บทกวีของ ประกาย ปรัชญา
การผลิบานที่ขอบฟ้ามีดาวร่วง
เธอเหม่อมองม่านเช้าอย่างเศร้าสร้อย ทั้งที่ฟ้าค่อยค่อยพร้อยพร้อยแสง ทั้งที่อนธการได้รานแรง แก่ดอกแดดแสด-แดงได้แข่งบาน ราวกับเธอทอดตาล้วนฟ้าอับ และนกเพลงแดดับมิขับขาน เธอก็เห็น น้ำค้างสะพรั่งไปทั้งลาน สวยเสียจนอาจอ่านเป็นงานกวี กระนั้น มองม่านเช้าอย่างเศร้าสร้อย เมฆพลิ้วสายค่อยค่อยพร้อยพร้อยสี เงาไม้ไหวในถนนดั่งดนตรี เธอรู้ ณ บัดนี้มีลมเช้า ตอบฉันว่า-งามอยู่เพียงครู่ยาม ครู่ยามที่แสนงามก็งามเศร้า เพื่อผลิแดด ดาวสางย่อมร้างเงา ผลึกสุดท้ายกลายเถ้ามิเปล่ากลวง เพื่อล่วงคืนอ้างว้างหนทางก้าว แลกด้วยความรวดร้าวของดาวร่วง เธอเฝ้าดู ทีละดาว คราวละดวง แต่ละท่วงวิถีคือชีวิต ตอบฉันว่า-แดดออกดอกระดะ แท้รากแท้ยังจะมืดสนิท เกินลบล้างร่องรอยสักน้อยนิด ชีวิตนี้เคยสถิต,ชีวิตนั้น เธอถอนใจในเช้าที่เศร้าสร้อย ทั่วผืนฟ้าค่อยค่อยพร้อยพร้อยฝัน ทิศที่คนขานว่าชมตาวัน แสงวูบหนึ่งสั้นสั้น-เงียบงันนัก
รำลึกผู้เสียชีวิตจากเหตุดารณ์พฤษภาทมิฬ 2535 พิมพ์ครั้งแรก ข่าวพิเศษ มิถุนายน 2535 รวมเล่มบทกวี แสงเงาและเปลือกหอย สนพ.นกสีเหลือง
ประกาย ปรัชญา
เอางานชิ้นอมตะมาสเตอร์พีซอีกชิ้นของประกาย ปรัชญา
มาให้อ่านกันครับ เป็นงานที่พูดถึงเหตุการณ์ทมิฬในเดือนพฤษภาคม 2535 ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับงานพฤษภาทมิฬ หรือ 14 ตุลา ของคนอื่นๆ
ในขณะที่ส่วนใหญ่ยังเขียนแบบสูตรสำเร็จรูป เช่น-หลับเถิดคนดีวีร
ชน เราอยู่หลังจะหาหนลุกขึ้นสู้ หรือประเภทก่นด่าอย่างบ้าคลั่งถ่ายเดียว ประกายกลับเลือกที่จะ นิ่ง มองดูมันอย่างพิเคราะห์ และจับความรู้สึกแท้จริงของตนออกมา อย่างจริงใจและมีวุฒิภาวะ ประกายใช้สัญญลักษณ์เข้ามาอธิบายสาร และทำได้สวยที่สุด แหละให้สังเกตุบทจบของประกาย
เธอถอนใจในเช้าที่เศร้าสร้อย
ทั่วผืนฟ้าค่อยค่อยพร้อยพร้อยฝัน
ทิศที่คนขานว่าชมตาวัน
แสงวูบหนึ่งสั้นสั้น-เงียบงันนัก
สวย งดงาม และเปี่ยมพลังยิ่งนัก เป็นบทที่สรุปรวบยอดความคิดทั้ง
มวลในงาน และเห็นภาพที่กระแทกความรู้สึกให้จังงังได้ชัดเจน
ใครอ่านแล้วมีความเห็นอย่างไร รู้สึกอย่างไร เรามาพูดคุยกันดีไหมครับ?