" ว่าว .... "
ผลของการเคลื่อนตัวของมวลอากาศ ที่ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แรงต้านจากผ้าร่มที่ถูกขึงโดยก้านไม้ไผ่เล็ก ๆ สีสรรสวยสะดุดตา
ทำให้โครงสร้างที่อยู่ในรูปแบบโครงทรัชส์ ( TRUSS ) ที่กอร์ปขึ้นเป็นรูปสามเหลี่ยมเล็ก ๆ
โยกไหวตัวเองต้านกระแสการเคลื่อนตัวของมวลอากาศ อยู่บนฟากฟ้า
จริง ๆ มันควรปลิวไปตามแรงกดอากาศ ที่พามวลอากาศทั้งหลายวิ่งผ่านไป
ถ้ามันไม่ถูกผูกรั้งด้วยสายป่านไนล่อนเส้นเล็ก ๆ ..
ผลของการขืนขัดการเคลื่อนตัวของมวลอากาศ ถ่ายทอดลงตามสายป่าน
ที่ทอดตัวโค้งยาวลงสู่พื้นดินเบื้องล่าง
โดยมีจุดจบอยู่ในกำมือน้อย ๆ ของเด็กผู้ชายอายุ 3 ขวบ
มือเล็ก ๆ ที่กำกระป๋องกาแฟสำเร็จรูปเบอร์ดี้ ที่ปลายของสายป่านผูกมัดเอาไว้
สายตาที่เปล่งประกายเจิดจ้าดุจดวงดาว จับจ้องมองไปที่ผืนผ้าร่มสีสวย
ราวกับจะกลัวว่า ว่าวผ้าร่มของเขา จะหลุดลอยจากเขาไป
ผมยืนมองภาพที่ปรากฏตรงหน้า ด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ..
มันเหมือนมีภาพซ้อน ภาพที่ผมคิดว่าผมลืมมันไปแล้ว
มันบดบังภาพที่อยู่เบื้องหน้าลงอย่างสิ้นเชิง
ผมเห็นตัวเอง .. กำลังถือสายป่าน
กลางท้องสนามหลวง ผมเห็นว่างงูสีแดง หางยาวสีเหลือง กำลังโยกตัวอยู่บนผืนฟ้า
ผมรู้จักว่าว ครั้งแรกที่สนามหลวง
สนามหลวง ที่ยังมีการจัดตลาดนัดในวันเสาร์ - อาทิตย์
สนามหลวง ที่ยังมีซุ้มให้เช่ารถจักรยานขี่ในวันธรรมดา
และยังมีว่าวมากมาย โยกย้ายส่ายตัวต้านมวลอากาศเบื้องบนในหน้าร้อน
แม่ผมพาผมมาซื้อว่าวตัวแรกที่สนามหลวง
ว่าวงูสีแดง หางยาวสีเหลือง ..
แม่ผมผูกว่าวให้ ส่งว่าวให้ พลางร้องบอกอย่างเร่งร้อน
" วิ่งลูก วิ่ง ... วิ่งไป เร็วลูก...เร็ว "
ยามที่ว่าวงูพุ่งทะยานสู่เบื้องบน เบื้องล่าง เสียงหัวเราะอย่างร่าเริงของผู้หญิงคนหนึ่ง
กับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ...
ยังก้องอยู่ในหัวของผม
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
" แม่จะว่าอะไรผมนักหนา ผมแค่ไปซ้อมดนตรีแค่นี้เอง แล้วผมก็กลับมาแล้ว "
แม่ยังจ้องสายตาที่เขม็งกร้าวมายังผมอย่างไม่ลดละ
ผมยังไม่รู้สึกรู้สา ว่าผมทำอะไรผิด กะอีแค่กลับบ้าน 5 ทุ่มเพราะซ้อมดนตรี
กับกลิ่นเหล้าที่ฟุ้งกระจายอีกนิดหน่อย
ปีหน้าผมก็จะอายุ 20 แล้ว จะบรรลุนิติภาวะแล้ว กาบัตรเลือกตั้งเลือกคนเข้าไปบริหารประเทศได้แล้ว
แม่น่าจะเชื่อใจในตัวผมบ้างสิ ..
" แกต้องเลิกเล่นดนตรี ชั้นไม่ให้แกไปเล่นอีกแล้ว "
ปกาศิตที่ดังออกมาจากปากแม่ ทำให้ผมเขวี้ยงเป้ที่สะพายอยู่ลงต่อหน้าแม่
พร้อมทั้งเสียงที่แผดดังจากลำคอ
" ผมไม่เลิก .. แม่ได้ยินมั้ย ผมไม่เลิก "
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
แรงเขย่าที่ขากางเกง ทำให้ผมหันไปมอง
เด็กผู้ชายคนนั้น ใช้มือข้างหนึ่งแกะขากางเกงของผม
มืออีกข้างหนึ่งยังกดกระป๋องกาแฟเบอร์ดี้ ที่มีสายป่านไนล่อนผูกอยู่แนบหน้าอก
แววตาหวั่นเกรง ..
" พ่อ .. พ่อถือให้ที หนูกลัวมันหลุด "
ผมเอื้อมมือไปจับกระป๋องผูกสายป่านอย่างเงียบงัน
ภาพที่ผมเขวี้ยงเป้ลงตรงหน้าแม่ ยังลอยเด่นอยู่ในห้วงสำนึก
แม่พยายามดึงสายป่านเส้นเล็ก ๆ ระหว่างเราไว้ เพราะกลัวว่าผมจะหลุดลอยไป
ผมออกแรงต้านทุกทิศทางที่ทำได้ เพราะผมกำลังลอยติดลมบน
ลมที่ผมเคยคิดว่า..จะพัดความฝันของผมไปถึงที่หมายได้
จนบางหน ดูเหมือนว่าวเล็ก ๆ ตัวนี้ จะออกแรงต้านสายป่านในมือของแม่
มากกว่าแรงลมแห่งความฝันซะด้วยซ้ำ
" พ่อถือให้แล้วลูก ไม่ต้องกลัวนะ ว่าวไม่ลอยไปไหนหรอก "
เด็กชายยิ้มอย่างมั่นใจ ก่อนจะกระโดดโลดเต้นไปมา มือน้อย ๆ ชี้ไปยังผืนผ้าร่มสีสวยของเขา
" พ่อ.. นั่นไง ว่าวหนู ..โน่นไง...พ่อ "
ผมกุมกระป๋องกาแฟสำเร็จรูป ที่ยึดสายป่านไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง
กุมมือน้อย ๆ ของเด็กชายอายุ 3 ขวบไว้ด้วยมืออีกข้างนึง
ในขณะที่ว่าวผ้าร่มสีสรรสะดุดตา ยังยักย้ายตัวเองอยู่บนผืนฟ้า ....