พรุ่งนี้ ค่อยเขียน ... !
ในห้องเล็กเล็ก ของหลืบเมือง
ข้า ผละจากความหมกมุ่นในบทกวี เหมอผ่านม่านเมฆของค่ำคืน
บางภาพภวังค์หวนย้อนไป ถึงวัยแห่งอดีตกาล
บทกวีหวานของความรัก บทแล้วบทเล่าที่เคยพร่ำพรรณาประโลมโลก
ปรากฏเป็นท่วงทำนอง เดิมเดิม ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในห้วงภวังค์
บุหรี่มวนสุดท้ายมอดกินถึงก้นกรองไหม้ลามจนร้อนนิ้วที่คีบค้าง
นาน มาแล้ว ในซีกเมืองอันเปลี่ยวเปล่า
ภาพอักษรที่กักขังจิตวิญญาณข้าให้ดักดานอยู่ในห้องแคบแคบ
กลายเป็นบทกวีบทแล้วบทเล่า
พร่ำรำพันผ่านความรู้สึก ที่หมกมุ่นครุ่นหาในความระเหยหายแห่งชีวิต
นัยหลายบทคำอุทิศ แด่ความรัก และสันติภาพ
ปรารถนาดี อัปปมาณ ในกาลเวลาที่กลืนกิน
แผ่วบทสนทนา ระหว่างผีเสื้อและดอกไม้หวานแว่วความรู้สึก
ดวงตาที่ซุกซ่อนอยู่ภายในกระพริบถี่ด้วยความสงสัยโลก
บางครั้งการหลับไหล และความฝันนั้นช่างเป็นสุขยิ่ง
หากแต่ความเป็นจริงที่ ลืมตาตื่น กลับชวนคลื่นเหียนนัก
ภาพ สงครามของความสมานฉันท์ ปรากฏชำแรกแหกตาสันติภาพจอมปลอม
มนุษย์สวมหน้ากากปรารถนาดีเอาไว้ประโลมใจตน ว่าเป็นผู้ประเสริฐ
ระเบิด กระสุนปืน ราคาไม่กี่บาท ถูกยัดเยียดให้กับความบริสุทธิ์ของสรรพชีวิต
เสียงเพรียกร้องแผ่วเบาจากซอกหลืบโลก ดังสายลมที่ผ่านล่วง
ข้าเห็นความตายไร้เดียงสา จากดวงตาศพ
ดัง แรงบันดาลใจ ให้บทกวีโศกสะท้อนแล้วเงียบสูญ
ความรู้สึกอาดูรมิอาจ คะเนหาการปรากฏ
รอ เถิด
รอ วันพรุ่ง
ข้า อาจจะลืมตาตื่นมาเขียนบทกวี สักบท
.................................
โดยคำ ลานเทวา