ในสัมผัส
สัมผัสที่หนึ่ง โซ่แห่งห้วงคำนึงถูกปลดปล่อย ล่วงสู่ห้วงวิถีทีละน้อย จนค่อยค่อยหยัดเข้มยืนเต็มเท้า สัมผัสที่สอง สะเดาะดาลผ่านช่องพ้นห้องเก่า รับอรุณสีทองสู่ห้องเทา สาดแสงทามงามเงาพริ้มเพราระยับ สัมผัสที่สาม สัมผัสฟ้าสีครามงดงามประดับ แต่งนกแต่ละนกขึ้นมานับ แต่งเพลงขึ้นมาขับทำนองเพลง สัมผัสที่สี่ พฤกษาเสรีได้บานเบ่ง ปลุกมวสวนไม้ตื่นขึ้นครื้นเครง อยู่อย่างเป็นกันเองในสวนไม้ สัมผัสที่ห้า หยุดสบตาตัวอ่อนของหม่อนไหม ทักถามความหมายลมหายใจ ที่เติมให้เนื้อน้อยได้อุ่นเนื้อ สัมผัสที่หก ตื่นแววตาตระหนกของผีเสื้อ เหลืองแต้มเขียวแต่งจุดแดงเจือ ลงสีวิไลระเรื่อให้ปีกพราว สัมผัสที่เจ็ด ฟ้าสาดฝนเม็ดมาสั่งหนาว พรมสะพรั่งหลั่งพรูร่วงกรูกราว กรีดใบไม้บาดราวให้แตกริ้ว สัมผัสที่แปด รอแสงแผดแดดผาดลงปาดผิว ฝอยฟ่อง ละอองชีวิตปลิดปลิว หวีดหวิว วุ่นวายลมหายใจ สัมผัสที่เก้า ย่ำเท้าความคิดถึงมาถามไถ่ ข้ามฝั่งนิทรามาแสนไกล จนดอกไม้ใด ใด ก็โรยรา สัมผัสที่สิบ กะพริบพริบพรายพรายภาพพร่าพร่า ยังวนเวียนว่ายภวังค์ฝั่งนิทรา หลงสัมผัสปริศนา ชะตากรรม !!!!
..................................พิมพ์ใน ฐานสัปดาห์วิจารณ์ ราวปี 2539-2540