เงากวีกลางสายฝน

by ธุลีดิน @26 ก.ย.53 15.36 ( IP : 111...220 ) | Tags : กระดานข่าว
photo  , 640x640 pixel , 28,639 bytes.

๏ ครึ้มครางครืนเมฆครวญลมรวนหมุน
หอมเอยกรุ่นลมกล่อมมาห้อมหอม
หม่นม่านฟ้ามาดินกลิ่นพยอม
ชโลมล้อมพรายน้ำระบำระบาย

ละอองโอนโยนเย้าเคล้าลมต้อง
เย็นลมล่องริ้วพรำก็ฉ่ำฉาย
เงาฝนซับเงาฟ้าลงพร่าพราย
กระซิบสายกระซิกระริกริน

เธอเขียนคำร่ำระบายกลางสายฝน
ร่วงริ้วหล่นเรียงราวไร้คราวสิ้น
เขียนถ้อยคำพร่ำก่นบนผิวดิน
เขียนมลทินทุรชนบนผิวน้ำ

ฉันถือร่มก้มมองจ้องเธอนิ่ง
นานเนิ่นอึงอึ้งอิงในนิ่งหนำ
เธอก้มหน้าครุ่นค้นในฝนพรำ
เผยเงื่อนงำเงาเล่ห์เพทุบาย

เป็นร้อยกรองวรรควลีกวีกระวาด
ท่ามพรำสาดพรายน้ำระส่ำสาย
มือเธอสั่นถั่นท้นกระวนกระวาย
หนาวเล่ห์ร้ายเงาหลอนละครคน

สาดพรำสายพัดพามาซ่าซัด
วนลมลัดกวัดกรำกระหน่ำฝน
เฉื่อยเมฆฟ้ามาพร่างโพยมบน
ฉ่ำน้ำฝนหล่นพรมพลิ้วลมพา

โปรยละอองปลิวว่อนเธอปอนเปียก
กระซิบเรียก "ไปกันเถอะ" เธอส่ายหน้า
น้ำฝนนองร่องแก้มแกมน้ำตา
ชะเสื้อผ้าย้อมสีลงรี่ลาม

ฉันหันกายขยับร่มก้มหน้านิ่ง
ปล่อยเธอเผชิญลวง-จริงไม่ติงถาม
ปล่อยสายฝนหล่นชะอาภรณ์งาม
สืบเท้าฝ่าสายน้ำไปตามทางฯ

Comment #1
Posted @26 ก.ย.53 18.32 ip : 118...127

เล่นสัมผัสซะตาลายเลยน้า 5555 ให้ระวังอย่างหนึ่งครับ เมื่อไรที่เราพยายามเล่นสัมผัส บ่อยครั้งที่เรามักจะหลุดใช้คำแปลกๆ เช่น-

ฉันถือร่มก้มมองจ้องเธอนิ่ง นานเนิ่นอึงอึ้งอิงในนิ่งหนำ

อึงอึ้งอิง นิ่งหนำ

เรื่องพูดถึงคนถือร่มจ้องมองเธอที่นั่งเขียนถ้อยคำก่นด่าคนเลวบนพื้น(ทำไมไม่กางร่มให้เธอ? 555 แซวเล่นครับ) ครั้นชวนเธอกลับ เธอก็ไม่กลับ จนคนถือร่มตัดสินใจเดินไปตามทางตน

ภาพโรแมนติกและสวย เพียงแต่มันดูแปลกๆไหมกับการที่หญิงสาวสักคนเขียนบทกวีบนพื้นกลางสายฝน โดยที่คนถือร่มยืนมอง

มันเป็นภาพที่ใช้ได้ครับ หากใช้ในสกุลโรแมนติกแบบพาฝัน แต่ผมไม่อยากให้น้าดินใช้ภาพอย่างนั้น อยากให้เป็นภาพโรแมนติกที่เป็นไปได้ โรแมนติกที่เศร้าหม่นรู้สึกได้จริง

และ


เป็นร้อยกรองวรรควลีกวีกระวาด ท่ามพรำสาดพรายน้ำระส่ำสาย มือเธอสั่นถั่นท้นกระวนกระวาย หนาวเล่ห์ร้ายเงาหลอนละครคน คำว่ากระวีกระวาด หรือ กวีกะวาด นั้น หมายถึงอาการลุกลี้ลุกลน รีบเร่งจนออกซุ่มซ่าม ไม่ได้หมายถึงบทกวีครับ หรือน้าหมายถึงเร่งรีบลุกลน?

ย้อนขึ้นไปอีกครั้งครับ-


ฉันถือร่มก้มมองจ้องเธอนิ่ง นานเนิ่นอึงอึ้งอิงในนิ่งหนำ เธอก้มหน้าครุ่นค้นในฝนพรำ เผยเงื่อนงำเงาเล่ห์เพทุบาย

เธอมีเงื่อนงำเงาเลห์เพทุบายหรือครับ? ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่คำเล่ห์เพทุบาย เพราะมันทำให้เธอดูเลวร้ายไปเลยครับ


นะครับ ระวังเรื่องการเล่นสัมผัสหน่อย มันสวยไำพเราะ แต่ต้องระวัง เพราะมันพาเราออกทะเลได้ง่าย เป็นกลอนพาไป

Comment #2
Posted @26 ก.ย.53 19.12 ip : 69...88

หนี หนี หนี


โหยยย แล้วเมื่ิอไรผมจะตามทันละเนี่ย???

แต่งไวจัง ...

Comment #3
Posted @26 ก.ย.53 19.41 ip : 1...201

ขอบพระคุณมากมายขะรับน้าหมี่

ฟังคำน้าหมี่ผู้น้อยเห็นทีจะต้องหัดเขียนให้ยาวเข้าในรายละเอียดกว่านี้ (ใจร้อนด่วนเย้วใจเร็วด่วนได้น่ะขะรับ)

อันที่จริง (จริงไม่จริงไม่รู้สิ แต่ตั้งใจจะให้จริง) 'เธอ' คนนั้นคือเงาของเจ้าคนยืนกางร่มนั่นแลขะรับ แ่ต่ไม่อยากบอกกล่าวออกไปให้แจ้งแจ่ม (ทำหยั่งงั้นได้ไหมขะรับน้าหมี่?)

เห็นบทกวีใน 'กวีกระวาด' ของมติชนสุดฯ ทุกวันนี้หนักไปทางเสื้อสีฟูมฟายแล้วอึดอึ้ง แม้จะมีประเด็นอื่นแซมมาพอให้มองเห็นว่าหลากหลายแต่ก็หนักไปทางเดียวเป็นเรือหางยาวเอียงกระเท่เร่อยู่ดี หากน้าหมี่นั่งเรือหางยาวแล้วเรือเอียงก็จะยินนายท้ายตะโกนบอกให้ช่วยกันขยับปรับให้ตรง เรือถึงจะแล่นไปได้อย่างราบลื่น ไม่ยักเกิดกะมติชนสุดฯ (ไม่ใช่เรือหางยาวนี่นา..ข้าพเจ้าตระหนักดี)

เก๊าะเลยเขียนถึง 'กวีกระวาด' พอได้ระบายอารมณ์คับข้องคาใจ มิได้คิดหมายถึงเร่งรีบลุกลนจนซุ่มซ่ามดอกขะรับ

ตรง 'เผยเล่ห์เพทุบาย' นั้นเจตนาหมายถึงเผยเล่ห์ฝ่ายตรงข้าม แต่ไหงกลายเป็นเผยเ่ล่ห์ตนเสียนี่! เห็นทีจะต้องระมัดระวังถ้อยคำกว่านี้

สุดท้ายเสื้อสีเริ่มตกขะรับ เจ้้าตัวเลยเดินจากไปทิ้งเงาให้น้ำฝนชะล้างสีเสื้อ เผื่อว่าจะรู้คืนกลับสีเดิมของเนื้อผ้า

ปัญหาของข้าพเจ้าคือตรงนี้ล่ะขะรับ เขียนทิ้งไว้ให้เห็นภาพที่ใช่เพียงบอกกล่าว แต่บอกกล่าวแค่ไหนจึงจะพอดี ไม่สั้นกุดจนไม่ได้ความแลไม่ยาวจนโป๊เห็นเสียหมดสิ้น

ยังต้องหาตำแหน่งแห่งที่ตรงนั้นกันต่อไป  ขอบพระคุณทุกตัวอักษรสละเวลาแลบั้นเอวซึ่งยังเจ็บปวดประจงจิ้มชี้แนะ (เลี่ยงโรเมนติกพาฝัน หันหาโรเมนติกที่สัมผัสได้จริง) ขอว่ายน้ำทะเลเล่นซักพักแล้วจะกลับเข้าฝั่งขะรับ

คารวะ

Comment #4
Posted @26 ก.ย.53 19.42 ip : 69...88

๏ มวลเมฆคล้ำ ปรี่ปราย โปรยสายฝน
ร่ายเป็นมนต์ หล่นจากฟ้า มาเป็นสาย
สาดกระเซ็น ละออง เป็นฟองพราย
ชโลมไหล อาบกาย จนเปียกปอน

ทุกเม็ดฝนที่โลมไล้บนใบหน้า
ชะน้ำตา ที่หยดหยาด มิหยุดหย่อน
เป็นรอยด่าง ดวงหม่น บนอาภรณ์
จนเปียกปอน ... ทั้งตัวและหัวใจ ... ฯ

...

คารวะ

Comment #5
Posted @26 ก.ย.53 19.53 ip : 111...43

ฮะฮ่า..พี่ทราย ผู้น้อยตั้งใจจะเขียนไล่กวดทั่นกวิส พี่น้ำพี้ พี่หญิงให้ทัน จากนั้นค่อยตั้งหน้ากวดน้าหมี่ที่สี่ร้อยกว่า ฮะฮ่า..ไปด้วยกัลล์ขะรับพี่ทราย #)

Comment #6
saifon (Not Member)
Posted @26 ก.ย.53 21.05 ip : 114...59

เล่นน้ำกันสนุกเลยนะ^^

Comment #7
Posted @26 ก.ย.53 21.48 ip : 118...44

มติชนสุดนั้นสีแดงครับ เขายืนยันชัดเจน  ส่วนบทกวี-เรื่องสั้นในมติชนนั้น เราอย่าแตะต้องเลยครับ ศักดิ์สิทธิ์ขรึมขลังเกินกว่าเราๆจะแตะต้องได้

Comment #8
Posted @26 ก.ย.53 22.51 ip : 125...223

แวะมาอ่านและทักทายนะคะ ...  :d

Comment #9
Posted @26 ก.ย.53 23.20 ip : 58...80

เขาใช้เวลากันมาตั้งนาน กว่าจะแปะฝาบ้านหลังนี้ได้หลายชิ้น
...น้องดิลล์...น้องทรายจะมาไล่กวดกันง่าย ๆ ได้อย่างไร ...รุ่นพี่ไม่ย๊อม... ต้องเขียน...ต้องเขียนหนี 


แต่ว่าจะเขียนเรื่องอะไรดีหนอ...

เจ้าของร่างกางร่ม...แล้วเงาก้มเขียนได้ไงอ่ะ
แต่คำสวยนะ...มีคำเล่นเยอะจริง ๆ เลย

Comment #10
Posted @27 ก.ย.53 12.53 ip : 111...34

อืมม์..พี่น้ำำพี้ทักเรื่องเจ้านั่นยืนกางร่ม แล้วเงาก้มเขียนได้ไง?

ชวนคิด..ชวนคิด..

การทักถามหยั่งงี้เป็นคล้ายกระจกสะท้อน ให้ได้ทบทวนว่าภาพที่ตนขีดเส้นเล่นสายระบายสีนั้นสำแดงผลเยี่ยงไร อันที่จริงหมู่มวลพณ ท่านศิลปินเก๋า ๆ ทั่นจะมิใส่ใจเลย เอาแค่ทำงานเต็มกำลังฝีมือ จากนั้นจักถูกตีความไปทางใดเยี่ยงไร  หาเป็นเรื่องต้องนำมาขบคิด

แต่สำหรับกับละอ่อนน้อยเตาะแตะต๊อกต๋อยนี้ ยังต้องน้อมรอรับฟังเสียงสะท้อนเพื่อนำมาใคร่ครวญทบทวน  มิต่างยืนป้องหูรอฟังเสียงสะท้อนเมื่อตะโกนไปยังหุบผาเบื้องหน้า

ที่ว่า 'ชวนคิด' ก็คือความเป็น 'สัจจะนิยม' และ 'จินตนิยม'

สองส่วนนี้เป็นคนละเรื่องเดียวกัลล์ เหลื่อมทับจนแทบไม่อาจแยกออกจากกัน แต่ก็คล้ายจะต้องแจ่มชัดไปทางใดทางหนึ่ง มิฉะนั้นความก็จะไม่อาจสื่ออย่างที่ต้องการแลก่อความเข้าใจคลาดเคลื่อนไปคนละทิศทาง

หากมองตามเป็นจริง ภาพที่เห็น (จากตัวอักษรเหล่านั้น) คือชายหนุ่มยืนถือร่ม มองหญิงสาวกรำฝนขีดเขียนบทกวีบนผิวดินอุ้มน้ำ

แต่หากแพนกล้องมาทาง 'จินตนิยม' เจ้าหนุ่มนั่นยืนถือร่มกลางสายฝน ก้มมองเงาซึ่งคืออีกตัวตน นั่งเขียนบทกวีบนผิวดินฉ่ำแฉะ  โศกาพร่ำรำพันถึงความอยุติธรรมในสังคม แล้วตัวตน (ที่ถือร่ม) ก็เดินจากไป ทิ้งเงาให้สายน้ำชำระล้างคราบความเชื่อที่แตกต่าง โดยที่ยังไม่รู้ว่าใครกันแน่เป็นตัวตนจริง ๆ ที่นั่งเขียนบทกวี หรือที่เดินจากไป

ผู้น้อยต้องการเสนอภาพข้าง 'จินตนิยม' ซึ่งยังไม่ทราบแน่ว่าแค่ไหน? อย่างไร? จึงจะบรรลุความพอดี ใช่เพียงเข้าใจไปคนเดียว (แต่การบอกออกไปทั้งหมดนั้นหาเป็นความต้องการเลย) อีกอย่าง ยังไม่ทราบว่าทำอย่างไรจึงสามารถบอกนัยให้ผู้อ่านรู้ว่ากรุณามองผ่านแว่น 'จินตนิยม' เพราะหากมองด้วย 'สัจจะนิยม' ก็จะกลายเป็นเรื่องไม่สมจริงไปทันที

ข้อสรุปง่าย ๆ เรื่องนี้ก็คือ 'เขียนไปตามแต่กำลังสรรค์' ปล่อยที่เหลือเป็นเรื่องของผู้อ่าน มีอิสระที่จะตีความ กอบเก็บสารัตถะตามแต่ประสบการณ์เฉพาะตน

เพียงพื้นที่ตรงนี้คือสำนักหมี่ ซึ่งผู้น้อยหวังน้อมรับแลกเปลี่ยนความคิดความเห็น มองหาจุดพร่องเืพื่อการแก้ไขปรับปรุง จึงน้อมเสนอภาพที่เห็นก่อนสื่อออกไปด้วยกำลังภาษาจำกัดจำเขี่ย แลยังมิอาจฉายภาพที่ว่าให้แจ่มอย่างใจต้องการฉะนี้แล

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 41 user(s)

User count is 2415753 person(s) and 10075816 hit(s) since 1 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).