[ ... ชายหาดสัตหีบ ... กับต้นม่านบาหลี .... ]
เธอบอกว่า ฟ้ามืดแล้ว แต่ไม่เห็นดาว
ผมกำลังมองสายน้ำที่ไหลจากปลายสายยาง ลงสู่ต้นม่านบาหลี
มันเป็นต้นไม้ที่แปลก ลักษณะมันเหมือนต้นตำลึงไม่มีผิด ใช่ .. มันเป็นไม้เลื้อย
มันเกาะเกี่ยวตัวไปตามเชือกผ้าฝ้าย ที่ผมขึง มันพัวพันเส้ยใย ร้อยรัดก้านกิ่ง
สูงขึ้นไป .. สูงขึ้นไป
แต่กลับยืนหยัดไม่ได้ ด้วยตัวเอง
เธอบอกว่า เขากลับมาเยี่ยม แต่ความรู้สึกที่ผันผ่านมันยากลืมเลือน
ลืมไม่ได้ .. หรือไม่ยอมลืม
ผมไม่ได้พูดออกไปหรอก นอกจากยิ้ม
ไม่ว่ามันจะเกี่ยวพันตัวมันสูงไปขนาดไหน ไม่ว่าก้านกิ่งของมันจะอวบใหญ่ปานใด
มันปฏิเสธไม่ได้หรอก ว่ามันคือม่านบาหลี มันเป็นไม้เลื้อย
แสงแดดจะทาบทับใบของมัน เงาใบบน จะทอดลงสู่ใบที่อยู่ข้างล่าง
ความดิ้นรนของชีวิตวันนี้ จะบังเงาความปวดร้าวที่ผ่านมา
แต่ใบล่างมันก็ยังอยู่ .. แถมยิ่งนานวัน มันยิ่งเติบใหญ่
มันเกิดมาก่อน ไม่ว่ามันเป็นร่องรอยความคิดที่ปวดร้าว หรือเรื่องราวที่เปี่ยมสุข
ก้านมันแข็งเสมอ ..
ผมบอกให้เธออยู่กับตัวเอง อยู่กับความคิดให้จงหนัก
เดินหน้า ถอยหลัง เรื่องราวต่าง ๆ ให้ย้ำลงไป
ใบไหนบน ใบไหนล่าง ...
แล้วจะเลื้อยไปทางไหน หรือต้องให้มีใครมาดัด
ดัดมันซะบ้าง ก็คงดี ทิศทางใบมันจะได้เข้าที่ มันจะได้ไปในที่ที่ควรไป แผ่ใบรับแดดร้อนแรงในที่ที่ควรอยู่
ปลายยอดอ่อนมันจะเลื้อยไปไกลแค่ไหน มันไม่สำคัญหรอก
รากมันอยู่ที่ไหนต่างหาก
รากความฝัน รากชีวิต มันจะส่งน้ำเลี้ยง ส่งอาหาร
ไปทุกใบ
ไม่ว่ามันจะเป็นใบที่ปวดร้าว ใบที่แสนสุข ใบที่อยู่บน ใบที่อยู่ข้างล่าง ใบที่อยู่ใต้เงา
เธอบอกว่า... ดาวมาแล้ว ดาวสวยมาก น้ำกำลังขึ้น
ไหลท่วมฝ่าเท้าของเธอ ไหลเปียกมาที่ขากางเกง เปียกไปถึงก้นของเธอ
ผมถามว่า ... แล้วทำไมไม่ลุกขึ้นล่ะ
เธอบอกว่า ...
นั่งนานไปหน่อย ... รากงอก
" ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล
ยังอยู่กับเธอข้างเคียงกาย อยู่ในความฝัน
ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปกับสายลมผ่าน
ข้ามขอบราตรีที่ยาวนาน .... ให้เธอฝันดี "
ผมกดปุ่มวางสาย หลังจากส่งคำพูดประโยคสุดท้าย
" ไปเปลี่ยนกางเกงซะ ..... "
...