จาปาตี
รถเข็นสีฟ้าคันนั้นจอดอยู่ข้างสวนอาหารร่มครึ้มที่พลุกพล่านผู้คน บนรถมีแผงไข่ไก่สด นมข้นหวาน น้ำตาลและเนย แป้งที่ปั้นเป็นก้อนกลมๆสงบนิ่งอยู่ในโหลแก้ว
รถคันนี้มูราเซฟลงทุนต่อให้อัชราฟหลานชายผู้เดินทางติดตามมาเมืองไทย ภายหลังจากที่ตนเองมาอยู่ได้18ปีแล้ว...
"บัง!ขายยังไงน่ะโรตี อันละเท่าไหร่?"
"ใส่ไข่เจ็ดบาท ไม่ใส่ห้าบาทครับ"
"เอามาอันนึง ใส่ไข่ด้วย"
อัชราฟแย้มยิ้มเห็นฟันขาวส่ายหัวดิกๆหยิบก้อนแป้งสบัดฟาดลงแผ่นแสตนเลสที่รองรับสามสี่ตลบ
หยิบไม้พายควักเนยทาบนกระทะที่กำลังร้อน แล้วเอาแป้งแผ่นลงทอดสักพักก็ใช้ตะหลิวแซะออกมา
วางบนกระดาษปรู๊ฟที่รองไว้ด้วยแผ่นพลาสติคบางๆ ราดนมข้นหวานโรยน้ำตาลทราย
ม้วนเป็นแท่งกลมส่งให้ลูกค้า
อัชราฟไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่นี่ถึงเรียกเขาว่า"บัง"
ที่โน่นเขาออกเสียง"ไบ๋"กันทั้งนั้น แล้วก็"โรตี"อีกอย่าง อัชราฟได้ยินครั้งแรกงงตาถลน
เขาเรียกจาปาตีตะหากเล่า...
รถมอเตอร์ไซค์แบบมีปีกแล่นเข้ามาจอดเทียบข้างรถเข็น ชายร่างใหญ่หนาทึบตวัดเท้าลงจากรถมือซ้ายตะปบคออัชราฟบีบแน่นกระชากเข้าออก ผลักล้มลงพื้นถนน เหยียบอกกระทืบ กระทืบจนอัชราฟแน่นิ่ง แล้วตวาดสำทับ
"ที่ตรงนี้เป็นของข้า คนอื่นจะมาขายของไม่ได้!" คนกระทืบผละกลับไปสตาร์ทรถบึ่งออกไปอย่างเคืองแค้นที่มีคนบังอาจขายของทับเส้นทางที่เขาต้องจ่ายเงินให้เขาเป็นค่าคุ้มครองเดือนละหลายตังค์
อาลีเป็นผู้กำหนดเส้นทางขึ้นมาโดยการขี่รถเครื่องตระเวณรอบเกาะเมืองดูสภาพเศรษฐกิจ ขีดเขียนแผนที่ลงบนกระดาษนำไปให้"เขา"ดูเพื่อการอนุมัติให้ดำเนินการค้าขายบนถนนสายนั้น โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องไม่มีคู่ค้าที่ขายอย่างเดียวกัน แล้วนี่อารัย!ปล่อยให้มาขายได้ยังไง ถ้าอามินไม่มาบอกก็ไม่รู้เรื่องน่ะสิ หนอยมาชุบมือเปิบได้
หรือว่าเจ้าเด็กนั่นจะไม่รู้...แต่มันก็เป็นหลานของมูราเซฟนี่นา หรือว่ามูราเซฟจะลองดีกะเรา? ถือว่าเป็นอิหม่ามแล้วจะทำอะไรก็ได้ยังงั้นรึ? คิดว่ามีคนนับถือมากมายแล้วเราจะไม่กล้ายังงั้นรึ?
...เฮอะ!ในเมืองไทยนี้ข้าไม่เกรงกลัวใครทั้งนั้น!!!
อาลีเข้ามาเมืองไทยโดยลักลอบเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ และถูกจับแต่อาลีมีเงินจ่าย
จึงอยู่เมืองไทยได้อย่างสุขสบาย ต่อมาลงทุนค้าขายโรตีและขยายสาขาไปต่างอำเภอโดยรับ
มุสลิมพม่าเข้ามาเป็นคนขายหักหนี้ค่าที่จ่ายเจ้าหน้าที่ไปวันต่อวันแล้วอาลีก็อยู่ในฐานะคหบดี
ผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง
...อัชราฟเมื่อได้สติลุกขึ้นเข็นรถกลับด้วยอาการะบักสะบอมมาตลอดทาง
พอถึงบ้านก็หน้ามืดฟุบหมอบ เบเดือนกับลูกเต้าทั้งห้าคนตื่นตระหนกส่งเสียงเกรียวกราวดังลั่น
มูราเซฟที่จดจ่ออยู่กับหนังสือกุรอ่านลุกถลันออกมาอุ้มเข้าไปปฐมพยาบาลด้านใน...
วันศุกร์ เวลาเที่ยงครึ่ง...
เสียงอะซานดังก้องมาจากหอที่สูงลิบนั้น
มูราเซฟในชุดยาวสีขาวยิ้มแย้มละไม ขณะที่มือกุมสลามกับบรรดามุสลิมที่ทะยอยเข้ามาทำอิบาดะห์ ในวันสำคัญประจำสัปดาห์
อาลีผู้มั่งคั่งขี่มอเตอร์ไซค์เลี้ยวปราดเข้ามาจอดใต้หออะซาน เดินไปอาบน้ำละหมาดแล้วเข้าสุเหร่าไม่แวะทักทายใคร
...30นาทีต่อมา ทุกคนทะยอยออกจากสุเหร่า เข้ารับประทานอาหารที่จัดเตรียมไว้โดยคนครัวเทข้าวสุกลง ถาดตับซีราดตามด้วยไก่ที่โชกชุ่มน้ำแกง คนนั่งรอบถาดใช้มือเปิบกินอย่างเอร็ดอร่อย พลางหยิบเกลือป่นโปรยเพิ่มรสชาติ
อาลีตะปบเนื้อไก่เข้าปากมูมมามข้าวหกเรี่ยราดกระจายไปรอบตัว ส่งเสียงจับๆครวญครางอย่างเอร็ดอร่อยไม่สนใจคนข้างๆที่ ผละออกอย่างเหลือทน
มูราเซฟเดินเข้ามาใกล้เอ่ยแผ่วเบา "มารยาทหนา อาลีหนา"
ได้ยินดังนั้นอาลีโดดลุกผางขึ้นชี้หน้าเมล็ดข้าวกระเด็นจากปากกระจายพุ่งออกไป...
"มูราเซฟ!แกไม่มีสิทธิ์ให้ลูกหลานไปขายอะไรทับเส้นทางของฉัน
ที่ซึ่งฉันได้จ่ายเงินให้เขาไปแล้ว และจงรู้ไว้ด้วยว่าที่ทางทั้งหมดในเมืองนี้
ฉันจองไว้หมดแล้ว ไม่มีที่ว่างแบ่งให้ใครทั้งนั้น"
อาลีชี้นิ้วสกปรกกราดไปรอบๆ ดวงตาถลึงปูดโปนนั้นเกรี้ยวกราดแดงก่ำด้วยความโกรธที่สั่งสมเมื่อวาน
ผู้คนกำลังกินข้าวตกสะดุ้งผวาไปกับเสียงกระโชกแสบหู ผละลุกออกไปล้างมือและเข้ามา ให้สลาม อาลียื่นมือที่เลอะข้าวรับสลามใบหน้าบูดบึ้งแล้วผลุนผลันสตาร์ทรถพุ่งออกไปอย่างเร็ว
"มีเรื่องอะไรกันน่ะ มูรา เล่าให้ฟังซิ" ลาดาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง "อะ..อันนี้ไม่มีเรื่องอะไรครับ.."มูราเซฟตะกุกตะกัก "เอาน่า มีอะไรก็เล่าสู่กันฟัง ฉันขอร้องในฐานะเป็นโต๊ะอิหม่ามที่นี่"
ลาดาผู้มีเชื้อสายปาทานเป็นโต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดแห่งนี้โดยการโหวตด้วยเสียงที่ไม่มีใครกล้าแย้ง กิจการทำปศุสัตว์วัวและมีเขียงขายเนื้อในตลาดสร้างฐานะให้เป็นคฤหบดีได้ในเวลาไม่นาน...
มูราเซฟนั้นเดิมเป็นชาวบังคลาเทศเข้ามาอยู่ในพม่า เข้ามาเมืองไทยโดยนิกะฮกับหญิงชาวกะเหรี่ยงกาญจนบุรี เป็นผู้มีความรู้แตกฉานอัลกุรอ่าน มีสุ้มเสียงกังวานไพเราะ รูปร่างสง่างาม จึงได้รับว่าจ้างให้มาเป็นอิหม่ามนำสวดอยู่ประจำมัสยิดแห่งนี้... ...ที่บ้านเช่าของอาลี นางฟาติมะฮ์เมียของอาลีกำลังถูบ้านขมักเขม้น รถกระบะสีแดงแล่นมาจอดพรืดตรงหัวบันได มีคนร่างกำยำสามสี่คนอยู่บนกระบะ
"อาลีไม่อยู่"นางเบิกตาโตเมื่อเห็นลาดาก้าวลงมาจากรถ สัญชาติญานบอกว่าไม่น่าจะดี
"บอกมัน! บอกมันนะ บอกว่าฉันสั่งให้ไปหาที่บ้าน"
...อาลีนั่งอยู่บนอานรถสามล้อพ่วงข้างโรตีที่จอดอยู่หน้าโรงเรียนมัธยมแห่งนั้น ที่เมื่อคุณครูปล่อยเด็กออกมาเมื่อไหร่ละก็หมายถึงเม็ดเงินที่จะได้เชียวหนา หลายร้อยบาทเชียวหนา!
...มูราเซฟรู้ดีว่าอยู่เมืองไทยนี้ขอเพียงขยัน ประหยัดและอดทนสามอย่าง ก็พอเพียงจะร่ำรวยได้ในเวลาไม่นาน และไม่ยาก
มูราเซฟหิ้วถุงกระดาษบรรจุแผ่นจาปาตีกับมัสมั่นเนื้อวัว ปรากฎกายที่บ้านของอะรีฟในเวลาเย็น... "เอาน่ะมูรา! มือชั้นนี้แล้วจัดการให้ไม่ยาก ฉันรับรอง" อะลีฟตกปากรับงานอย่างมั่นใจนัยตาวาวประหลาด...
ค่ำคืนนี้... เวลาสี่ทุ่มที่สวนอาหารชวนชม อาลีถีบรถขายโรตีเข้าเทียบฟุตบาธข้างร้านไม่ทันแตะเบรค อะลีฟก้าวออกมาหวดเท้าขวาลงที่ก้านคอเต็มแรง อาลีกระเด็นจากอานรถตกกลิ้งไปบนฟุตบาธขลุกๆ อะลีฟปราดเข้าเหยียบอกอาลีตาเหลือกลนลาน "เฮ้ย! รังแกคนทำมาหากินนี่หว่า" คนนั่งดื่มในร้านร้องขึ้น "นี่เป็นเรื่องของญาติพี่น้อง คนอื่นไม่เกี่ยว!!" อะลีฟชี้หน้าเสียงดัง
"เขาจ้างให้ข้ามาจัดการเอ็งว่ะ อาลี!" "อย่าทำฉัน ลาลา" อาลีน้ำตาไหลพราก "ฉันมีเงิน ฉันมีเงินมากกว่า ลาลา" ...วันศุกร์ที่13 ในอีกสัปดาห์ต่อมา
เสียงอะซานวันนั้นดังโหยหวนสะท้านสะท้อนกึกก้องร้องเรียกมุสลิมทั้งบาง ให้มาละหมาด ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ อะรีฟหัวไม้อาบน้ำชำระทวารทั้งห้าแล้วเยื้องย่างเข้าทำอิบาดะห์ก่อนใคร
อาลีขี่รถเข้ามาช้าๆ ใบหน้าหม่นหมองลงรถเดินงุดๆไปอาบน้ำละหมาด งุดเข้าสุเหร่าไม่พูดไม่จา
ไม่ถึงอึดใจ เสียงอะรีฟแหกปากร้องวิ่งเลือดเปรอะถลาออกมาล้มฟุบอยู่แทบเท้าลาดาอิหม่าม อาลีทะยานตามติดออกมาเงื้อกริชจ้วงกระหน่ำแทงไม่ยั้ง ลาดานักเลงใหญ่ตกตะลึงยืนตัวแข็งทื่อแข็งอ้าปากค้างด้วยตกกะใจ
อาลีกระหน่ำแทงหนำใจแล้วผละออกจะหนีแต่ไม่ทัน กลุ่มคนที่ได้สติก่อนปราดเข้าล็อคซ้ายขวา ลาดากระตุกยูเอสอาร์มี่ขึ้นลำ เชะ!
"เอามันไปที่กุโบร์!" ลาดาตะโกนปากคอสั่น "ขุดหลุมฝังมันทั้งเป็นๆ" พลั่วหลายอันถูกนำมาขุดตะกุยดินในกุโบร์ลึกลงเกือบสองเมตร พลันนั้นลาดายกเท้าถีบเต็มแรง อาลีกระเด็นลงหลุมหงายตลบตีแปลงตะแคงคว่ำ พร้อมๆก้อนดินถั่งโถมลงกลบหน้า.
................................................................................................................................................