วันกล้วยไม้บาน .. ที่บ้านพ่อ
...
ทันทีที่ก้าวขาลงจากรถ เด็กชายสองคนพี่น้องต่างก็พากันวิ่งไล่กันไปตามทางเดิน คอนกรีตเล็ก ๆ ที่ทอดตรงไปสู่บ้านชั้นเดียวยกใต้ถุนสูงสไตล์รีสอร์ทที่อยู่เบื้องหน้า ก่อนที่จะพากันหยุดกึกราวกับมีดิกส์เบรคที่สองฝ่าเท้าก่อนจะถึงบ้านหลังนั้นเพียง ไม่กี่ก้าว
สองข้างทางเดินคอนกรีตเล็ก ๆ มีต้นมะม่วงและชมพู่มะเหมี่ยวยืนต้นสูงราวกับเป็น ยักษ์ผู้พิทักษ์อาณาจักรอันน้อยนิด ดอกบานไม่รู้โรยยืนกอดกอเกลียวกลมเป็นแผงพรืด สลับกับดอกสีขาวนวลบนกิ่งก้านต้นโมกข์ ถัดไปเพียงเล็กน้อยเป็นร้านกล้วยไม้ที่แขวน ห้อยกันอลหม่าน ทั้งหวาย ทั้งแวนด้า และกล้วยไม้แคระหน้าตาแปลก ๆ สิ่งเดียวที่ดู จะเหมือนกันก็คือ ทั้งหมดต่างแข่งขันกันแทงช่อดอกกันขวักไขว่ ไขว้สลับซับซ้อน ราวกับนัดกันออกดอก
และท่ามกลางหมู่แมกไม้ทั้งมวล คือฝูงผีเสื้อน้อยใหญ่ ต่างพากันโบยบินอวดปีกสีสวย ราวกับเหล่านักแสดงที่เดินทางมาร่วมงานประกาศรางวัลสุพรรณหงษ์ทองคำ !
"อู้ฮู้ .. บ้านปู่มีผีเสื้อเยอะจังเลยเน๊อะ .. พ่อ"
น้องภู .. ลูกชายคนโตหันมาพูดกับผมที่กำลังเดินหิ้วของพะรุงพะรังตามเข้ามา ในขณะ
ที่น้องทิว ลูกชายคนเล็กกำลังสวมวิญญาณนักสำรวจเหมือนกับในสารคดี ไวลด์ แพลนเน็ต
ด้อม ๆ มอง ๆไปตามกอดอกบานไม่รู้โรย และพยายามจะเก็บตัวอย่างของผีเสื้อสีสวยเพื่อ
เอามาทำการวิเคราะห์สายพันธ์ โดยหาได้สนใจกับชายสูงอายุที่กำลังยืนยิ้มแป้นอยู่บน
ระเบียงหน้าบ้าน ...
ใครก็ไม่รู้พูดไว้ พูดไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ .. แต่ผมดันจำไอ้ที่เขาพูดได้ว่า
"ความไร้เดียงสาของเด็ก ๆ คือความชุ่มชื่นใจของคนแก่ ... "
ไอ้ผมก็ได้แต่ยิ้ม ๆ .. ตอนที่เดินเข้าไปไหว้พ่อ
...
น่าเสียดายที่วันนี้แม่ผมไม่อยู่ เนื่องจากท่านต้องเดินทางไปต่างจังหวัด เพื่อจัดการเรื่อง ที่ทางมรดกอันเป็นภาระผูกพันของท่านกับบรรดาน้า ๆ ของผม ไอ้สองตัวแสบเลยเจอแต่ปู่ แต่ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาสักเท่าไหร่ เพราะแผนการวันนี้คือ การพาปู่ไปทำบุญเนื่องในโอกาส เทศกาลเข้าพรรษา ความตั้งใจแรกก็คือพากันไปถวายเทียนพรรษาที่วัดบางพลีใหญ่ เนื่อง จากวัดบางพลีใหญ่อยู่ไม่ห่างจากบ้านปู่สักเท่าไหร่ แต่แล้วแผนการก็มีอันต้องเปลี่ยนแปลง กลางคันเมื่อผมดันถามแหย่ ๆ เมียว่าไปวัดหลวงพ่อโสธรกันดีมั้ย ...
และเมียก็ยืนยันตอบกลับทันทีว่า ดี ... เพราะชั้นยังไม่เคยไป !
ขบวนการแฟมมิลี่มหากุศล ก็เลยมุ่งหน้าสู่จังหวัดฉะเชิงเทรา ด้วยประการฉะนั้น ...
...
เป็นการเดินทางด้วยรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ครึกครื้น และฮึกเหิมเป็นอย่างยิ่ง เมื่อไอ้สองตัวแสบ ยืนยันจะให้ปู่ดูวีซีดีมวยปล้ำ wcw เป็นความบันเทิงระหว่างการเดินทาง โดยไม่สนใจว่าพลขับ อย่างผมจะหนวกหูรำราญสักปานใด ยามที่สามหนุ่มส่งเสียงเชียร์สตีฟ ออสติน ทำท่าซุปเปอร์ สแม็ชใส่คู่ต่อสู้ และไอ้พลขับก็หาได้ชำนาญเส้นทางแต่อย่างใดไม่ ดีอย่างนึงที่ที่วัดหลวงพ่อ โสธรเป็นวัดใหญ่และเป็นที่นิยมของเหล่าพุทธศาสนิกชน จึงมีป้ายบอกทางเป็นระยะตั้งแต่แยก จากบางนา-ตราด ไปจนถึงวัด หาไม่แล้วผมคงพาเข้ารกเข้าพง เลยไปออกพนมสารคามซะเป็นแน่
เฮ้อ ...
...
ละอองฝน เริ่มโรยตัวลงก่อนกลับถึงบ้านปู่ และหนาเม็ดขึ้นจนผมตัดสินใจพักรอชั่วครู่ที่บ้านพ่อ
ก่อนจะเดินทางกลับบ้านที่ดอนเมือง สองเด็กแสบกำลังควักจ้วงไอศครีมใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย
ในขณะที่ผมปลีกตัวมานั่งปล่อยอารมณ์ที่ระเบียงหน้าบ้าน
แต่เล็ก จนโต ทุกครั้งที่พ่อพาผมออกไปเที่ยว ผมจะจำได้ทุกครั้งตราบจนถึงทุกวันนี้ ทุกที่ .. ทุกแห่ง .. มันถูกจารึกราวกับเป็นรอยสักที่ผนังหัวใจ แม้วันเวลาจะผ่านเลยไปนานแค่ไหน ขอเพียงผมมีเวลาอยู่กับตัวเอง ภาพเหล่านั้นจะถูกโรล แบ็ค กลับมาแจ่มชัดราวกับกดรีโมท ถอยหลัง ..
วันนี้ .. ผมได้พาลูกผมออกไปเที่ยว เหมือนอย่างที่พ่อผมเคยพาผมออกไปเที่ยว
และผมได้พาพ่อผมออกไปเที่ยว เหมือนอย่างที่พ่อเคยพาผมออกไปเที่ยว ... ในเวลาเดียวกัน
ระหว่างทางกลับจากวัดหลวงพ่อโสธร ผมแอบเหลือบมาเห็นพ่อผมเอนตัวบนเบาะ
และพ่อหลับอย่างมีความสุข ในรถที่มีผมเป็นคนขับ ...
ดอกแวนด้า สีเหลือง ใต้ร้านกล้วยไม้ของแม่ยังชูช่อเบ่งบาน และผมแอบยิ้มน้อย ๆ ยามจินตนาการ
ว่าผมได้หลับอย่างเป็นสุข ในรถที่มีลูกชายผมเป็นคนขับ ....
...
" พ่อ .. ขากลับ เปิดชินจังให้ดูด้วยนะพ่อ "
เสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นที่ข้างหลัง และมันทำลายจินตนาการแสนสวยของผมเมื่อครู่ลงไปเสียสิ้น
... เฮ้ย .. หัดเกรงใจพ่อมึงซะบ้างสิโว๊ยยย ... กูรำคาญ .. กูหนวกหู๊ .....................
...
..
.
ปล. คิดถึงพี่หมี่นะครับ ...........
หลัง ๆ มานี่ งานการพัวพันอีลุงตุงนังราวกับเถาตำลึง แม้ว่าผมจะพยายามเด็ดยอด มันมาทำแกงจืดก็หาลดลงไม่ งานเขียนผมจึงเว้นวรรคไปชั่วขณะ
... แต่มันยังขดตัวนิ่งรอเวลายืดกายยออกมาสำแดงฤิทธ์เดชอยุ่ทุกเมื่อ ....
หวังว่าพี่คงสบายดี ... ^__^