอกจากช่วยหุงหาอาหาร ให้ความอบอุ่น สัตว์ร้ายก็ยังไม่กล้ากล้ำกรายอีกด้วย
มีแต่ป่าอาถรรพณ์ ที่พระเพลิงไม่อยู่เคียงข้างชาวเงาะ หากยังชี้นำทำลาย
วันนั้น ในผืนป่าทึบที่อุดมสมบูรณ์ ชาวเงาะเดินทางโยกย้ายกันเป็นปรกติ หลังใบตองและใบสิเหรงที่เอามามุงทับไว้แห้งเหี่ยวลง ปู่เมืองจำได้ว่าปีนั้นอากาศในป่าหนาวจัดแม้แต่เวลากลางวัน คนเดินนำที่ถือคบไฟเป็นหนุ่มฉกรรจ์ อีกไม่นานวันคนถือคบไฟก็จะได้ขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่ม เพราะหัวหน้าคนเก่ามีกำลังอ่อนลงมากแล้ว อีกทั้งคนนำยังรู้จับคบหากับพวกคนเมืองที่มาอยู่ป่า เขาจึงได้ทั้งภาษาและความรู้ใหม่ๆ ของคนเมืองประดับตัว พอที่กลุ่มเงาะจะหวังฝากอนาคตไว้ได้
สามวันก่อนย้ายทับ คนเมืองกลุ่มใหญ่ได้แวะมาบอกลาคนถือคบไฟ บอกว่าพวกเขาได้เวลาต้องออกจากป่า และคงไม่ได้กลับเข้ามาอีก เพราะต้องไป พัฒนา ปู่เมืองบอกว่าคนถือคบไฟจำคำนี้มาจากคนเมือง และปู่เมืองได้รื้อฟื้นความทรงจำเกี่ยวกับคำนี้อีกครั้ง ก็คือตอนที่ถูกเร่เป็นสัตว์แปลกไปตามที่ต่างๆ โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นงานที่จัดขึ้นตามวัด และหลายวัดถูกเรียกว่าวัดพัฒนาตัวอย่าง
คำว่าพัฒนา แปลว่าทำให้ดีขึ้นใช่ไหมครู ผมพยักหน้ารับแทนคำตอบ ซาบิจึงเล่าต่อ
วันที่คนเมืองกลุ่มใหญ่จากป่าไปนั้น บนฟ้าเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น พวกเราได้ยินเสียงเหมือนฟ้าจะถล่ม แต่ต่อมาหลังเสียงนั้นไกลออกไป ทุกคนก็ได้เห็นแผ่นเชื้อเพลิงปลิวว่อนกระจายลงมาจากฟ้าเต็มไปหมด พวกเราจึงช่วยกันเก็บมันมากองรวมกันอย่างลิงโลดใจ เพราะเผาดูแล้วมันติดไฟได้ดีกว่าฟืนทุกชนิดในป่านี้
แต่นั่นแหละคือลางร้าย เพราะทันทีที่กลุ่มควันซึ่งได้จากเชื้อเพลิงนี้ลอยสูงขึ้นสู่เมฆ นกยักษ์หลายตัวก็บินมาถึงที่เราอยู่ และพวกเราได้รู้ว่าเสียงที่ดังอย่างกับฟ้าถล่มก็คือปีกของมันนั่นเอง พวกมันไข่ลงมาจากข้างบน ไข่เป็นพญามัจจุราช คร่าชีวิตชาวเงาะไปนับร้อย รวมถึงคนถือคบไฟ
เงาะไม่กี่คนที่รอดจากเหตุการณ์นั้นมาได้ รวมถึงปู่เมือง ตั้งข้อห้ามไม่ให้เราเข้าไปในป่านี้อีก..
ฟังจากที่เธอเล่ามา ตอนนี้นกยักษ์คงไม่มีอีกแล้ว อย่างน้อยก็ภายในปีสองปีนี้ และย้อนหลังจากนี้ไป 28 ปี ซาบิ ตอนนี้ครูกะเกณฑ์อายุของเธอได้แล้ว เธออยู่ในราวไม่เกิน 27 ปีแน่ๆ
คะเนอายุได้แล้ว ซาบิถือว่ารุ่นราวคราวเดียวกับผม แต่เรื่องสำคัญกว่าที่พวกเขายังไม่รู้ ก็คือชาวเงาะกว่าร้อยที่ต้องตายลงไปด้วยความเข้าใจผิด ในห้วงเวลานั้นแท้ๆ
เมื่อ 28 ปีก่อน บนเทือกเขาบรรทัดนอกจากจะอุดมไปด้วยสัตว์ป่า พันธุ์พืช และเผ่าเงาะที่เป็นจ้าวแห่งพงพีแล้ว บนเทือกเขานี้ยังมีความสำคัญในการเป็นที่ตั้งของโรงเรียนและหน่วยพยาบาลของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย คนเหล่านี้หลายคนเป็นผู้มีการศึกษา หลายคนเป็นเกษตรกร แต่ที่มีเป้าหมายร่วมกันก็คือ ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมไปสู่ระบอบคอมมิวนิสต์ ตามแนวทางของลัทธิมาร์กซิสม์ และเหมาอิสม์
มีชาวบ้านมากมายที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ และภายใต้ข้อกล่าวหานั้น พวกเขาถูกกวาดต้อน กราดยิง จับยัดใส่กระสอบขึ้นเฮลิคอปเตอร์และถีบลงกลางอากาศ หลายคนถูกจับใส่ถังน้ำมันขนาดสองร้อยลิตร แล้วถูกเผาทั้งเป็น
รวมแล้วมีประชาชนที่อาศัยอยู่ในแนวเทือกเขาบรรทัด ต้องสังเวยกับคำว่าคอมมิวนิสต์ไปไม่น้อยกว่า 3,000 ศพ!
ส่วนบนป่าเขา จุดยุทธศาสตร์ของคอมมิวนิสต์ตัวจริงนั้น เจ้าหน้าที่รัฐไม่เคยเอาชนะได้ เพราะอยู่ในชัยภูมิที่เสียเปรียบ และสูญเสียมวลชนจากการกระทำนอกรีด ป่าเถื่อนของเจ้าหน้าที่ ดังนั้น เพื่อจะแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี รัฐบาลในยุคนั้นจึงมีนโยบายที่เรียกว่า 66/23 ยอมที่จะไม่ดำเนินการใดๆ กับเหล่าคอมมิวนิสต์ที่ตัดสินใจคืนเมือง วางอาวุธ และคำว่า พัฒนา ที่ปู่เมืองเล่าให้ซาบิฟัง น่าจะมาจากคำเต็มว่า ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย
ใบปลิวที่เฮลิคอปเตอร์เอามาโปรยลงในป่า เผยแพร่ข่าวสารเรื่องนโยบาย66/23 กลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่จะช่วยให้หมู่เงาะคลายจากความเหน็บหนาว ส่วนความแค้นเคืองของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีต่อคอมมิวนิสต์ ก็ทำให้การปราบปรามเกิดขึ้นอย่างเฉียบขาดท่ามกลางกลุ่มควันที่พวยพุ่งเป็นหมุดหมาย
ความขัดแย้งทางการเมืองในยุคนั้น เกือบจะทำให้ไม่เหลือเงาะป่าที่แสนอัศจรรย์ไว้คู่กับความดีงาม และผืนป่าเขาบรรทัดแห่งนี้แล้ว
ตอนที่ 27 แสงสว่าง
อากาศเย็นลงทั้งที่เป็นเวลาพอเริ่มบ่าย ความมืดในป่าทึบเวลากลางวัน ยังอับแสงกว่ารัศมีจันทร์ในคืนเพ็ญเสียอีก ยามนั้นพวกเราทั้งสี่คล้ายเดินเข้าสู่ห้วงจักรวาลของผืนป่า เสียงหริ่งหรีด เรไรดังระงม ขณะที่หมู่มวลแมลงหิ่งห้อยบินว่อนดุจหมู่ดาว ทอแสงสุกสว่างในตัวเอง
ด้วยแสงดวงน้อยของกลุ่มหิ่งห้อยนับพันนับหมื่นดวงนั้นเอง ทำให้ยามบ่ายที่มืดทึบพอจะสว่างวับวอมขึ้นมาได้บ้าง ซาบิกอบเอากลุ่มหิ่งห้อยกลางอากาศมาเต็มกำมือ คล้ายกับว่าเขาจะเอื้อมคว้าดาวลงมาได้ ต่อเมื่อพวกเราค่อยๆ เดินทางลึกเข้าไปในป่าแก่ ผมจึงรู้ว่าแสงสว่างในมือของซาบิ ตอนนี้มีค่ามากกว่าทองคำ
คนพวกนั้นเสี่ยงชีวิตมาตามทางนี่เพื่อจะมาเอาดอกไม้ ซาบิทวนคำขึ้นมาลอยๆ และเริ่มขมวดคิ้ว ฝ่ายซาเลาก็ต่อคำทันทีแจ้วๆ มาจากบนแผ่นหลังของหมียักษ์
ความหมายก็ไม่มี
เขากำลังหมายความว่า ดอกรองเท้านารีไม่มีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ของกลุ่มเงาะ นั่นเพราะว่าถึงแม้ชาวเงาะจะไม่รู้หนังสือ แต่พวกเขาก็มีวิธีการสื่อสารถึงกันด้วยจดหมาย ซึ่งไม่เหมือนจดหมายของเราๆ ที่เขียนตัวอักษรด้วยดินสอหรือปากกาลงบนแผ่นกระดาษ จดหมายของเงาะใช้ดอกไม้ ใบไม้ชนิดต่างๆ เล็บสัตว์ และอีกหลายอย่างเป็นสัญลักษณ์ ในหมู่พวกเขาจะรู้กันว่าหมายถึงอะไร
ซาเลาที่ยังเด็กอยู่นี้ คงพอรู้ความหมายในจดหมายของเงาะอยู่บ้าง แต่ก็คงน้อยนิดเมื่อเทียบกับภูมิรู้ของซาบิ ผมไม่ถามใครแต่นึกจินตนาการเอาเองถึงตอนที่ซาบิหลงรักสาวเงาะสักนางหนึ่ง แล้วถ้าเกิดมีคู่แข่งขึ้นมาท้าชิง ถ้าการแข่งขันกันนี้คือการส่งจดหมายรักเกี้ยวพาราสี อะไรจะเป็นสิ่งที่แตกต่าง ในเมื่อสัญลักษณ์ที่แปลออกมาเป็นเนื้อความของทั้งคู่คงไม่ต่างกัน
ผมไม่รู้ว่าควรถามซาบิอย่างไร แต่ผมสรุปเอาจากตัวเองว่าถ้าผมต้องเลือกซาบิ ผมจะเลือกเพราะเขาทุ่มเทแรงกายแรงใจ เพื่อปกป้องและอยู่เคียงข้างคนที่ตัวเองรัก
ซาบิที่กำความสว่างไว้ในมือกำลังเดินนำพวกเราไป ทั้งที่คิ้วแห่งความสงสัยของเขายังไม่คลายปม ทว่ายามนี้ ความคิดที่ฟุ้งซ่านกลับทำให้ผมนึกห่วงปรารถนาขึ้นมาอีก เธอที่ร้ายกาจ แต่ใครล่ะที่ควรเป็นผู้ปกป้องเธอจากภัยในป่า ผมหลับตาแล้วรีบสลัดความรู้สึกผิดออกจากใจ คนคิดถึงเมื่อไกลกันจะมีความหมายอะไร
เมื่อคืนข้าฝันเห็นครูปรารถนาและเผ่าของเรา พวกเขาเดินทางอยู่อีกฟากของป่า ทุกคนยังเข้มแข็งดี รออีกสองวันจะมาบรรจบกันกับกลุ่มของเรา
ใจผมเจิดจ้าขึ้นพร้อมกับดวงตา เมื่อได้ยินความฝันที่เด็กน้อยเล่า
ข้ามาเพราะความฝันของข้า ไม่ใช่เพื่อดอกไม้บ้าบอนี่หรอก
นึกประหลาดใจในตัวเอง ผมไม่รู้ว่าทำไมคราวนี้ความฝันที่ซาเลาเล่าให้ฟังนั้น จึงสามารถสร้างแรงพลังแห่งหวังขึ้นมาได้มาก และช่วยทำให้ความห่วงกังวลคลี่คลายลงอย่างอัศจรรย์ ผมกลายเป็นคนที่ศรัทธาในความฝันไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ในสถานที่ซึ่งไร้ทั้งโทรศัพท์ ดาวเทียม หรือแม้แต่ความสว่างของดวงอาทิตย์ ผมได้ความฝันของซาเลาหล่อเลี้ยงหัวใจ ช่วยให้สามารถเดินต่อไปอย่างมีเรี่ยวแรง
..ไม่ว่าจะเป็นหัวมันเมื่อคืนนี้ หรือความฝันที่เขาเล่า น่าทึ่งที่ว่าซาเลาคล้ายจะเป็นเครื่องกำเนิดพลังงานสำหรับตัวผม มันเป็นเรื่องบังเอิญ หรือเป็นสิ่งพิเศษที่บรรจุอยู่ในตัวเขากันแน่
ยามนี้ผมยังไม่อาจรู้..
ในเมืองที่ครูจากมา การเข้าป่าลึกมาเพื่อหารองเท้านารียังไม่นับเป็นสิ่งบ้าบอหรอก มีคนจำนวนไม่น้อยต้องเดินทางลึกลงไปใต้ผืนดินในระดับความลึกเป็นกิโลเมตร ซึ่งเป็นหน่วยวัดที่แปลว่าลึกมากกว่าโพรงของงูจงอางหลายร้อยหลายพันเท่า ใต้ผืนดินในระดับนั้นมีอากาศเบาบาง แต่มีแร่อัญมณีที่มีค่า มีแร่เชื้อเพลิงที่จำเป็น เขาจึงต้องส่งคนนับร้อยลงไปขุด บางครั้งปากโพรงลึกนั่นถล่มลงไป คนที่อยู่ข้างใต้ก็ถูกฝังทั้งเป็น
ซาบิที่เดินนำอยู่ข้างหน้า กำแสงสว่างหันกลับมา
ถ้าอย่างนั้นตอนกลับไปสอนคนเมือง ครูต้องสอนให้พวกเขาฉลาดกว่าเดิมด้วย เหมือนที่ครูมาสอนพวกเราให้รู้จักคิด
ครูจะพยายาม
ตอนที่ 28 นายแห่งกาเยาะ
ถ้าเป็นอย่างความฝันของซาเลา(ซึ่งตอนนี้ผมคิดเหมาเอาเองแล้วว่าเงาะนั้นฝันแม่น) อีกเพียงแค่สองวันเท่านั้นเองเราก็จะได้พบกับทุกคนในเผ่า อีกสองวันผมจะได้เจอกับปรารถนา การพบกันคราวนี้พร้อมกับซาเลาและวินนี่เดอะพูห์ น่าจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้นมาบ้าง
แต่บรรยากาศในป่าลึกกำลังเปลี่ยนไป ลมป่าลอยอ้อยอิ่ง กลิ่นสาบสางของสัตว์ร้ายโชยชายรอบบริเวณ ไม่มีฝูงหิ่งห้อยกลุ่มอื่นอีกแล้ว นอกเหนือไปจากที่อยู่ในมือของซาบิ แม้ซาบิจะกล้าเดินเข้ามายังผืนป่าทึบนี้เพราะคำยืนยันของผมเรื่องไม่มีนกยักษ์ แต่เขายังปฏิเสธที่จะถือคบไฟมาเช่นคนนำในรุ่นก่อน เหมือนกลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เหมือนเขากังวลกับความตาย ความตายที่เขาว่ามันง่ายนิดเดียว
หรือจะมีอะไรอีกสักอย่าง ที่ซาบิไม่ได้บอกกับผม..
ในกลิ่นสาบสาง เราก็ได้ยินเสียงหมาป่าหอนรับกันเกรียวกราวอย่างผิดเวล่ำเวลา เสียงนั้นชัดเจนว่ามาจากทิศทางใดหนึ่งเบื้องหน้าไม่ไกลออกไป แล้วจากนั้นความทรงจำของผมพลันเหมือนถูกไขกุญแจออกมาจากลิ้นชัก ดวงตาผมเจิดจ้า หัวใจเต้นตึงตัง
โซยาเคยบอกว่าให้รอฟังเสียงหมาป่า แล้วจะหาคาไวเจอ!
ซาบิ ซาเลา บางทีเราอาจมาที่นี่ไม่เสียเที่ยว เดินตามเสียงหมาป่านี้ไปเถอะ คาไวอาจรออยู่ข้างหน้า
ความตายต่างหากที่รออยู่ ซาเลาสวนคำ ถ้าในป่ามีฝนตกลงมาห่าใหญ่ จะแปลว่ามีสัตว์ขนาดใหญ่ได้ตายลงไป แต่ถ้าเมื่อไรที่ฝูงหมาป่าหอนกันกรูกราว ที่ตรงนั้นมีความตายรออยู่เบื้องหน้า ปู่เมืองเคยบอกข้าแบบนี้
คราวนี้ครูไม่ได้เชื่อตัวครูเอง แต่ครูเชื่อความฝันของโซยา
เด็กแก่แดดคนนั้นหรือฝัน ซาเลาส่ายหน้า เบะปาก ตอนข้าอยู่ในเผ่า โซยาไม่เคยฝันสักครั้ง
ซาเลา ผมพูดเสียงหนักแน่น คนเราสามารถเติบโตขึ้น และเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ เธอไม่ควรจะตัดสินคนอื่นจากเท่าที่เธอเคยเห็นและรู้จัก
แล้วตัวครูเองล่ะเปลี่ยนแปลงไปยังไง เงาะน้อยย้อนคำ
ครูมีศรัทธามากขึ้น
ศรัทธามันเป็นอย่างไรหรือครู ซาบิตั้งคำถาม แต่ไม่ทันที่ผมจะตอบ ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน พื้นที่รองรับการเดินของพวกเราก็กลับยุบยวบลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งร่างของทั้งคนและหมีลงกระแทกกับพื้นดินที่ขุดลึกลงไปเสียงดังอั้ก ซาบิเผลอปล่อยฝูงหิ่งห้อยหลุดไปจากมือ พวกมันบินว่อนสูงขึ้นไปอย่างแช่มช้า ขับแสงเรืองรอง แล้วจากนั้นก็ทยอยลับหาย
เราตกหลุมพราง!
ท่วงทำนองโหยหวนของฝูงหมาป่ายังได้ยินอยู่ไม่ไกล แต่ตอนนี้ไม่มีทางใดเลยที่เราจะเดินทางต่อไปยังสถานที่แห่งไหนได้อีก นอกจากเสียงร้องของหมียักษ์แล้ว ไม่มีใครพูดอะไรสักคำอยู่เป็นนาน เพราะเราต่างรู้กันดีว่ากำลังเผชิญกับชะตากรรมชนิดไหน
ครูยังไม่ได้ตอบคำถามของเธอสินะซาบิ ศรัทธาก็เป็นเช่นที่เราเผชิญอยู่นี้ เราต้องเชื่อว่าเราจะสามารถผ่านความยากลำบากทุกอย่างไปได้ ด้วยคุณความดี และเจตนาดีที่เรามุ่งกระทำ
ที่ว่าครูมีศรัทธามากขึ้น อย่างหนึ่งคือครูศรัทธาในความบริสุทธิ์งดงามในจิตใจของพวกเธอ สิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยรักษาป่า แต่จะช่วยรักษาโลกทั้งโลกไว้ได้ เหมือนที่ครูเคยบอกว่าเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว
ผมเองก็มีศรัทธาต่อครู ซาบิบอกออกมาเช่นนั้น
จ้าวป่าจะมาช่วยเรา นั่นคือศรัทธาของซาเลา
ในหลุมพราง มันมีขนาดแคบเสียยิ่งกว่าโพรงต้นไม้ของพูห์ เราจึงไม่อาจหลีกหนีการสัมผัสกันและกัน ผมเอื้อมมือลูบขนเจ้าหมียักษ์ขณะที่มันยังครางอยู่ในลำคอ แล้วเอื้อมมืออีกข้างไปลูบศีรษะของเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน เด็กที่ช่างกล้าหาญ ช่างดื้อรั้น ช่างชาญฉลาดในคนเดียวกัน หากเขาสามารถเติบโตขึ้นเป็นผู้ดูแลผืนป่าทั้งเขาบรรทัดไว้ได้ทั้งหมด เขาก็จะสามารถเป็นวิญญูแห่งไพรพนาได้โดยแท้ ผมเชื่อว่าจ้าวป่าเองจะมีศรัทธาต่อเขา
ผมหลับลึกอยู่ในหลุมพราง และฝูงหมาป่าหยุดหอนไปเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่รู้สึกตัวขึ้นเพราะมีบางอย่างมาสะกิดอยู่บนศีรษะ เอื้อมมือไปจับคลำดูแล้วต้องสะดุ้ง เพราะสิ่งนั้นใหญ่ยาวและมีชีวิตคล้ายลักษณะลำตัวของงูทวด แต่เปล่า สัมผัสที่ผมจดจำได้ต่อมา บ่งบอกว่าสิ่งที่ผมกำลังลูบคลำอยู่นั้นมิใช่งูเหลือม
หากแต่เป็นงวงช้าง!
ดวงไฟสว่างวอมปรากฏขึ้นเหนือหลุมพราง
เกาะงวงของกาเยาะขึ้นมา อย่าชักช้ากัน พวกคนไม่ดีเดินนำหน้าไปไกลแล้ว เผ่าเงาะกำลังจะเดือดร้อน นาทีแห่งความสงสัยผสมปนเปอยู่กับความหวาดกลัว แต่ที่เหนือกว่านั้นก็คือความศรัทธา ความศรัทธาประการเดียวที่นำพาความกล้าหาญมาสู่พวกเรา ทำให้ทุกคนรวมแม้แต่หมียักษ์ไม่ลังเลที่จะเกาะงวงช้างกลับขึ้นไปอยู่เหนือปากหลุม
ซาเลามีศรัทธาเหนือกว่าทุกคน เพราะเขาก้าวฝ่าความกลัว เอาแขนน้อยที่แข็งแกร่ง เกาะงวงช้างที่ถูกเรียกว่ากาเยาะขึ้นไปเป็นคนแรก
พวกเราจะนำทางต่อไปให้ถึงจุดหมาย ขอจงตามมาอย่าได้หวั่นเกรงสิ่งใดๆ เจ้าของถ้อยคำเป็นชายร่างขนาดกะทัดรัด เส้นผมของเขาหยิกงอเหมือนผมเงาะ ผิดแต่ผิวพรรณนั้นขาวซีดอย่างกับคนเผือก ในมือของเขาถือคบไฟที่ให้แสงสว่างจ้า หากหาได้ก่อให้เกิดความร้อน แสงจากคบไฟส่องสะท้อนร่างของสัตว์ใหญ่ขนาดสูงสักสี่เมตร งายาวไขว้เกี่ยวกันโค้งเหมือนเคียว ดวงตาลึกลับมิได้สะท้อนแววเหมือนอย่างจงใจจะซุกซ่อนอยู่ในเงามืด ผมถามคนนำว่าตอนนี้เป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนแล้ว
กลางคืน เขาตอบห้วนสั้น และเริ่มก้าวเดินไปเคียงข้างพญาช้างสาร ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ถามอะไรต่อ ฝ่ายเจ้าหมีที่เคยยักษ์นั้นเดินตามหลังช้างไปอย่างเจียมตน โดยมีซาเลานั่งโดยสารอยู่บนหลังของมัน ส่วนซาบิ เขาก้าวเดินเคียงข้างกับผมเช่นเคย แต่ในรัศมีของคบไฟ ผมได้เห็นน้ำตาของเพื่อนตายไหลเป็นทาง จนอดที่จะถามอะไรเขาไม่ได้
ซาบิเคยรู้จักกับเขาคนนี้มาก่อนไหม
ครับ เขาตอบ ผมเคยรู้จักเขา เคยได้ยินเรื่องราวของเขา แม้ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ผมมั่นใจว่านี่เป็นเขาแน่ๆ
ใครกันซาบิ
จ้าวป่าครับ
&..
คบไฟของคนนำโชนกล้า นำพาพวกเราทั้งหกชีวิตเดินทาง ผ่านปัญหาธรรมชาติของผืนป่ากลางคืนไปไม่ยากเย็น ผมได้ยินเสียงคนก้าวตามมาเบื้องหลังอีกราวสักร้อย แต่เหลียวหลังไปหลายครั้งก็ไม่เห็นมีใคร
จ้าวป่า จ้าวป่า จ้าวป่า..
สถานที่และเวลา ทำให้คิดเป็นอื่นไปไม่ได้!
ตอนที่ 29 น้ำตาของซาบิ
ในชีวิตของครูคนหนึ่ง ที่มีหัวใจแห่งนักผจญภัยโลดเต้นอยู่ในทรวง ผมเดินทางมาแล้วไม่น้อยกว่านักผจญภัยรายอื่นในช่วงวัยเดียวกัน ทั้งโลกนี้ สิ่งมหัศจรรย์ที่สุดที่เคยเห็น ก็คือการเกิดขึ้นของบั้งไฟพญานาค ในคืนวันออกพรรษาที่กลางลำน้ำโขง จังหวัดหนองคาย ผมไม่เคยเชื่ออะไรงมงาย จึงนึกคล้อยตามคำอธิบายของนักวิทยาศาสตร์ ที่ว่าบั้งไฟพญานาคเป็นเพียงปรากฏการณ์ของก๊าซมีเทน
แต่เมื่อภาพบั้งไฟพญานาคที่ผุดขึ้นกลางลำน้ำโขงได้ปรากฏให้เห็นกับตา เป็นดวงไฟสว่างนวลทยอยผุดขึ้นจากกลางแม่น้ำทีละดวง ล่องลอยตรงแน่วขึ้นสู่ท้องฟ้าราตรี ก่อนจะค่อยๆ ราแสงโชติช่วงเลือนลับหาย ภาพที่เห็นนี้ ไม่ว่าจะอธิบายปรากฏการณ์ของมันด้วยตรรกกะข้อใด แต่ผมก็ยังรู้สึกขนลุกชันไปทั่วตัว และน้ำตายังคงไหลซึมออกมาด้วยความตื้นตันกับสิ่งที่เกิดตรงหน้า..
ภาพชายผิวเผือกรูปร่างสันทัด ที่เดินถือคบไฟอยู่ตรงหน้า เคียงข้างกับช้างงาไขว้ขนาดมหึมา ซึ่งซาบิให้คำตอบแก่ผมว่าเขาคือ จ้าวป่า และไม่ว่าเขาจะเป็นจ้าวป่าจริงหรือไม่ การปรากฏขึ้นของเขากลางป่าแห่งนี้ ก็ทำให้ผมรู้สึกขนลุกชันทั่วตัวขึ้นอีกครั้ง
ความมหัศจรรย์ กับความศรัทธา เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และเป็นไปได้ ..ผมเห็นแล้ว
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เมื่อพวกเงาะพูดถึงจ้าวป่า ผมกลับนึกไปถึงจ้าวป่าในเชิงนามธรรม นึกถึงตำนานที่บอกกันปากต่อปากในเรื่องหาข้อพิสูจน์มิได้ ผมนึกตำหนิตัวเองว่าทั้งที่รู้ทั้งรู้ในข้อที่เงาะไม่เคยสัมผัสกับสิ่งที่เป็นนามธรรม ทุกสิ่งที่พวกเขาเอ่ยอ้างล้วนแล้วแต่เป็นรูปธรรมทั้งนั้น ถ้าเขามีความเชื่อเรื่องจ้าวป่า ก็แปลว่าเขาเคยเห็นจ้าวป่ามาก่อน ถ้าครูอย่างผมจะสอนพวกเขาในเรื่องใดๆ ผมก็ต้องทำให้พวกเขาเห็นเป็นรูปธรรมขึ้นมา
ผมหันไปคุยกับซาบิ ด้วยเสียงระดับกระซิบ
พวกเธอเคยเห็นจ้าวป่ากันมามากแล้วหรือซาบิ
เงาะหนุ่มเพื่อนตาย ยกฝ่ามือขึ้นปาดน้ำตา
ไม่ครับ ต้องเป็นรุ่นปู่เมืองเท่านั้นถึงจะเคยเห็น แต่ผมรอวันนี้มานานเต็มทน เขาเป็นอย่างที่ปู่เมืองเคยบอก มีผิวกายสีนวลไม่เหมือนใครๆ แต่ทะนงองอาจ เสียสละ และรักทุกชีวิตในป่านี้
แต่จ้าวป่าดูหนุ่มกว่าปู่เมืองมาก เขาดูประมาณรุ่นๆ กับเธอหรือครูเสียด้วยซ้ำ จ้าวป่าไม่แก่ตัวลงบ้างรึ
เขาไม่มีวันแก่
ทำไมล่ะ ผมอดสงสัยไม่ได้ แต่ซาบิไม่ตอบ
ดังนั้นเราทุกคนจึงได้แต่เร่งเดินตามจ้าวป่าไปจนเวลาเริ่มสว่าง มองไปลิบๆ เห็นว่ากำลังจะพ้นเขตป่าทึบเข้าสู่ลานหินโล่ง และเริ่มได้ยินเสียงสายน้ำไหลริน จ้าวป่าผู้นั้นหยุดเดิน มือข้างหนึ่งลูบท้องช้างใหญ่กาเยาะ มืออีกข้างชี้ไปบนยอดไม้เบื้องหน้า ฝูงค่างหัวหอกนอนงัวเงียอยู่บนนั้น
จุดหมายที่เราว่ามาถึงแล้ว ฝูงค่างนำทางมารอพวกเจ้าตั้งแต่เมื่อเย็นวาน ข้ามลำธารไปคือดงรองเท้านารี และจากนี้ให้ระมัดระวังตัว แต่เจ้าเด็กที่หลับอยู่บนหลังหมีจะช่วยพวกเจ้าได้มาก
จ้าวป่า ซาบิเอ่ยคำด้วยเสียงสั่นเครือ สองขาค่อยพาร่างของเขาไปยืนอยู่ตรงหน้าชายผิวเผือก ผมขอกอดท่านสักครั้ง
จงเข้มแข็งซาบิ อีกไม่นานเจ้าจะได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ การกอดบ่งบอกถึงความอ่อนแอ
ไม่จริงหรอก ผมเดินตามซาบิไปอยู่เคียงข้างเขา และกล้าที่จะคัดค้าน การกอดบางครั้งอาจบ่งบอกถึงความกล้าหาญ ผมเคยคิดจะกอดพ่อของผม แต่ก็ไม่เคยได้กอด นั่นก็เพราะผมอ่อนแอ
ซาบิไม่จำเป็นต้องกอดเรา เขาก็เป็นคนกล้าหาญคนหนึ่ง เป็นคนดีคนหนึ่ง และเป็นคนสามารถคนหนึ่ง
พูดจบ เขาก็ก้าวเท้าเหยียบงาช้างไขว้ขึ้นไปอยู่บนศีรษะของกาเยาะ ใบหน้าของเขาถูกความมืดปกคลุมเลือนราง
เราจะกลับไปทางเก่า แต่พวกเจ้าจงอย่าได้หันหลัง
ร่างทั้งร่างของซาบิสั่นเทา ขณะที่พญาช้างสารกำลังหันหลังกลับเข้าไปในผืนป่ามืดทึบ ผมกุมมือซาบิแน่น จูงเขาเดินไปข้างหน้าได้ไม่กี่ก้าว ซาบิก็เหลียวหลังกลับไปมอง นั่นเองที่ทำให้เขาถึงกับทรุดตัวลงนั่ง และก้มหน้าซบน้ำตากับผืนดิน
ผมเหลียวกลับมองตามซาบิไป ไม่เห็นร่องรอยของใครในป่าอีกเลย ทั้งที่เป็นการเดินทางของช้างขนาดมหึมา แต่ที่ทำให้ผมกังวลคือผมไม่เคยเห็นซาบิโศกเศร้าอาดูรเช่นนี้มาก่อน เรื่องที่เราได้เจอจ้าวป่าควรเป็นเรื่องน่ายินดีมิใช่หรือ?
ซาเลาตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เขากระโดดลงมาจากหลังหมีเพื่อนยาก แล้วขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนบ่าของซาบิ เอามือตบหัวเงาะรุ่นพี่ดังแปะๆ
ลุกขึ้นยืนเถอะพี่ซาบิ อย่าให้เรื่องเล่าของเผ่าเราต้องซ้ำรอย พี่เท่านั้นที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
นั่นแหละ ซาบิที่แบกร่างของซาเลาไว้บนบ่าจึงลุกยืนขึ้นมา ร่างกายสันทัดของเขาตอนนี้ดูใหญ่โตสะท้อนรับกับลำแสงสีทองจากดวงอาทิตย์ ที่ปลุกทุกสรรพชีวิตบนผืนป่าให้ตื่นจากหลับฝัน รวมไปถึงฝูงค่างหัวหงอก นักนำทางบนยอดไม้
ฝูงค่างพอก้มลงมาเห็นพวกเรา พวกมันก็ชวนกันกระโดดขย่มยอดไม้ด้วยความลิงโลดยินดี ซาเลาโบกมือทักทายสหายของเขา แล้วตะโกนขึ้นไปด้วยภาษามนุษย์
ได้เวลาสนุกกันแล้วพวกเรา
วู้วๆๆๆๆ
ผมได้ยินเสียงบนยอดไม้ตะโกนลงมาอย่างนั้น