ชายผู้หนึ่งซึ่งชุบชีวิตแก่ผีเสื้อตัวหนึ่ง
วันอาทิตย์ 08/02/04 อากาศมืดมัว ท้องฟ้าดูขมุกขมัว สายลมหนาวระลอกแล้วระลอกเล่า อาจเพราะตลอดคืนที่ผ่านมาฝนสาดลงมาอย่างหนัก ความหนาวเลยกลับมาเยือนอีกครา วันนี้ผมทำอะไรไม่ได้เลย อากาศมันชวนหลับเอาให้ได้ ดวงตะวันก็ยังไม่ยอมแม้แต่เผยให้เห็นรอยยิ้มในยามเช้า วันของผมวันนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมเติมเต็มวันด้วยกาแฟและชาหลายเหยือก ความคิดในสมองผุดมากมาย แต่มือไม่ยอมขีดเขียนใดๆ เป็นเพราะอากาศหนาวเหน็บ มือเลยซุกอยู่แต่ในกระเป๋าเสื้อโค็ตทหารเยอรมันตัวโปรดของผม(ไม่ใช่ของนาซี) กระเพาะอาหารเริ่มส่งสัญญาณเตือนบอกนายใหญ่ว่า "หิวแล้วนะ อาหารยังไม่ตกท้องเลยเช้านี้" ผมจึงหอบสังขารไปคาเฟทฯ ทานเสร็จถลกขยับแขนเสื้อ นาฬิกาข้อมือเรือนเก่ายี่ห้อTITONIเรือนทองบอกเวลา บ่ายสามโมงกว่าแล้ว ผมบ่นในใจ "โอ้โห้ มันรวดช่างเร็วอะไรเช่นนี้!!
หลังจากระเพาะตึงหนังตาชักจะหย่อน ผมง่วงนอน แต่จิตสำนึกของผมยังไม่อยากหลับ ผมเลยชวนเพื่อนอีกคน ไปเดินในสวนสมุนไพร เป็นสวนกว้างๆ มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่คล้ายทะเลสาบแต่เล็กกว่าหลายเท่า สวนอันมีหลากด้วยต้นไม้นานาพันธ์ ทั้งที่หายากและหาง่าย บรรยากาศคล้ายๆ เข้าป่า เราก้าวเท้าเยาะย่าง เป้าหมายนั้นไม่มี เพียงปล่อยให้เท้านำทาง เราลัดเลาะจนถึงแอ่งน้ำเล็ก ชมดอกบัวสีม่วงน้ำเงินกำลังจะบาน และเดินชมมวลพฤกษาอย่างเพลิดเพลิน
ตอนที่เดินผ่านต้นไม้คล้ายลูกยาง เป็นดอกไม้แปลกมีสามแฉก เวลาปล่อยให้ลอยลมจะหมุนเหมือนกังหันสวยงดงาม ผมพยายามหาป้ายบอกชื่อ แต่ไม่เห็นมีป้ายบอก เลยเก็บดอกแห้งๆ ได้กอบกำมือหนึ่ง เกิดความคิดว่าจะลองไปร้อยกับด้ายแขวนไว้คล้ายมู่ลี่ เดินไปอีกผ่านไปเป็นดงมอสส์ มอสส์เขียขจีสดมากคงเนื่องจากฝนตกลงมาทำให้อาณาบริเวณชื้นไปหมด มอสส์เลยได้อวดสีสันแข่งกับแมกไม้อื่นๆ พลันสายตาเหลือบไปเห็นผีเสื้อตัวหนึ่งนอนตายอย่างโดดเดี่ยว ข้างๆปีกบางมีลูกไม้สีแดงสด ผมเก็บซากผีเสื้อขึ้นมาพร้อมกับลูกไม้ ผมนึกในใจ "คงมีผีเสื้ออีกหลายตัวที่ตายไปโดยไร้ญาติขาดมิตร" ผมถือซากผีเสื้อไว้ในอุ้งมือ นึกสารพันเรื่องเกี่ยวกับผีเสื้อ ผีเสื้อกลายเป็นสัญญลักษณ์ของการโบยบิน อิสระ อิสรภาพ การมองโลกในแง่ดี ฯลฯ ผมนึกถึงหนังสือผีเสื้อและดอกไม้ นึกถึงบทกวีบางบทที่ผมเคยแต่งไว้เพื่อระลึกถึงความทรงจำเก่าๆในวัยเยาว์ของผม ผมเขียน...I never saw another butterfly... เหตุที่เขียนบทนี้ขึ้นมาเพราะผมได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นหนังสือรวมบทกวีและภาพวาดของเด็กๆในค่ายกักขัง Terezin ชื่อหนังสือคือ ..I never saw another butterfly... การได้เขียนทำให้ผมคิดถึงวันเก่าๆ ประสบการณ์ของผมกับผีเสื้อ ความผูกพันธ์ของผมกับผีเสื้อในวัยเด็กเป็นเงาทอดติดตัวผมให้หลงใหลในสีสันของมันเสมอมา มีคนให้ความหมายผีเสื้อไว้อย่างแตกต่างกันไปแล้วแต่ภูมิหลังของแต่ละคน บ้างก็ว่าผีเสื้อหมายถึงอิสรภาพ เสรีภาพ บ้างก็ว่ามันหมายถึงความรักหรือคนที่เรารักต่างหาก.. แม้จนถึงทุกวันนี้ความคิดและโลกทัศน์ของผมต่อผีเสื้อก็ยังคงมีความหมายต่อผมเสมอ ผมเคยเขียน..."เจ้าดักแด้ไม่มีทางรู้หรอกว่าโลกของผีเสื้อเป็นเช่นไร" ผมเดินไปพร้อมกับซากผีเสื้อแต่จินตนาการของผมกำลังเนรมิตสุสานแห่งผีเสื้อตัวหนึ่งที่ตายไปโดยไร้ญาติ แต่นายปุถุชนกำลังจะเป็นผู้สดุดีต่อผีเสื้อตัวหนึ่ง
08/02/04 วันอาทิตย์ ที่ไร้แสงตะวัน เวลาบ่ายสามโมงกว่าๆ พบ : ผีเสื้อสีเหลืองส้มเข้มลายดำนอนตายบนพื้นมอสส์เขียวในสวนสมุนไพร ผลงาน : เคยโบยบินกระพือปีกให้โลกใบนี้สวยงามและน่าอยู่
ผมปลูกต้นไม้ชนิดหนึ่งที่มีใบหลากสีสันคล้ายปีกผี้เสื้อเป็นอนุสรณ์แด่ผีเสื้อตัวนี้
หลังจากนั้นต่อมา ตัดฉากไปตอนผมประดิษฐ์ประดอยดอกไม้คล้ายลูกยาง ผมบรรจงเรียงร้อยจนได้สามเส้นผมตกแต่งด้วยอุปกรณ์ที่มีอยู่จนบอกได้เลยว่างาม ผมลองแขวนไว้ เวลาต้องลมจะสวยงามมาก ดูๆไปคล้าย มวลวิหคสกุณากำลังโบยบิน ดูไปอีกทีกลับเหมือนผีเสื้อหลากตัวกระพือปีก ผมลองเอาซากผีเสื้อไปติดตรงปลายของด้ายเส้นหนึ่ง กลับปรากฏผีเสื้อกลับมีชีวิตใหม่!!! ลมพัดเบาๆ ผีเสื้อกระพือปีกไปตามจังหวะลม ผมทำเสร็จแล้วนั่งชมนานสองนาน มีเพื่อนๆ ทยอยมาชมกัน เพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งถามด้วยความสงสัยว่า พี่นั่งดูไม่เบื่อเลยหรือ? ผมเลยตอบน้องไปว่า "มันเหมือนกับที่เป้เคยบอกพี่ว่า สตีฟ วาย นั่งเล่นกีตาร์ทั้งวันโดยไม่เบื่อ พี่ก็เช่นกัน"
...I never saw another butterfly...
ตอนยังเป็นเด็กเล็กตัวน้อย ฉันชอบเก็บดักแด้ผีเสื้อ ที่มันชอบไปเกาะหุ้มตัว ตามกิ่งก้านพุ่มไม้แห้งแห้ง รอวันกลายตัวเป็นผีเสื้องาม ฉันหักกิ่งไม้ที่มีดักแด้ผีเสื้อ แล้วกลับมาปักที่ผนังห้องบ้านคุณปู่ แล้วฉันก็ตั้งตารอวัน รอวัน...ที่เจ้าดักแด้ จะกลายเป็นผีเสื้องาม
ฉันรอ...รอ และรออย่างมีความสุข แล้วเช้าวันหนึ่งมาถึง เช้าสดใส ที่ฉันตื่นขึ้นมาเห็นฝูงผีเสื้อ หลากสีสันบินว่อนวนไป เวียนมาในบ้านของเรา มันกระพือปีกบินอย่างร่าเริง ฉันชอบดูตอนที่มันพากันบิน ฉันมองฝูงผีเสื้ออย่างชื่นชม และรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาดเหลือ สักพักมันก็หาทางออกจากบ้านไปได้ แล้วมันก็โผบินจากฉันไป แต่แปลกที่ฉันไม่ได้เสียอกเสียใจ กับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของฝูงบิน ฉันกลับปลื้มปีติดีใจด้วยซ้ำ ที่มันได้บินไปสู่โลกกว้าง ........ ถึงมันจะจากฉันไปก็จริง แต่อย่างน้อยมันก็ยังคงบิน วนเวียนอยู่ในใจฉันอยู่ ฉันจึงไม่เคยเห็น ผีเสื้อตัวอื่นอีกเลย
๑๖ ก.ค.๔๕