ฤา เจ้าเป็นเพียงเถ้าธุลี

by ทราย แดนหิมะ @25 ส.ค.53 16.37 ( IP : 69...88 ) | Tags : กระดานข่าว

ฤา เจ้าเป็นเพียงเถ้าธุลี


( ๑ )


......เปลวสีหม่นลอยวนขึ้นบนฟ้า
เคล้าระคนปนเปกับเมฆา
ว่ากันว่าจะได้ไปดาวดึงส์

ทิ้งไว้เพียงซากความหลังเมื่อครั้งเก่า
ทั้งสุขโศก ทุกข์เศร้า แลซาบซึ้ง
ภาพก่อนแต่หนหลังยังตราตรึง
เหมือนว่าพึ่งผ่านไปไม่กี่วัน

ท่ามกลางเสียงระงมในศาลา
จบฉากมายาที่เคยรังสรรค์
น้ำตาแห่งความเศร้าเคล้าในควัน
และวันนั้น ฉันเห็นรอยน้ำตา ที่ฟ้าไกล

หมดสิ้นแล้วที่เคยทุกข์เวทนา
อนิจจา แม้นชีวาต ยังขาดไร้
สลายร่างเป็นธุลีในเปลวไฟ
แล้วลอยร้างลาไปในสายลม........


* * * * * * * *

( ๒ )

และในครานี้  ...



.....มีรอยยิ้มบนฟ้าที่แสนไกล
คุณความดี ธุลีไฟ ที่สั่งสม
กลั่นเป็นภาพความทรงจำในสายลม
มาห้อมห่มหัวใจให้หายหนาว ..........


ฤา เจ้าเป็นเพียงเถ้าธุลี

Berkeley, CA
( ๑ ) - 8/13/2010
( ๒ ) - 8/14/2010

Comment #1
saifon (Not Member)
Posted @25 ส.ค.53 18.51 ip : 114...95

ไม่ธรรมดานะเนี่ย! พรรณางดงามภาษาจับใจคนอ่านเหลือเกิน

Comment #2
Posted @25 ส.ค.53 20.45 ip : 118...146

อันนี้ดีครับ อ่านแล้วไม่รู้สึกว่า "พยายาม" หรือ "ตั้งใจ" มากเกินไป

แต่ก็ยังมีคำเหลือมาอีกจนได้สิน่า


ท่ามกลางเสียงระงมในศาลา จบฉากมายาที่เคยรังสรรค์ น้ำตาแห่งความเศร้าเคล้าในควัน และวันนั้น ฉันเห็นรอยน้ำตา ที่ฟ้าไกล

วรรคสุดท้ายละครับ มันรกเหลือเกิน พอมันรกมันก็ดูเกะกะ คุณทรายสามารถตัดออกได้หลายคำนะครับ เช่น-

น้ำตาแห่งความเศร้าเคล้าในควัน วันนั้น-เห็นน้ำตาที่ฟ้าไกล

หรือ

น้ำตาแห่งความเศร้าเคล้าในควัน ฉัน- เห็นน้ำตาที่ฟ้าไกล

ทำนองนี้ครับ

อาจใช้ตัว "-" มาคั่นเพื่อขับเน้นให้คนอ่านกระแทกเสียงตรงคำนั้น แล้วสัมผัสมันก็จะออกมาตามการกระแทกเอง

อย่าลืม กลอนเป็นเรื่องของเสียงและจังหวะ  ฉันทลักษณ์แม้เป็นของเล่นก็จริง แต่ก็ต้องระลึกไว้เสมอว่ามันลงตัวแล้วในเรื่องของเสียงและจังหวะ  ดังนั้นคำสุดท้ายของวรรค 2  จะต้องไม่ขึ้นเสียงตรีหรือสามัญ "  ทิ้งไว้เพียงซากความหลังเมื่อครั้งเก่า  ทั้งสุขโศก ทุกข์เศร้า แลซาบซึ้ง" นั่นคือจะต้องไม่ซึ้งนะครับ จริงๆมันใช้ได้อยู่ แต่เราติดเสียงของคำตรงนี้ว่าจะไม่ตรีหรือสามัญเท่านั้นครับ

เช่นที่ คำสุดท้ายของวรรคสุดท้าย(ในบทสุดท้าย) จะต้องลงด้วยเสียงสามัญหรือตรีเท่านั้น จะมา "หนาว" ไม่ได้ครับ มันเหมือนบทยังไม่จบ

ก็ไม่ได้เคร่งฉันทลักษณ์จนกระดิกตัวไม่ได้หรอกครับ แค่จะบอกว่าหากคุณทรายมีเบสิกที่แน่นพอแล้ว คุณก็จะสามารถเล่นกับคำได้ทั้งหมดทั้งสิ้นไม่จำกัด แล้วจะสนุกกับมันครับ

Comment #3
Posted @26 ส.ค.53 9.28 ip : 69...88

ขอบคุณครับ :)

เคยคิดอยากจะตัดนะครับน้าหมี่ แต่ว่าคิดไม่ออกว่าจะตัดดีหรือไม่ตัดดี บางทีก็แอบสับสน ว่าแบบไหนจะสื่ออารมณ์ได้ดีกว่ากัน ..

ตอนนี้ภาษาเข้ากรุหมดแล้วครับ ต้องขอคำแนะนำเยอะๆ ครับ จะได้รื้อได้ ...:)

Comment #4
Posted @27 ส.ค.53 14.43 ip : 1...184

ขอเวลาอึดใจ เดี๋ยค่ำนี้กลับมาต่อกลอน

Comment #5
Posted @27 ส.ค.53 17.52 ip : 69...88

รอน้าดิลลล์ มาต่อกลอนขะรับ :d

Comment #6
Posted @27 ส.ค.53 22.10 ip : 111...153

ธุลีดิน

๏ เพราะพล่านดาลเดือดอยู่ใน  อาศรมคุไฟ
แผดเผาเร่าร้อนทุรน

๏ พลุ่งเปลวเพลิงพาลดาลดล  กายและกมล
กระเสือกกระสนค้นไป

๏ เสาะหาสวรรค์อันใด  ดิ้นรนดลไกล
ยิ่งไขว่ยิ่งคว้างรางเลือน

๏ ดุจมองดุจมาดหมายเดือน  เด่นลอยเบื้องเบือน
หวังเยือนเยี่ยมโฉมโพยมพราย

๏ เหยียดนิ้วชี้โคนยลปลาย สำคัญมั่นหมาย
คล้ายเล็งเพ็งจวงดวงจันทร์

๏ อันลอยเด่นฟ้าลาวัลย์  งามเพลิดพราวพรรรณ
สานฝันสู่สรวงลวงใจ

๏ ยิ่งเนิบยิ่งเนิ่นนานไป  หลงงามร่ำไร
หลงใหลเรียวนิ้วกิ่วกาม

๏ หลงลืมหลงเลือนจันทร์งาม  หลงกิเลสทราม
เริงร่านเพลิงร้อนลามแรง

๏ กว่าลุโลกธรรมแสดง  พิศุทธิ์แสวง
ไสวสว่างกระจ่างตา

๏ จิต-กายก็คล้ายมรณา  คืนสู่ที่มา
คืนเถ้าแก่หล้า..ธุลีดินฯ

OOO
แฮ่! ใช้สิทธิพาดพิงเถ้าธุลี

ขอ'นุญาตขะรับน้าหมี่ ลงคำ 'หนาว' ทำให้ไม่จบบทนั้นใช่แล้ว แต่พี่ทรายก็หาได้จบบท หากใช้เพราะคิดทอดไปจบอีกบรรทัดล่ะขะรับ?

Comment #7
Posted @28 ส.ค.53 18.19 ip : 69...88

ฉบังเทพมากครับน้าดิน ฮ่าๆๆๆ เดี๋ยวขอไปฝึกปรือก่อนนะขะรับ เดี๋ยวกลับมาใหม่ :d

Comment #8
Posted @29 ส.ค.53 2.54 ip : 1...78

อา..กาพย์ฉบังเองรึ!
ตอนเขียนผู้น้อยยังฉงนอยู่เลยขะรับว่าฉันทลักษณ์นี่นี้..ท่านเรียก..ว่าไร ;)
แล้วเร่งกลับมานะขะรับพี่ทราย

Comment #9
Posted @29 ส.ค.53 11.18 ip : 68...106

แอบมามองเมียง ตาปริบๆ

Comment #10
Posted @29 ส.ค.53 16.59 ip : 69...88

๏ อยู่หน้าฟอนไฟ ...ร้อนรุ่มลามไล้
ในใจญาติกา....

๏ คร่ำครวญหวนหา...ทุกกาลเวลา
มิผันแปรไป

๏ ปิ้มว่าหัวใจ....ทุรนหม่นไหม้
น้ำใสไหลออ

๏ น้ำตาที่คลอ.....เอ่อล้นละออ
พอดับไฟหรือ?

๏ ระงมอึงอื้อ.....ยินเสียงครางฮือ
หัวใจร้าวรวด

๏ พระสงฆ์ขึ้นสวด...ในท้องขมวด
ปวดสิ้นท้องไส้

๏ ร้อนรุ่มในอก...ดังเช่นนรก
หมกหมุ่นในใจ
๏ คุกรุ่นหฤทัย....ฤาว่าเพลิงไฟ
เลียไล้แผดเจ้า

๏ จำวิโยคเศร้า...ทำใจเถอะเจ้า
มุ่งเข้าในธรรม

๏ เป็นไปตามกรรม...ส่งผลชี้นำ
ที่เคยทำมา

๏ อนิจจัง อนิจจา...ใดเที่ยงเล่าหนา
หาไม่เคยมี

๏ เพ่งพิศอัคคี....เหลือเพียงเถ้าธุลี
ไฉนมีตัวตน ....???

..............................................

เอาฉบังแปลงมาแปะตอบน้าดินขะรับ

ขอบคุณนะครับน้องเก๋ที่แสนดี ...
อุตส่าห์พาสาวยิ้มสวยมานั่งทำตาปริบๆ ให้กำลังใจลุงๆ คิคิ

Comment #11
Posted @30 ส.ค.53 6.51 ip : 68...106

ถ้าอ่านน้องอิงค์ฟัง เรื่องมันคงไม่จบง่ายๆค่ะ  เพราะเธอจะคอยถามอีกนานเลย ว่าอนิจจังแปลว่าอะไร เฉกเช่นที่เคย อ่านคำว่า ราตรี ทิวา แพรว พร่าง  อะไรทำนองนั้น คุณน้องเธอจะสงสัยอยู่เสมอว่ามันแปลว่าอิหยัง

Comment #12
Posted @30 ส.ค.53 17.02 ip : 69...88

ละอ่อนต่อนแต่นยะอะหยังอยู่เน้อเจ้า???

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 47 user(s)

User count is 2416032 person(s) and 10076341 hit(s) since 1 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).