ชักม้าชมเมือง : ราชมนูฝนดาบ
๏ เหมือนธรณีกระเทือนเลื่อนลั่น
ข่าวศึกฮึกง่าท้าประจัญ
ข่มขวัญขึ้งขู่อยู่ครึกโครม
ขะแมร์เอยสอพลออสรพิษ
เผลอนิดคิดเบียนเหี้ยนโหม
ไทยกรำศึกข้างรามัญรันโรม
มึงโจมจู่ลู่ขู่ชิง
ต้อนชาวบ้านตะวันออก
หนามยอกอกแยงแหยงยิ่ง
มิชอบลอบลักเยี่ยงลิง
เผลอนิ่งมึงพานร่านระยำ
กระทำครั้งแล้วครั้งเล่า
ความเก่ายังมิไขความใหม่ย้ำ
หนนี้มึงจะจดจำ
ก่อกรรมอันใดใช้เวร
มีพระบรมราชโองการ
ทแกล้วหาญทุกเหล่ามิเว้น
เตรียมเศิกเบิกศัสตรามาเกณฑ์
สะดมเลขพลเวรเหล่ากอง
เสียงฝนดาบดังสนั่นเมือง
ปร่างเปรื่องเดื่องดาษประกาศก้อง
เที่ยวนี้ทัพไทยทุกกอง
จักบุกครองแดนกัมพุช
สั่งสอนให้รู้สำนึก
มิเสียเลือดแสบลึกมิหยุด
จักฆ่าฟันรันโรมโหมรุด
สิ้นสุดเสี้ยนสางข้างบูรพา
มองคมดาบอาบแสงลุกแดงเดือด
คล้ายเงาเลือดไหลเริงอาบเพลิงฆ่า
เสียงสวบเสียดลิ่มกระดูกปลุกวิญญาณ์
แววตาราชมนูลุกโพลง
ฤๅสันติสุขได้มาด้วยสงคราม
คำถามก้องไปในลานโล่ง
ภาพอดีตยาวเยือนเคลื่อนโยง
ราวโรงมหรสพทางวิญญาณ
หลั่งเลือดเดือดนองสมรภูมิ
ซากศพกองสุมหลุมเถ้าถ่าน
คุควันลามเริงเพลิงกาฬ
เสียงร่ำไห้หลังม่านน้ำตา
สิ้นเสียงไห้ระงมเมือง
สิ้นเรื่องก่อเวรเข่นฆ่า
รอยยิ้มกลับคืนมา
หุงหาข้าวปลามิอาทร
ค่อยเริ่มอยู่เย็นเป็นสุข
สนุกสำราญแท้เหมือนแต่ก่อน
ศิลปะ-วัฒนธรรมการละคร
ทั้งระบำรำฟ้อนร่อนเริง
ภักษาหารอุดมสมบูรณ์
วงศ์ประยูรเอะอะมะเทิ่ง
ล้วนแล้วแต่การบันเทิง
สำเริงสำราญบานเมือง
เริ่มหันชิงดีชิงเด่น
ขันเข่นขัดขาหาเรื่อง
ได้ร้อนเดือดคลั่งทั้งเมือง
สงครามแค้นเคืองคืนอีกครา
เยี่ยงนั้น..ศึกนี้คงมิใช่ครั้งสุดท้าย
ลูกหลานกูยังต้องตายภายหน้า
มองเงาดาบวาบฉายทายท้า
แววตาราชมนูเหม่อลอย
ฤๅมนุษย์ไม่เคยเปลี่ยน
วนเวียนรุดหน้าแล้วถดถอย
หรือสงคราม-สันติสุขลัวนเลื่อนลอย
แค่คล้อยครรลองของเมฆเงา
สูดหายใจส่งดาบคืนฝัก
ตระหนักหน้าที่ต้องเข้าเฝ้า
วันพรุ่งรุ่งเช้า
ทัพนเรศวรเจ้าจะเคลื่อนพล ฯ