ก วี เ ขี ย น ก วี ด้ ว ย สี ใ ด
-1-
กวีเขียนกวีด้วยสีขาว
แต่งในความรวดร้าวจะได้ไฉน
โลกวิบัติปัจจุบันล้วนจัญไร
จะหาถ้อยงามใดมาพร่ายพรม
กวีเขียนกวีด้วยสีดำ
ระบายโลกโศกร่ำกระหน่ำถม
ดอกไม้ไม่สะพรั่งใจกลางตม
ฤาว่าโลกจ่อมจมแต่ตรมตาย
กวีเขียนกวีด้วยสีเทา
หวังให้งามในความเท่าแห่งเงาฉาย
ระยะห่างระหว่างเส้นความเป็นตาย
แก้เงื่อนงำสำคัญหมายในมืดมิด
กวีเขียนกวี-สีแห่งโลก
งามสุขโศกเรื่องราวเคล้าถูกผิด
คลี่คลายบรรยายความตามห้วงคิด
ถ่ายทอดถอดชีวิตเขียนจิตใจ
กวีเขียนกวี-สีความงาม
แต่งแต้มแย้มนิยามความสดใส
ปลูกวิถีแห่งสติ-ผลิดอกไม้
ท่องทุ่งทาง ณ กลางใจ-ในกลางตา
กวีเขียนกวี-สีแห่งฝัน
วาดวงจันทร์อย่างบรรจงลงตรงหน้า
ถ้กร้อยถ้อยคำร่ำจินตนา
ตะวันเข้มเต็มนัยน์ตา-คะนึงคิด
กวีจะเขียนกวีด้วยสีใด
ทบถ้วนกระบวนใจให้นิ่งสนิท
ด้วยภาระเช่นนี้แห่งชีวิต
หาได้มีอภิสิทธิ์ชนิดใด !
-2-
เพียงนักเล่าเรื่องราวที่เหงาเปลี่ยว
ถ้กทอเสี้ยวอักษรอย่างอ่อนไหว
เล็มขอบรุ้งแห่งทุ่งฟ้ามาปรุงใจ
เพียงหนึ่งเงาไม้ไหวในสายลม
สั่นไหวไปตามทำนองโลก
อยู่เพื่อร่ายบทโศลกอันโศกขม
มองดวงตาในกระจกสะทกตรม
พลันดิ่งจมเงาชีวิตสีซีดจาง
กวี
เป็นเพียงหนึ่งผงธุลีแห่งโลกกว้าง
เราต่างมาและจากไปในหนทาง
ล้วนเรียนรู้เพื่อลาร้างระหว่างชะตา
กวีเขียนกวีด้วยสีใด
ระบายโลกด้วยหัวใจปรารถนา
คือคนหนึ่งซึ่งจรผ่านกาลเวลา
สุขทุกข์ไปในโลกหล้าอย่างสามัญ
แด่..อดีตกวี ปัจจุบันกวี และอนาคตกวี
"นางสมทรงรักฟัก"