ฝันร้ายในห้องมืด
สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย
ชัยวัฒน์วิ่งฝ่าสายฝนไปขึ้นรถเมลล์ที่จอดอยู่ด้านนอก
เขามีเพียงแฟ้มพลาสติคบาง ๆ คอยบังศีรษะไว้เท่านั้น
เวร งานเงินเปียกหมดแล้ว จะตกอะไรกันนักหนาวะ
ชัยวัฒน์สบถกับตัวเอง เขาหัวเสียกับความแปรปรวนของดินฟ้าอากาศมากพอดู
กว่าเขาจะได้ขึ้นรถก็เปียกโชกไปทั้งตัว เขายกถุงกับข้าวที่อยู่ในมือขึ้นมา
น้ำฝนที่อยู่ในถุงทำให้กับข้าวร้อน ๆ ที่เขาเพิ่งซื้อมาเย็นชืด
โชคดีที่ว่าบนรถคนไม่แน่นมากนัก เขาจึงเลือกเข้าไปยืนตรงที่นั่งตอนหลังของรถ
สีหน้าของผู้คนรอบข้างดูเคร่งเครียดกันไปหมด แทบจะไม่มีใครพูดกับใคร
ชายหนุ่มพยายามมองสายฝนออกไปด้านนอก
เขาแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากม่านน้ำตรงกระจกหน้าต่าง
กระดาษสีขาวในแฟ้มใสเปียกไปค่อนแผ่น
เดี๋ยวคงต้องกลับไปเขียนใหม่อีกแล้วสิ
เขารำพึงเบา ๆ กับตัวเอง
ชายหนุ่มรีบก้าวลงจากรถอย่างรวดเร็วเมื่อถึงที่หมาย
เขาเดินย่ำน้ำเฉอะแฉะเข้าไปในซอยลึก เขาหลีกทางให้รถคันหนึ่งแล่นสวนไป
ถนนในซอยนี้ค่อนข้างแคบ รถแทบจะสวนกันไม่ได้
ลำพังเงินเดือนอันน้อยนิดของเขา จะทำได้ก็เพียงเช่าห้องพักราคาถูกไว้ซุกหัวนอนได้เท่านั้น
ครั้นจะไปหาห้องพักหรู ๆ ติดถนนใหญ่ก็ดูจะเกินกำลังของเขาจนเกินไป
แม้จะรู้ว่าซอยนี้ทั้งมืดและเปลี่ยว แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทนอยู่กับมันต่อไป
เขาเดินผ่านตรอกเล็ก ๆ แคบ ๆ กลิ่นยาฉุนจมูกลอยออกมาจากมุมมืด
คงจะมาพี้ยากันอีกสิ
ชายหนุ่มคิดในใจ เขาจำเป็นต้องเดินผ่านตรอกเล็ก ๆ นี้ทั้ง ๆ ที่ไม่ค่อยจะชอบนัก
แต่ก็จำเป็นต้องเดินผ่านเพราะไม่มีทางอื่นที่เขาจะสามารถไปถึงห้องพักเส็งเคร็งเท่ารูหนูนั่นได้
พ้นจากมุมตึกตรงตรอกเล็ก ๆ นั่นก็เป็นห้องพักของเขา
อาคารพาณิชย์ 2 คูหาด้านล่างเปิดร้านขายของชำ
เจ้าของร้านแบ่งห้องเล็ก ๆ ไว้ให้เช่า
เขาเห็นว่าที่ราคาถูกดี และค่อนข้างจะมีความเป็นส่วนตัวอยู่บ้าง
จึงตกลงเช่าที่นี่แม้ว่าจะต้องเดินเข้ามาในซอยลึกก็ตาม
สงสัยจะไปกันหมดบ้าน
ชัยวัฒน์พูดถึงครอบครัวเจ้าของบ้านที่มักจะเดินทางไปต่างจังหวัดกันตอนหน้าเทศกาล
บ้านข้าง ๆ ก็ปิดไฟมืด ในเวลาดึกดื่นเช่นนี้ แทบจะไม่มีใครสนใจใคร
เมื่อเขากลับมาถึงก็ตรงเข้าห้องพักโดยไม่ได้สนใจอะไรอีก
กับเจ้าของบ้านจะเจอกันบ้างเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น
และส่วนมากก็มักจะเจอกันตอนสิ้นเดือน..
ความหิวทำให้เขาจัดการอาหารมื้อเย็นเสร็จในเวลาไม่ถึงสิบนาที เขาหยิบงานขึ้นมาดู มันเป็นรายละเอียดของงานที่เขาจะต้องนำมาทำสรุปให้เรียบร้อย แต่ตอนนี้ต้นฉบับมันเปียกชุ่มไปหมดแล้ว ชายหนุ่มวางงานลงบนโต๊ะทำงานตัวเล็ก ที่อยู่ติดกับกระจกบานเกล็ด ถัดไปคือที่นอนฟูกธรรมดาอันนึง เขาก้มหน้าก้มคัดลอกข้อความจากกระดาษแผ่นเก่าลงไปในกระดาษอีกแผ่น ด้วยความเหนื่อยทำให้เขาละสายตาจากงานตรงหน้าแล้วไปล้มลงนอนบนฟูกนุ่ม..
ชายหนุ่มคล้ายจะเคลิ้มฝันไปว่า ตัวเองไปยืนอยู่หน้าบ้านไม้เก่าแก่หลังหนึ่ง
เขาก้าวเท้าขึ้นบันไดไปอย่างถือวิสาสะราวกับว่ามันเป็นบ้านของเขาเอง
ทั้งบ้านมีแต่ความเงียบไม่มีใครอยู่เลยสักคน
ประตูห้องทุกบานปิดสนิท
เขาเดินเข้าไปห้องพักที่อยู่สุดระเบียงด้านตะวันตก
ความใหญ่โตของต้นไทรที่อยู่ด้านนอกบดบังแสงจากภายนอกทำให้บรรยากาศมืดสลัว
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจอะไรรอบข้างนัก เขาเปิดบานประตูไม้คร่ำคร่าเข้าไปด้านใน
เตียงไม้แบบโบราณอันหนึ่งวางอยู่ตรงกลางห้อง
เขาสาวเท้าตรงดิ่งไปยังเตียงไม้อันนั้นแล้วล้มตัวลงนอน
ชายหนุ่มหลับตาลงเพียงชั่วอึดใจ ก่อนจะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำที่แยกออกจากตัวห้อง
เมื่อเข้าไปภายใน เขาพบกับกระจกเงาบานใหญ่บานหนึ่ง
รอยจุดสีดำบนกระจกบ่งบอกให้รู้ว่ากระจกเงาบานนี้คงจะมีอายุไม่น้อยไปกว่าตัวบ้าน
เมื่อส่องกระจกเขาก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อพบว่าเงาของเขาในกระจกไม่มีหัว!!!
ชายหนุ่มถอยกลับมาตั้งสติในห้องนอนอีกครั้ง
เขาพยายามสวดมนต์ทุกบทที่นึกได้ แต่เจ้ากรรม
ไม่ว่าจะสวดบทไหน เขาก็สวดไม่จบสักครั้ง
คงได้แต่ท่องบ่นวกวนไปมาอยู่หลายครั้ง
พลันเสียงหญิงสูงอายุคนหนึ่งก็เข้ามากระทบโสตประสาท
กรรมใครก็กรรมของคนนั้น ทำเองก็ต้องรับเอง
ชายหนุ่มหันรีหันขวางมองหาต้นเสียงแต่ก็ไม่พบใคร
เสียงคนทะเลาะกันเอะอะโวยวายจากด้านนอกทำให้ชัยวัฒน์สะดุ้งตื่น
แค่ฝัน..
เขาพูดกับตัวเองเบา ๆ ชัยวัฒน์ตั้งใจจะลุกขึ้นมาทำงานต่อ
แต่เสียงคนที่ทุ่มเถียงกันทำให้ชายหนุ่มอดรนทนไม่ไหว
จะทำงานต่อก็ไม่มีสมาธิ จะนอนต่อก็ข่มตาหลับไม่ลงเสียแล้ว
ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจลงไปดูเหตุการณ์ข้างนอกนั่น
เสียงผู้คนที่เอ็ดอึงเมื่อครู่เงียบลง ชายหนุ่มเดินไปยังตรอกเล็ก ๆ ที่เขาแสนเกลียด
เมื่อกี้มีคนอยู่ตรงนี้แน่ ๆ
เขานึกในใจพลางพยายามกวาดสายตาฝ่าความมืดเข้าไป
ชายหนุ่มค่อย ๆ ก้าวเข้าไปอย่างระมัดระวัง แต่พอเดินไปได้ไม่ทันไร
เขาก็สะดุ้งเข้ากับสิ่งที่กีดขวาง เมื่อพยายามเพ่งมองในความมืด
ก็พบกับร่างผอมแห้งของชายคนหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ตรงปลายเท้า
เขาพยายามจะปลุกเจ้าของร่างให้ตื่นขึ้นมาพูดกับเขา
ไม่มีเสียงตอบจากร่างนั้น เขาจึงจับร่างของชายคนนั้นเขย่าอย่างแรง
แต่ไม่มีการตอบสนอง และชายหนุ่มก็ต้องตกใจเมื่อรู้สึกสัมผัสถึงความผิดปกติ
การเต้นของชีพจรหยุดนิ่ง!! เขาไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นที่นี่
และไม่รู้ชายว่าคนนี้เป็นใคร แต่เขาเข้าใจว่าคงจะเป็นพวกขี้ยาที่อัพยาจนตาย
สมองของเขาสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเริ่มที่ไหนก่อนดี
ตำรวจ ใช่แล้ว เราต้องรีบโทร.แจ้งตำรวจ
ชายหนุ่มหันหลังกำลังจะเดินออกไปจากตรอกเล็ก ๆ นั่น
แต่แล้วเขาก็ถูกชายอีกคนตีที่ท้ายทอยอย่างแรง
เหล็กด้ามยาวถูกเงื้อขึ้นมาอีกครั้ง ประสาททุกส่วนของเขาเหมือนหยุดนิ่งสนิท
ชายหนุ่มไม่มีทางป้องกันตัวเองได้เลย เขาพยายามยกมือร้องห้ามเมื่อเห็น
ท่อนเหล็กดำทะมึนกำลังจะกระหน่ำลงมายังร่างของเขาอีกครั้งหนึ่ง
พลั่ก!
ชายหนุ่มถูกตีที่ศีรษะอีกครั้ง เขาล้มลงไปกองกับพื้นใกล้ ๆ กับศพของชายร่างผอมคนนั้น
แส่ไม่เข้าเรื่อง เสือกมารู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ ไปลงนรกซะเถิดมึง!
เสียงตวาดเหี้ยมเกรียมจากชายร่างใหญ่คนนั้น
เขาไม่มีทางหนีไปไหนอีกแล้ว จะลุกขึ้นก็ยังไม่ได้
และเหล็กท่อนเดิมก็กระหน่ำลงมาบนร่างของเขาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
ชายหนุ่มเจ็บร้าวทั่วทั้งสรรพางค์กาย ความรู้สึกที่มีค่อย ๆ วูบดับลงไปทีละน้อย..
เฮ้ย พอแล้ว ดูก่อนสิว่ามันตายรึยัง
เสียงของผู้ที่เฝ้าดูเหตุการณ์สั่งให้ชายร่างใหญ่หยุด
ตายแล้วครับนาย จะให้ทำยังไงกับมันดีครับ
ชายร่างใหญ่หันไปถามความเห็นจากผู้เป็น นาย
เอายายัดใส่มือมันสัก 10-20 เม็ดก็พอ อ้อ แล้วเอาด้ามเหล็กนั่นยัดใส่มือไอ้แห้งด้วย
ระวังอย่าให้มีลายนิ้วมือติดไปล่ะ
ชายร่างใหญ่ทำตามอย่างว่าง่าย เขาหยิบผ้าผืนใหญ่มาห่อตรงปลายท่อนเหล็ก
บรรจงเช็ดรอยนิ้วมืออย่างใจเย็น ก่อนจะเอามันยัดใส่มือของไอ้แห้ง
นาย มองผลงานของลูกน้องอย่างพอใจ
พรุ่งนี้พอมีใครมาเจอศพมันก็จะคิดว่าไอ้แห้งกับไอ้หนุ่มนี่หักหลังกันเอง
เรารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวมีใครมาเห็นอีก แค่สองศพก็พอแล้วอย่าให้มีศพที่สาม
ชายร่างใหญ่พยักหน้าเข้าใจ ทั้งสองมองร่างที่นอนจมกองเลือดอย่างเหยียด ๆ
ช่วยไม่ได้ ดันแส่มาเจอศพไอ้แห้งเอง ชะตามึงถึงฆาตแล้วล่ะไอ้หนุ่ม
ร่างทั้งสองถูกปล่อยทิ้งไว้เช่นนั้น ก่อนที่ นาย และลูกน้องจะจากไปอย่างไร้ร่องรอย...
........................
//มาขอคำชี้แนะค่ะ