แด่... ดอกหญ้า ...ผู้ทรนง
ฉันเป็น ... ดอกหญ้าน้อย
ล่องลอยปลิวไปในไพรกว้าง
ตามชะตาแห่งสายลมจะนำทาง
จะทุกข์บ้าง สุขบ้าง ก็ทนไป
........เมืองกรุง
งามวัตถุปรุงแต่งดูยิ่งใหญ่
สวยหมดจด งดงาม ศิวิไลซ์
แต่กลับแล้งน้ำใจ ให้แก่กัน
หัวใจฉันบอบช้ำ
หวังเก็บความทรงจำเป็นความฝัน
จำทนโดนเหยียบย่ำสารพัน
ทุกคืนวัน อับจน สิ้นหนทาง
กลางเปลวไฟแดดที่แผดเผา
ฉันนั้นแสนเหงาและอ้างว้าง
เหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นทาง
ณ ที่ใจกลาง แห่งความศิวิไลซ์
หยดน้ำตาใสใสเริ่มไหลออ
ฉันดื่มพอ ประทัง ความสิ้นไร้
โลกว่างเปล่า หนาวสะท้าน ซ่านทรวงใน
มีน้ำตา รดใจ...พอกันตาย
ฉันงง ฉันสงสัย
ชีวิตนี้ อะไรคือความหมาย
ในดวงตายังพอมีประกาย
ความเลวร้าย คงไม่มีอยู่ร่ำไป
สักวันหนึ่ง
ในกองซากปรักหักพังของหัวใจ
ในความรุ่งเรืองศิวิไลซ์
ฉันจะพบความสดใสที่ฉันปอง
ในความมืดมนอนธกาล
ในความร้าวรานกลัดหนอง
ในกลิ่นคาวเลือดทุกทุกกอง
จะมีแสงเรืองรองส่องอำไพ
ในยามนั้น
ตัวฉันก็พร้อมจะเกิดใหม่
จะอ้าแขนผกผินแล้วบินไป
ตามหาหัวใจในสายลม
ผ่านท้องน้ำกว้างขวางในทางเปลี่ยว
แม้จำต้องโดดเดี่ยว ขื่นขม
ดีกว่าสูดกลิ่นคาวเลือดโสมม
ในเมืองที่วัตถุนิยมกัดกินใจ
~~~
สักวันหนึ่ง ...ฉันจะแย้มบานอีกครั้ง
แย้มพริ้มพรายสะพรั่งรับวันใหม่
แย้มแต่งเติมโลกหล้าให้ไฉไล
แย้มออกด้วยหัวใจที่สุนทรีย์ ....
~~~
ทราย แดนหิมะ
10 สิงหาคม 2553
**หมายเหตุ : ** บทกลอนบทนี้ แต่งขึ้นหลังจากที่อ่านบทกวีโลกเล็กๆ ในบล๊อกของคุณกวิสรา ซึ่งผมหลงมาพบที่นี่อีกครั้งโดยบังเอิญครับ ...
ขอสวัสดีทุกคนด้วยครับ : )