โคกบัวบก ซิทคอมปลายนา ตอน ซำหม้อ

by ธุลีดิน @5 ต.ค.53 9.28 ( IP : 111...14 ) | Tags : กระดานข่าว
photo  , 436x406 pixel , 74,552 bytes.

ลมพลัดหอบฝนเดือนสิบฟายฟ้ามาไม่ขาดสาย โค้งลำคลองโคกบัวบกกลับมาแช่มชื่นรื่นร่า  ไอร้อนอ้าวเมื่อหลายวันก่อนแผดเสียซังหญ้าแทบลุกลามไหม้พลอยถูกชะละหาย  พืชไม้พันธุ์ไม้คล้ายจะหัวร่อล้อลมเริงอยู่ย้ายไหวด้วยได้ฝน  เข็มฝนหล่นน้ำจักจัก  พรายน้ำน้อยทอดวงซ้อนกันอยู่ไปมา  ฝูงปลาก็คงพลอยเพลินฝนโผฮุบผิวน้ำตรงโน้นทีตรงนี้ที

ซำหม้อนั่งขดตัวใต้ชายคาขนำมองผ่านม่านฝนทอริ้วพลิ้วไหว  มองผ่านม่านใสไปตามลำคลอง ‘ชอบมองคลองมากกว่าแฮะ..ไม่อยากมองนาเลย..’  ซำหม้อรำพึง

นาของซำหม้อเป็นนากุ้ง เป็นนาร้าง  ซำหม้อไม่ปล่อยกุ้งมาหลายแล้งหลายฝนเข้าให้แล้ว ตั้งแต่กุ้งรุ่นสุดท้ายตายไป  ซำหม้อไม่เคยคิดอยากเลี้ยงกุ้งอีก  ตอนนั้นมันเหนื่อยทั้งกายใจ  เงินทุนทั้งหมดหายไปอยู่ในน้ำเสียแทบสิ้น  กุ้งยังไม่ได้ขนาดขาย กลับตายวันตายคืน  ซำหม้อเดินตักกุ้งที่หายใจพะงาบ บ้างก็ตะแคงตัวแดงตายอยู่ขอบบ่อ  เดินตักทั้งวันจนหมดเรี่ยวสิ้นแรง

ยามนั้นอัดอั้นตันใจแม้ข้าวยังยากกลืนลงคอ

จับเสียตอนนั้นหักโสหุ้ยค่าจับค่าขายยังแทบไม่พอ  แต่เลี้ยงต่อก็ต้องจ่ายค่าน้ำมันตีน้ำทุกวัน  ยิ่งกุ้งป่วยยิ่งต้องตีมาก  หากกุ้งไม่รอดยังทยอยตายไม่หยุดเงินที่จ่ายออกไปไม่ต่างละลายน้ำ  จำนวนกุ้งในบ่อก็เหลือน้อยลงทุกที ยิ่งคิดยิ่งเครียด

ที่สุดยอมจับ

ได้เงินมาแค่พอหักโสหุ้ย  ครั้งนั้นซำหม้อสิ้นเนื้อประดาตัว นึกฉงนฉงาย ชะตากรรมไยเล่นตลก  เหตุไฉนคนทำงานโดยหาเคยประหยัดแรงกลับพบความล้มเหลวกระนี้

ซำหม้อได้แต่สงสัย ‘หรือเพราะเราเลือกงานผิด?’

หลังโรคระบาดคราวนั้น  นายทุนหากุ้งพันธุ์อื่นมาทดแทน  เป็นกุ้งเลี้ยงง่ายปลอดโรคระบาด  สามารถเลี้ยงมากขึ้นในเนื้อที่เท่าเดิม  แต่กดราคารับซื้อไว้แทบเท่าราคาทุน  ทำให้ผู้เลี้ยงต้องปล่อยกุ้งต่อบ่อมากขึ้นเพื่อจับให้ได้มากจำนวนพอเห็นกำรี้กำไร  ยิ่งเพิ่มทุนเพิ่มความเสี่ยง

ซำหม้อไม่คิดเป็นเครื่องมือสร้างความร่ำรวยให้นายทุนพวกนี้อีกต่อไป  เขายกใบพัดตีน้ำขึ้นวางขอบบ่อ เก็บเครื่องเข้าขนำ  จากนั้นนั่งมองน้ำในบ่อวันแล้ววันเล่า

แรงลมกระพืดพัดซัดเอาละอองฝนฝ่าม่านใสเข้าในขนำ  ซำหม้อขดตัวปลดผ้าเคียนเอวมาห่อร่างกระนั้นฟันยังกระทบกันกึก ๆ แต่ไม่อยากปิดปากกะตูหลบเสียข้างใน  ยังอยากนั่งมองฝนอย่างนี้

ไม่ได้ทำมาหาเงินหลายฝนแล้วลำพังตัวยังพอประทังท้อง ปลูกผักปลูกหญ้ากินไปแต่ละมื้อ  แต่หากขืนเป็นอย่างนี้เมื่อไรจะมีปัญญาลืมตาอ้าปาก  เมื่อไรจะมีปัญญาไปขอสีไพรลูกลุงเพิ่มคนสวยประจำหมู่บ้านที่ตอนนี้นับวันจะยิ่งแตกเนื้อสาวแทบปลิช่ออูมอวบ  จบม.๖ ก็คงครบสิบแปด  กลัวก็แต่จะมีอันเป็นไปเสียก่อนเหมือนครั้งซำหม้อเคยหมายตาน้องโบว์ลูกลุงชาชายเล

ครั้งนั้นมัวแต่เลี้ยงกุ้งมุ่งหาเงินก่อร่างสร้างตัว  น้องโบว์เติบวัยจากเด็กกะโปโลเคยมาจับนอคลุกโคลนตัวดำเหนียง  กลายสาวสะองค์ที่เว้าก็เว้าน่าเคล้าคลึงที่กลึงก็กลึงเสียกลมเกลี้ยง  เคยหยอกเย้ากันมารึก็แต่ก่อนร่อนชะไร  เลยวางใจว่าใช่เสียแน่แล้วคู่เรียงที่จะมาเคียงขนำน้อย

ที่ไหนได้  ไม่ทันลมพลัดจะทันชะปลายตาล ซำหม้อก็ต้องถึงกาลหัวใจสลาย น้องโบว์ไปโรงเรียนไม่ได้เสียแล้วเพราะท้องเริ่มโต ไอ้คนที่มาคว้าน้องโบว์มันยังไม่มีมีปัญญาทำมาหากินเสียซ้ำ  วัน ๆ เอาแต่ขี่โนวาแดชโฉบไปเฉี่ยวมา

ซำหม้อให้สงสัยใจ ‘หรือเราคิดผิดที่เลือกสร้างตัวก่อนเอาสาว’

สายน้ำพรูพรายร่วงปรายจากชายคา  เสียงกระหน่ำราวจะพังขนำเสียให้ได้  ลำคลองในพรางฝนนั้นงามนัก  นั่งมองอยู่เยี่ยงนี้อีกกี่นานหาเป็นไร รองรางรึก็ซ่อมขัดมัดขึงไว้ดีแล้วตกอีกสักห่าใหญ่ก็น่าจะได้น้ำเต็มโอ่ง  ใช้อาบใช้กินไปอีกหลายวัน

กำลังนั่งชมอุปรากรฝนอยู่เพลินฝัน ตาค่อย ๆ เคริ้มหรี่ปรือ  พลันหัวใจซำหม้อก็ให้มีอันเต้นตูมตาม  เพราะเสื้อแดงแฝงฝ่าละอองฝนใต้ร่มเหลืองละออตาที่กำลังใกล้เข้ามานั่นเป็นใครไปเสียไม่ได้นอกจากศรีไพรแม่สาวงาม

ซำหม้อคลานเข่าออกชายคาส่งเสียงร้องทักเสียแต่ศรีไพรยังไกลอยู่หลายสิบวา

“ไปอย่างไรมาอย่างเล่าศรีไพร? ฝนฟ้าครืน ๆ ออกอย่างนี้!”

ศรีไพรแม่ร้องตอบแต่ไกล  “พ่อนะสิ!”  ชูปลาร้อยเหงือกหิ้วติดมือมา  “บอกให้เอามาให้พี่ ฉันบอกรอฝนหยุดก่อนก็ไม่ยอม”

“โอ..ตายล่ะวา”  ซำหม้อรำพึง  “พี่บอกลุงเพิ่มไปก็หลายทีว่าพี่ทำปลาไม่เป็น” ซำหม้อเหลือบปลาช่อนพะงาบเหงือกถูกร้อยเชือก  “เข้ามาหลบฝนเสียก่อนเป็นไร”

ศรีไพรมุดเข้าชายคาวางร่มไม่ทันปล่อยมือก็ต้องรีบคว้าด้วยแรงลมโหม  ซำหม้อกุลีกุจอยึดร่มไว้ให้

“เป็นชายทำปลาไม่เป็นมีที่ไหน?”  ศรีไพรพูดพลางชายหางตา

“ที่นี่แหละศรีไพร"  ซำหม้อเสียงอ่อย  "ทำมันไม่ลง”

“อ้าว..แล้วนี่ล่ะจะให้เอาไง”  ศรีไพรชูปลาหรา

“เอากลับไปเถอะ บอกพ่อด้วยขอบใจ”

“ฉันอุตส่าห์หิ้วเดินตากฝนมาแล้วพี่จะให้หิ้วกลับไปนี่นะ”

ศรีไพรปั้นปึ่ง ซำหม้อเพ่งมองยิ่งงามพิศ  นั่งยิ้มเผล่ แต่แล้วยิ้มซำหม้อก็พลันหุบเห็นศรีไพรคว้าร่มตั้งท่าจะกลับจริง

“ใช่จะหมายถึงเดี๋ยวนี้”  ซำหม้อคว้าร่มไว้  “รอฝนซาเม็ดสักครู่เป็นไร เดินไปเดินมาตากฝนเป็นหวัดกันพอดี”

“ก็พี่บอกให้ฉันเอาปลากลับ”  ศรีไพรแม่ยังมิวายส่งค้อน

“นา..ทำไม่เป็นนี่นา..แขวนไว้ข้างเสานั่นล่ะ”

ศรีไพรแขวนปลากับเสาชายคา  ยืนกอดอกหันมองพรำฝนหนาเม็ด  แรงลมรึก็กระหน่ำจนเหน็บจนหนาว

“หลบเข้ามาข้างในนี่ก่อนเถิดศรีไพร ข้างนอกละอองฝนแน่นนัก”

ซำหม้อกระถดชิดชายฝา  ภาพพระเอกนางเอกติดฝนกระท่อมกลางป่าผุดขึ้นราวมีหนัง ๓๕ ม.ม.ฉายอยู่ในกะโหลก  ติดอย่างเดียวฟิล์มนั่นคงเก่ากึ๊กจึงไม่เสียงพากษ์

ซำหม้อให้สงสัยใจ 'พระเอกเขาคุยอย่างไรบทจึงไปจบตรงนั้นได้'

ศรีไพรคืบขึ้นชานขนำคลานมานั่งกอดเข่าพิงฝา  ซำหม้อแอบมองเรือนผมหยักถูกฝนขดเป็นลอนยิ่งขับใบหน้าคมขำ  ผิวสาวเนียนตึงเสียจนเม็ดฝนไม่อาจแกะเกาะ

“ปีนี้ศรีไพรอายุเท่าไรแล้ว?”

“สิบหก”  ศรีไพรตอบ  “พี่ถามทำไม?”

“เอ่อ..”  ซำหม้ออึกอัก  “ศรีไพรชอบดูฝนมั้ย?”

“เห็นออกบ่อยมีอะไรน่าดู”  ศรีไพรแบะปาก  “ตกทีข้ามวันข้ามคืนเฉอะแฉะก็เท่านั้น”

“ในสายฝนมีแรงบันดาลใจซ่อนอยู่นะ..มีทั้งภาพศิลปะ บทเพลง บทกวีพลิ้วไหวอยู่ในนั้นลองฟังสิ”

พรำฝนยังกระหน่ำสายอยู่มืดฟ้ามัวทุ่ง  ริ้วม่านสายยักย้ายส่ายไหวไปกับแรงลมโยน  เสียงกระทบหลังคาจากสูงต่ำฟังราวมโหรีวงใหญ่บรรเลงท่วงทำนองครื้นครึก

“เป็นอย่างไร?”  ซำหม้อถาม

“อะไร?”

“เสียงฝนไง?”

“ไม่ได้ฟัง ฉันกำลังคิดว่าเมื่อไรมันจะหยุดเสียที ยังไม่ได้ทำการบ้านเลย”

“ศรีไพรหนาวมั้ย?”  ซำหม้อขยับ

“หนาว..พี่ถามทำไม?”

“พี่จะช่วยให้หายหนาว”

ศรีไพรหันมองเบิ่งตากลมโต ซำหม้อพิพักพิพ่วนดึงผ้าขาวม้าส่งให้  “เอานี่ห่มไว้ก่อนคงพอช่วยได้”

“ไม่ต้อง”  ศรีไพรตอบห้วนหันมองไปทางลำคลอง

ซำหม้อหดมือกลับ  บรรยากาศเป็นใจเช่นนี้ใช่พานพบบ่อยที่ไหน  ซำหม้อเคยฝันไว้นานนักหนาอยากมีใครสักคนมานั่งมองฝนด้วยกัน  ไม่ต้องพูดคุยให้มากความแค่ซบลงข้างไหล่ร้องเพลงเพราะ ๆ สักเพลง  แล้วปล่อยใจล่องลอยไปกับพลิ้วพรายฝน  เท่านี้ก็อุ่นในหัวใจกระไรแล้ว  ศรีไพรยังเยาว์นักอายุเพิ่งสิบหกคงต้องรออีกสองปี  แต่ก็หวั่น ๆ อยู่ว่าจะเป็นเสียเช่นน้องโบว์ที่ตอนนี้ลูกชายย่างสองขวบแล้ว  อย่ากระนั้นเลยเห็นทีซำหม้อจะต้องฝากมัดจำไว้เสียก่อน

คิดได้ดังนั้นซำหม้อส่งปลายจมูกหอมแก้มตึงเต่งชื้นเย็นของศรีไพรดังฟอด

ทันควัน! ฝ่ามือก็มืดดำเต็มใบหน้า หัวกระแทกขอบประตูขนำดังโป๊ก!

ซำหม้อสะดุ้งเฮือก! ตาเหลือกลาน

ฝนคงซาเม็ดไปนานแล้ว  นกกาออกจากรังพากันสะบัดขนส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว แสงอาทิตย์สีหมากสุกอาบไล้ไปทั่วโค้งคุ้งลำคลองโคกบัวบก

ควานผ้าขาวม้ากองพื้นขึ้นเช็ดปากเปื้อนคราบน้ำลาย  เสียงโครมครืนลับหายเหลือก็แต่ความเงียบวังเวงกับเสียงจิ้งหรีดตัวแรกเริ่มกรีดปีกรับเงามืดกำลังคืบคลานมา ซำหม้อผวา

"ตายล่ะ! ยังไม่มีกับข้าวเลย  สงสัยมื้อนี้กินข้าวคลุกน้ำปลาอีกแล้ว" กระถดก้นคว้าจานช้อนไปทางหม้อข้าว  เปิดขึ้นมาก็ให้สะดุ้งโหยง "ตายโหง! ข้าวหมด!"

ปลายนาข้างตกฟ้าหรี่แสงลงรำไร  ซำหม้อท้องกิ่วหิวน้ำลายสอกำลังล้างหม้อซาวข้าวสาร

เช็ดหม้อข้าวไปก็ให้สงสัยใจ ‘หากมีแม่บ้านมาดูแลอาหารการกินสักคน เราคงไม่ต้องทรกรรมเยี่ยงนี้..’

OOO

ลมพลัด หมายถึง ลมตะวันตก
ข้างตก หมายถึง ทางทิศตะวันตก
ขนำ หมายถึง กระท่อมเล็ก ๆ
ชายเล หมายถึง ริมทะเล
นอ หมายถึง กุ้งตกค้างในบ่อหลังจับเสร็จ

Comment #1
saifon (Not Member)
Posted @5 ต.ค.53 10.55 ip : 117...196

จับบรรยากาศมาเขียนสดๆอย่างนี้แหละนะ พี่หนอนดิน

Comment #2
Posted @5 ต.ค.53 16.57 ip : 118...206

ไม่ได้ทำมาหาเงินหลายฝนแล้วลำพังตัวยังพอประทังท้อง ปลูกผักปลูกหญ้ากินไปแต่ละมื้อ  แต่หากขืนเป็นอย่างนี้เมื่อไรจะมีปัญญาลืมตาอ้าปาก  เมื่อไรจะมีปัญญาไปขอสีไพรลูกลุงเพิ่มคนสวยประจำหมู่บ้านที่ตอนนี้นับวันจะยิ่งแตกเนื้อสาวแทบปลิช่ออูมอวบ

ใช้ว่า ปริ ครับ

ครั้งนั้นมัวแต่เลี้ยงกุ้งมุ่งหาเงินก่อร่างสร้างตัว  น้องโบว์เติบวัยจากเด็กกะโปโลเคยมาจับนอคลุกโคลนตัวดำเหนียง

ใช้ เหนี่ยง ครับ เหนี่ยงตัวดำๆที่อาศัยอยู่ในนาข้าว ปัจจุบันหายากแล้ว

กลายสาวสะองค์ที่เว้าก็เว้าน่าเคล้าคลึงที่กลึงก็กลึงเสียกลมเกลี้ยง

สาวสะองค์? สะอางหรือเปล่าที่อยากใช้?  (สะอางมี ค์ ไหม ยังไม่ได้ค้น) หรือใช้ สาวสะ ในความหมายสะสวย  องค์คือรูปร่าง?

ที่ไหนได้  ไม่ทันลมพลัดจะทันชะปลายตาล ซำหม้อก็ต้องถึงกาลหัวใจสลาย น้องโบว์ไปโรงเรียนไม่ได้เสียแล้วเพราะท้องเริ่มโต ไอ้คนที่มาคว้าน้องโบว์มันยังไม่มีมีปัญญาทำมาหากินเสียซ้ำ  วัน ๆ เอาแต่ขี่โนวาแดชโฉบไปเฉี่ยวมา

รักแท้แพ้แดช แหงๆ 55555


กำลังนั่งชมอุปรากรฝนอยู่เพลินฝัน ตาค่อย ๆ เคริ้มหรี่ปรือ  พลันหัวใจซำหม้อก็ให้มีอันเต้นตูมตาม  เพราะเสื้อแดงแฝงฝ่าละอองฝนใต้ร่มเหลืองละออตาที่กำลังใกล้เข้ามานั่นเป็นใครไปเสียไม่ได้นอกจากศรีไพรแม่สาวงาม

กั๊กนะครับ ทั้งแดงทั้งเหลือง 5555555


อ่านสนุกครับ การเขียนแล้วอ่านไม่น่าเบื่อ ผมถือเป็นความสำเร็จสำคัญ ที่เหลือคือทักษะและฝีมือ

สำนวนสนุก ออกลุกทุ่งแนวจิ๊กโก๋ สามารถเอาเป็นลักษณะเฉพาะงานเขียนน้าได้เลยครับ

แต่จบห้วนไปหน่อย ซำหม้อนั่งฝันกลางวันจนหัวโขกประตู อย่างน้อยน่าจะมีฉากที่ซำหม้อใช้มือลูบหัวโนอยู่ป้อยๆก็ยังดีครับ

Comment #3
Posted @5 ต.ค.53 16.58 ip : 118...206

อีกนิด  ศรีไพรอายุ 16 นี่เด้กนะน้า  ติดคุกกี่ปีหว่าพรากผู้เยาว์ กับบังคับข่มขืนใจ ขำเราเด็กที่อายุไม่ถึง 18


เดี๋ยวจะเปิดกฎหมายดูให้นะน้า

Comment #4
Posted @5 ต.ค.53 17.38 ip : 69...109

มาแปะโป้ง ... เดี๋ยวมาอ่านใหม่

ปั่นงานก่อน อิอิ
สะอง อาจจะหมายถึง รูปร่างสะโอดสะอง หรือเปล่าครับ??? 


(ศรีไพรมีพี่สาวหรือเปล่าครับ???) ฮาๆๆๆ

Comment #5
Posted @5 ต.ค.53 18.32 ip : 1...148

ขอบพระคุณน้าหมี่หาที่สุดมิได้ หาไม่ผู้น้อยก็คงยังออกเสียงเรียกเจ้าเหนี่ยงว่าเหนียงอยู่นั่นแล้ว (ก็ข้าพเจ้าคุ้นหูแต่ว่า 'ตัวดำเป็นเหนียง' ผ่าสิขะรับ เพิ่งรู้นี่ล่ะว่าเจ้านั่นคือเหนี่ยง)

ส่วน 'สะองค์' คิดหมายถึง 'สะโอดสะอง' หยั่งพี่ทรายป๋วยกล่าว แต่ข้าพเจ้าเขียนผิด จะต้องไม่มี 'ค์' จึงจะยังคง 'สะอง' ไว้ไม่ทราบน้าหมีเห็นว่าไง?

และขอบคุณสำหรับคำ 'ปริ'

ทั้งหมด (และ 'ลูบหัวป้อย ๆ) ข้าพเจ้าจะแก้ไขในต้นฉบับ ส่วนในสำนักหมี่คิดว่าจะคงผิดประจานตนไว้อย่างนั้น เผื่อว่ามีผู้สนใจติดตามอ่านภายหลัง มาพบคำแนะนำของน้าหมีจะได้สะกิดใจจดจำ

ขอบพระคุณมากมายขะรับ

ป.ล. เมื่อแรกก็รอลุ้นอยู่ว่าน้าหมี่จะว่าไงกับ 'ฝนฟายฟ้า' หากน้าหมีปล่อยผ่าน ผู้น้อยทึกทักเอาไว้ใช้ได้นะขะรับ

แล้วจะรองานปั่นขะรับพี่ทรายป๋วย

Comment #6
Posted @5 ต.ค.53 20.35 ip : 113...107

สะโอดสะองเป็นคำที่ต้องใช้คู่กันครับ แยกมาใช้เดี่ยวๆตามลำำพังไม่ได้เพราะไม่มีความหมาย เป็นคำวิเศษณ์ ที่ใช้ขยายคำนามหรือกิริยาอีกทีหนึ่ง  เช่นแดงแปร๊ด เหลืองอ๋อย เราจะใช้เพียงสีแปร๊ด สีอ๋อย ไม่ได้ สีมุ่นชิ่น ใช้แค่สีมุ่นหรือสีชิ่น ก้ไม่ได้ครับ สีมุ่นชิ่นๆก็คือสีตุ่นๆนะแหละ


ฝนฟายฟ้า ผมไม่ติดใจครับ เพราะมีความหมายแล้วสวยอีกด้วย

น้าดินเขียนงานโดยเล่นคำเก่าๆลูกทุ่งๆ ซึ่งปัจจุบันหาคนอ่านเขียนยากแล้ว แต่ก็ยังมีอยู่ ดังนั้นน้าต้องระวังในเรื่องคำเหล่านี้ครับ

Comment #7
Posted @7 ต.ค.53 13.58 ip : 119...211

อ่านสนุก มีลีลาเฉพาะตัวดี

น้าธุลีดินเป็นนักปรุงคำ แถมแต่ละคำเด็ดขาดก็พรวดพราดพรายผุดขึ้นมาละเลงโปรยโดยไม่เปิดพจนานุกรมเสียด้วย แจ่มมาก!

สำนวน "ฝ่ามือก็มืดดำเต็มใบหน้า" นี่ชอบมากครับ

ขอบคุณที่นำมาให้ชมครับ

"ฝ่ามือก็มืดดำเต็มใบหน้า"
นองอัสสุธาราราวสายฝน
ซำหม้อคลำหัวป้อยตาลอยวน
อัศจรรย์ใจล้น ณ ปลายนา

Comment #8
Posted @7 ต.ค.53 16.43 ip : 1...163

อา..พี่สมุทรไม่ธรรมดาเสียแล้ว

เขียนใช้คำน้อยสุดให้เห็นภาพชัดสุด เป็นเรื่องกลุ้มกบาลผู้น้อยแต่ไหนแต่ไร พี่สมุทรสามารถมองเห็น สำแดงว่าพลังยุทธ์ล่วงพ้นตรงนั้นไปแล้ว ขออย่างำประกาย เชื่อว่ามีงานเขียนที่เคยประจงไว้ไม่น้อย เวทนานำมาให้ผู้น้อยละลายสายตาเสียโดยละม่อม

คารวะ

Comment #9
saifon (Not Member)
Posted @7 ต.ค.53 19.53 ip : 222...78

กาลครั้งหนึ่งถึงไหนแล้ว พี่หนอนดิน

รออ่านอยู่นะ

Comment #10
Posted @8 ต.ค.53 2.10 ip : 111...161

ยังพะยามทามจายยยย..ข้าพเจ้าก็รอ..รอแล้วรอเล่า..นะน้องหนอนฝนและยังจะเฝ้ารอ...

Comment #11
Posted @8 ต.ค.53 2.11 ip : 111...161

ก่อนสิ้นพ.ย.ต้องจบเรื่องแน่นอน

รับรอง!

Comment #12
Posted @8 ต.ค.53 5.21 ip : 1...135

เขิลคะรับ ด้วยมิได้มิผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ได้แต่ตามเสพงานของผู้มีสุนทรียะ แหะๆ

Comment #13
Posted @8 ต.ค.53 15.58 ip : 69...109

จะรออ่านนะขะรับ
ชอบสำนวนน้าดิลล์มากเลยขะรับ
งานปั่นนั้นส่งไปหมดแล้ว ...
ตอนนี้คงได้มานั่งอ่านงานน้าดิลล์ น้าหมี่ น้องเก๋
พี่สมุทร พี่น้ำพี้ น้าสายฝนต่อแล้ว อิอิ

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 52 user(s)

User count is 2415772 person(s) and 10075852 hit(s) since 1 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).