ในบทกวีสักบท
ในบทกวีสักบท
ที่รัก..เธอยังเห็นยังเห็นไหม
ใบไม้กำลังร่วงจากต้น
ดูสิลมหอบสู่เบื้องบน
หมุนวนกลางสายแดดระยับ
ดูสิ .. บางภาพช่างเหมือนฝัน
ว่ายวันไปตามลมขยับ
บางจังหวะหล่นร่วงและดินรับ
บางจังหวะพลิกกลับขึ้นมาฟ้อน
ฟังสิ.. สายลมมาเทียบท่า
เชิญว่า ไปเถิดไปเร่ร่อน
ท่องโลกตามแสงตะวันรอน
ดวงใจไหวอ่อนได้เต้นรำ
ที่รัก.. เธอยังเห็นยังเห็นไหม
ลมควงใบไม้อยู่จนค่ำ
ทำนองของชีวิตช่างงามล้ำ
สดฉ่ำ ดั่งเพิ่งเริ่มการผลิบาน
ที่รัก.. หากฉันกลายเป็นใบไม้
พลัดหายไปเมื่อเธอเรียกขาน
ขอกวีสักบทเธอจดจาร
ความหวานทั้งหมดเธอจดจำ
เขียนว่า...ฉันเดินเล่นในป่่า
ทัดดอกชบาสีแดงก่ำ
เคียงข้าง มีผีเสื้อร่ายรำ
นกสีทอง ร้องร่ำเป็นเพื่อนใจ
ฉันยืนอยู่ อยู่กลางป่าน้ำค้าง
เรือนร่าง ใบหน้ายังสดใส
สายลมสางผมจนพลิ้วไป
หมอกไอคลุ้งแดดสวยลึกลับ
อย่าเขียนฉัน ด้วยภาษาอันเศร้า
ดวงตาฉันใช่สีเทา แต่ดำขลับ
อย่าเขียนฉันให้โดดเดี่ยวอาภัพ
แม้นฉันนั้นอับโชคเนิ่นนานมา
โลกของฉัน ไม่ต้องการเรื่องเศร้า
ทุกแสงเงาควรเป็นความเจิดจ้า
ประดับรุ้ง ให้ฉันพรรณนา
ฉันไต่ถึงขอบฟ้าจากโคนรุ้ง
ที่รัก..เธอยังเห็นยังเห็นไหม
ความสุขหลับใหลอยู่ในทุ่ง
ความโศกเศร้าเรามากเกินแต่งปรุง
มนุษย์ควรมีรุ่งอันรางชาง
ที่รัก..เธอจะเขียนให้ฉันไหม
เติมความงามลงไปทุกความว่าง
เติมความรัก ลงทุกความอ้างว้าง
เติมรอยยิ้มริมหน้าต่างของดวงใจ
ดูสิที่รัก เธอเห็นไหม...
นานพอแล้วเราเอาแต่ร้องไห้
เหนือหลุมศพ เรายังมีดอกไม้
กลางความร้อนร่มใบบังตะวัน
บทกวีสักบทเขียนแด่ฉัน
กลับคืนสู่ปีวันแห่งความคิดฝัน
เราตะโกนกลางทุ่งสีอำพัน
เราหัวเราะที่นั่น "โลกใบนี้"
นานพอแล้วที่น้ำค้างเป็นน้ำตา
บนใบหน้าของเราควรเปี่ยมยิ้ม
กวิสรา 21 กรกฎาคม 2553