โคกบัวบก ซิทคอมปลายนา ตอน ซำหม้อ
ลมพลัดหอบฝนเดือนสิบฟายฟ้ามาไม่ขาดสาย โค้งลำคลองโคกบัวบกกลับมาแช่มชื่นรื่นร่า ไอร้อนอ้าวเมื่อหลายวันก่อนแผดเสียซังหญ้าแทบลุกลามไหม้พลอยถูกชะละหาย พืชไม้พันธุ์ไม้คล้ายจะหัวร่อล้อลมเริงอยู่ย้ายไหวด้วยได้ฝน เข็มฝนหล่นน้ำจักจัก พรายน้ำน้อยทอดวงซ้อนกันอยู่ไปมา ฝูงปลาก็คงพลอยเพลินฝนโผฮุบผิวน้ำตรงโน้นทีตรงนี้ที
ซำหม้อนั่งขดตัวใต้ชายคาขนำมองผ่านม่านฝนทอริ้วพลิ้วไหว มองผ่านม่านใสไปตามลำคลอง ชอบมองคลองมากกว่าแฮะ..ไม่อยากมองนาเลย.. ซำหม้อรำพึง
นาของซำหม้อเป็นนากุ้ง เป็นนาร้าง ซำหม้อไม่ปล่อยกุ้งมาหลายแล้งหลายฝนเข้าให้แล้ว ตั้งแต่กุ้งรุ่นสุดท้ายตายไป ซำหม้อไม่เคยคิดอยากเลี้ยงกุ้งอีก ตอนนั้นมันเหนื่อยทั้งกายใจ เงินทุนทั้งหมดหายไปอยู่ในน้ำเสียแทบสิ้น กุ้งยังไม่ได้ขนาดขาย กลับตายวันตายคืน ซำหม้อเดินตักกุ้งที่หายใจพะงาบ บ้างก็ตะแคงตัวแดงตายอยู่ขอบบ่อ เดินตักทั้งวันจนหมดเรี่ยวสิ้นแรง
ยามนั้นอัดอั้นตันใจแม้ข้าวยังยากกลืนลงคอ
จับเสียตอนนั้นหักโสหุ้ยค่าจับค่าขายยังแทบไม่พอ แต่เลี้ยงต่อก็ต้องจ่ายค่าน้ำมันตีน้ำทุกวัน ยิ่งกุ้งป่วยยิ่งต้องตีมาก หากกุ้งไม่รอดยังทยอยตายไม่หยุดเงินที่จ่ายออกไปไม่ต่างละลายน้ำ จำนวนกุ้งในบ่อก็เหลือน้อยลงทุกที ยิ่งคิดยิ่งเครียด
ที่สุดยอมจับ
ได้เงินมาแค่พอหักโสหุ้ย ครั้งนั้นซำหม้อสิ้นเนื้อประดาตัว นึกฉงนฉงาย ชะตากรรมไยเล่นตลก เหตุไฉนคนทำงานโดยหาเคยประหยัดแรงกลับพบความล้มเหลวกระนี้
ซำหม้อได้แต่สงสัย หรือเพราะเราเลือกงานผิด?
หลังโรคระบาดคราวนั้น นายทุนหากุ้งพันธุ์อื่นมาทดแทน เป็นกุ้งเลี้ยงง่ายปลอดโรคระบาด สามารถเลี้ยงมากขึ้นในเนื้อที่เท่าเดิม แต่กดราคารับซื้อไว้แทบเท่าราคาทุน ทำให้ผู้เลี้ยงต้องปล่อยกุ้งต่อบ่อมากขึ้นเพื่อจับให้ได้มากจำนวนพอเห็นกำรี้กำไร ยิ่งเพิ่มทุนเพิ่มความเสี่ยง
ซำหม้อไม่คิดเป็นเครื่องมือสร้างความร่ำรวยให้นายทุนพวกนี้อีกต่อไป เขายกใบพัดตีน้ำขึ้นวางขอบบ่อ เก็บเครื่องเข้าขนำ จากนั้นนั่งมองน้ำในบ่อวันแล้ววันเล่า
แรงลมกระพืดพัดซัดเอาละอองฝนฝ่าม่านใสเข้าในขนำ ซำหม้อขดตัวปลดผ้าเคียนเอวมาห่อร่างกระนั้นฟันยังกระทบกันกึก ๆ แต่ไม่อยากปิดปากกะตูหลบเสียข้างใน ยังอยากนั่งมองฝนอย่างนี้
ไม่ได้ทำมาหาเงินหลายฝนแล้วลำพังตัวยังพอประทังท้อง ปลูกผักปลูกหญ้ากินไปแต่ละมื้อ แต่หากขืนเป็นอย่างนี้เมื่อไรจะมีปัญญาลืมตาอ้าปาก เมื่อไรจะมีปัญญาไปขอสีไพรลูกลุงเพิ่มคนสวยประจำหมู่บ้านที่ตอนนี้นับวันจะยิ่งแตกเนื้อสาวแทบปลิช่ออูมอวบ จบม.๖ ก็คงครบสิบแปด กลัวก็แต่จะมีอันเป็นไปเสียก่อนเหมือนครั้งซำหม้อเคยหมายตาน้องโบว์ลูกลุงชาชายเล
ครั้งนั้นมัวแต่เลี้ยงกุ้งมุ่งหาเงินก่อร่างสร้างตัว น้องโบว์เติบวัยจากเด็กกะโปโลเคยมาจับนอคลุกโคลนตัวดำเหนียง กลายสาวสะองค์ที่เว้าก็เว้าน่าเคล้าคลึงที่กลึงก็กลึงเสียกลมเกลี้ยง เคยหยอกเย้ากันมารึก็แต่ก่อนร่อนชะไร เลยวางใจว่าใช่เสียแน่แล้วคู่เรียงที่จะมาเคียงขนำน้อย
ที่ไหนได้ ไม่ทันลมพลัดจะทันชะปลายตาล ซำหม้อก็ต้องถึงกาลหัวใจสลาย น้องโบว์ไปโรงเรียนไม่ได้เสียแล้วเพราะท้องเริ่มโต ไอ้คนที่มาคว้าน้องโบว์มันยังไม่มีมีปัญญาทำมาหากินเสียซ้ำ วัน ๆ เอาแต่ขี่โนวาแดชโฉบไปเฉี่ยวมา
ซำหม้อให้สงสัยใจ หรือเราคิดผิดที่เลือกสร้างตัวก่อนเอาสาว
สายน้ำพรูพรายร่วงปรายจากชายคา เสียงกระหน่ำราวจะพังขนำเสียให้ได้ ลำคลองในพรางฝนนั้นงามนัก นั่งมองอยู่เยี่ยงนี้อีกกี่นานหาเป็นไร รองรางรึก็ซ่อมขัดมัดขึงไว้ดีแล้วตกอีกสักห่าใหญ่ก็น่าจะได้น้ำเต็มโอ่ง ใช้อาบใช้กินไปอีกหลายวัน
กำลังนั่งชมอุปรากรฝนอยู่เพลินฝัน ตาค่อย ๆ เคริ้มหรี่ปรือ พลันหัวใจซำหม้อก็ให้มีอันเต้นตูมตาม เพราะเสื้อแดงแฝงฝ่าละอองฝนใต้ร่มเหลืองละออตาที่กำลังใกล้เข้ามานั่นเป็นใครไปเสียไม่ได้นอกจากศรีไพรแม่สาวงาม
ซำหม้อคลานเข่าออกชายคาส่งเสียงร้องทักเสียแต่ศรีไพรยังไกลอยู่หลายสิบวา
ไปอย่างไรมาอย่างเล่าศรีไพร? ฝนฟ้าครืน ๆ ออกอย่างนี้!
ศรีไพรแม่ร้องตอบแต่ไกล พ่อนะสิ! ชูปลาร้อยเหงือกหิ้วติดมือมา บอกให้เอามาให้พี่ ฉันบอกรอฝนหยุดก่อนก็ไม่ยอม
โอ..ตายล่ะวา ซำหม้อรำพึง พี่บอกลุงเพิ่มไปก็หลายทีว่าพี่ทำปลาไม่เป็น ซำหม้อเหลือบปลาช่อนพะงาบเหงือกถูกร้อยเชือก เข้ามาหลบฝนเสียก่อนเป็นไร
ศรีไพรมุดเข้าชายคาวางร่มไม่ทันปล่อยมือก็ต้องรีบคว้าด้วยแรงลมโหม ซำหม้อกุลีกุจอยึดร่มไว้ให้
เป็นชายทำปลาไม่เป็นมีที่ไหน? ศรีไพรพูดพลางชายหางตา
ที่นี่แหละศรีไพร" ซำหม้อเสียงอ่อย "ทำมันไม่ลง
อ้าว..แล้วนี่ล่ะจะให้เอาไง ศรีไพรชูปลาหรา
เอากลับไปเถอะ บอกพ่อด้วยขอบใจ
ฉันอุตส่าห์หิ้วเดินตากฝนมาแล้วพี่จะให้หิ้วกลับไปนี่นะ
ศรีไพรปั้นปึ่ง ซำหม้อเพ่งมองยิ่งงามพิศ นั่งยิ้มเผล่ แต่แล้วยิ้มซำหม้อก็พลันหุบเห็นศรีไพรคว้าร่มตั้งท่าจะกลับจริง
ใช่จะหมายถึงเดี๋ยวนี้ ซำหม้อคว้าร่มไว้ รอฝนซาเม็ดสักครู่เป็นไร เดินไปเดินมาตากฝนเป็นหวัดกันพอดี
ก็พี่บอกให้ฉันเอาปลากลับ ศรีไพรแม่ยังมิวายส่งค้อน
นา..ทำไม่เป็นนี่นา..แขวนไว้ข้างเสานั่นล่ะ
ศรีไพรแขวนปลากับเสาชายคา ยืนกอดอกหันมองพรำฝนหนาเม็ด แรงลมรึก็กระหน่ำจนเหน็บจนหนาว
หลบเข้ามาข้างในนี่ก่อนเถิดศรีไพร ข้างนอกละอองฝนแน่นนัก
ซำหม้อกระถดชิดชายฝา ภาพพระเอกนางเอกติดฝนกระท่อมกลางป่าผุดขึ้นราวมีหนัง ๓๕ ม.ม.ฉายอยู่ในกะโหลก ติดอย่างเดียวฟิล์มนั่นคงเก่ากึ๊กจึงไม่เสียงพากษ์
ซำหม้อให้สงสัยใจ 'พระเอกเขาคุยอย่างไรบทจึงไปจบตรงนั้นได้'
ศรีไพรคืบขึ้นชานขนำคลานมานั่งกอดเข่าพิงฝา ซำหม้อแอบมองเรือนผมหยักถูกฝนขดเป็นลอนยิ่งขับใบหน้าคมขำ ผิวสาวเนียนตึงเสียจนเม็ดฝนไม่อาจแกะเกาะ
ปีนี้ศรีไพรอายุเท่าไรแล้ว?
สิบหก ศรีไพรตอบ พี่ถามทำไม?
เอ่อ.. ซำหม้ออึกอัก ศรีไพรชอบดูฝนมั้ย?
เห็นออกบ่อยมีอะไรน่าดู ศรีไพรแบะปาก ตกทีข้ามวันข้ามคืนเฉอะแฉะก็เท่านั้น
ในสายฝนมีแรงบันดาลใจซ่อนอยู่นะ..มีทั้งภาพศิลปะ บทเพลง บทกวีพลิ้วไหวอยู่ในนั้นลองฟังสิ
พรำฝนยังกระหน่ำสายอยู่มืดฟ้ามัวทุ่ง ริ้วม่านสายยักย้ายส่ายไหวไปกับแรงลมโยน เสียงกระทบหลังคาจากสูงต่ำฟังราวมโหรีวงใหญ่บรรเลงท่วงทำนองครื้นครึก
เป็นอย่างไร? ซำหม้อถาม
อะไร?
เสียงฝนไง?
ไม่ได้ฟัง ฉันกำลังคิดว่าเมื่อไรมันจะหยุดเสียที ยังไม่ได้ทำการบ้านเลย
ศรีไพรหนาวมั้ย? ซำหม้อขยับ
หนาว..พี่ถามทำไม?
พี่จะช่วยให้หายหนาว
ศรีไพรหันมองเบิ่งตากลมโต ซำหม้อพิพักพิพ่วนดึงผ้าขาวม้าส่งให้ เอานี่ห่มไว้ก่อนคงพอช่วยได้
ไม่ต้อง ศรีไพรตอบห้วนหันมองไปทางลำคลอง
ซำหม้อหดมือกลับ บรรยากาศเป็นใจเช่นนี้ใช่พานพบบ่อยที่ไหน ซำหม้อเคยฝันไว้นานนักหนาอยากมีใครสักคนมานั่งมองฝนด้วยกัน ไม่ต้องพูดคุยให้มากความแค่ซบลงข้างไหล่ร้องเพลงเพราะ ๆ สักเพลง แล้วปล่อยใจล่องลอยไปกับพลิ้วพรายฝน เท่านี้ก็อุ่นในหัวใจกระไรแล้ว ศรีไพรยังเยาว์นักอายุเพิ่งสิบหกคงต้องรออีกสองปี แต่ก็หวั่น ๆ อยู่ว่าจะเป็นเสียเช่นน้องโบว์ที่ตอนนี้ลูกชายย่างสองขวบแล้ว อย่ากระนั้นเลยเห็นทีซำหม้อจะต้องฝากมัดจำไว้เสียก่อน
คิดได้ดังนั้นซำหม้อส่งปลายจมูกหอมแก้มตึงเต่งชื้นเย็นของศรีไพรดังฟอด
ทันควัน! ฝ่ามือก็มืดดำเต็มใบหน้า หัวกระแทกขอบประตูขนำดังโป๊ก!
ซำหม้อสะดุ้งเฮือก! ตาเหลือกลาน
ฝนคงซาเม็ดไปนานแล้ว นกกาออกจากรังพากันสะบัดขนส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว แสงอาทิตย์สีหมากสุกอาบไล้ไปทั่วโค้งคุ้งลำคลองโคกบัวบก
ควานผ้าขาวม้ากองพื้นขึ้นเช็ดปากเปื้อนคราบน้ำลาย เสียงโครมครืนลับหายเหลือก็แต่ความเงียบวังเวงกับเสียงจิ้งหรีดตัวแรกเริ่มกรีดปีกรับเงามืดกำลังคืบคลานมา ซำหม้อผวา
"ตายล่ะ! ยังไม่มีกับข้าวเลย สงสัยมื้อนี้กินข้าวคลุกน้ำปลาอีกแล้ว" กระถดก้นคว้าจานช้อนไปทางหม้อข้าว เปิดขึ้นมาก็ให้สะดุ้งโหยง "ตายโหง! ข้าวหมด!"
ปลายนาข้างตกฟ้าหรี่แสงลงรำไร ซำหม้อท้องกิ่วหิวน้ำลายสอกำลังล้างหม้อซาวข้าวสาร
เช็ดหม้อข้าวไปก็ให้สงสัยใจ หากมีแม่บ้านมาดูแลอาหารการกินสักคน เราคงไม่ต้องทรกรรมเยี่ยงนี้..
OOO
ลมพลัด หมายถึง ลมตะวันตก
ข้างตก หมายถึง ทางทิศตะวันตก
ขนำ หมายถึง กระท่อมเล็ก ๆ
ชายเล หมายถึง ริมทะเล
นอ หมายถึง กุ้งตกค้างในบ่อหลังจับเสร็จ