ฉันยกชาขึ้นจิบเพื่อลิ้มรสขมของความเสียดาย
ฉันยกชาขึ้นจิบเพื่อลิ้มรสขมของความเสียดาย ฉันคิดว่าสักวันหนึ่งเขาอาจกลับมาหา
ฉันการพบกันในครั้งแรกทำให้ฉันคิดเช่นนั้น ฉันอาจเบิกบานใจอยู่บ้าง หากแต่ไม่ได้คิด
รักเขา ความรักเป็นภาระหนักเกินไปสำหรับฉัน ... ฉันชอบความสบาย และเบื่อความ
ลุ่มหลงที่ยากที่จะบังคับใจตนเอง และถ้าบังคับใจตัวเองไม่ได้แล้ว ยังทำให้อีกฝ่ายเบื่อ
ระอาและชิงชังไปในที่สุด ... ความรักเป็นสิ่งที่คาดเดายาก ฉันยินดีที่จะล่องลอยไปวัน ๆ
โดยไม่คิดว่าใครจะจดจำฉันไว้ โลกกว้าง ๆ ที่มีที่ไปมากมาย สอนให้ฉันคิดเช่นนี้
" คุณอยากจะกลับมาอีกมั้ย " ฉันถามอย่างไม่สนใจคำตอบ
"คุณดูแปลกตาจากผู้หญิงคนอื่นนะ ... ผมไม่ได้หมายถึงรูปร่างหน้าตานะ
ผมหมายถึงความคิดน่ะ"
"คุณอยากจะกลับมาอีกมั้ย " ฉันพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย และมองตาเขาอย่างเลื่อนลอย
"กลับซิ ... ผมยังรู้สึกพอใจคุณอยู่ "
"หากฉันทำให้คุณไม่พอใจ ... ฉันก็ยังอยู่ในความทรงจำของคุณอยู่ดี " ฉันแกล้งพูดเพื่อ ให้เขาคิดว่าเขาหนีฉันไม่พ้น ทั้ง ๆที่ความจริง เขาอาจไม่ได้มีความหมายอะไรมากมายนัก
"คุณต่างหากต้องทำตัว ดี ๆ คุณถึงจะอยู่ในความทรงจำของผม "
"ฉันว่า ... คุณต่างหากที่ควรจะเลือกจำสิ่งดี ๆ ของฉัน " ฉันเถียงอย่างเอาชนะ
" .................... "
" ..................... "
" เวลาผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ด้วยกัน สองต่อสอง ...... " เขาทำหน้าเหมือนผู้ชายเจ้าชู้ทั่วไป
ความต้องการของเขาหลุดออกมาจากสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด เขาพูดต่อ
" โลกก็ไร้ความหมาย ... ผมจะไม่สนเลยว่าผมจะอยู่ตรงไหน บนโลกรู้แค่ขอที่ลับตาคนหน่อย
ก็พอ ... ฉันทวนคำพูด
" โลกก็ไร้ความหมาย ... เหลือแต่ตัณหา " เขาขยับตัวเข้ามาใกล้วเสียงแผ่ว ๆ ของเขากระซิบ
ที่ข้างหูว่า
" เรากำลังอยู่กันสองต่อสอง " เป็นคำพูดเพื่อบอกในทีว่าเขากำลังต้องการจัดการกับฉัน
" คุณไม่จำเป็นต้องขออนุญาติฉัน "
" รู้ดีจังนะ " เขาหัวเราะคำพูดฉัน และเฉไฉไปว่า
" ทำไมคุณ ตัดผมทิ้งไป " เขาถามแก้เขินใจขณะที่กำลังจะทำอะไรก็ได้กับร่างกายฉัน
" มันคนละเรื่องกับสิ่งที่คุณทำอยู่ตอนนี้นะคะ "
ครึ่งชั่วโมงต่อมาเขาลุกขึ้นจากเตียงและถามหากาแฟฉันชี้ให้เขาเห็นว่ามุมซ้ายมือ
ข้างตู้เย็นคือสิ่งที่เขาต้องการ เราคุยกันได้พักนึง และจูบลากันโดยไม่เหลือร่องรอยอะไรไว้เลย
ในวันต่อมาฉันไปทำงานตามปกติ มีบางช่วงของเวลางานที่แว๊บนึกถึงเขาและจางหายไปอย่าง
ไร้ความรู้สึก ฉันรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากับการทำงานและการเดินทาง จึงหลับไปเหมือน
หมดสติ และตื่นมาทำกิจกรรมเช่นเดิมที่เมื่อวานปฎิบัติเช่นนี้อยู่ 1 อาทิตย์จนครบรอบวันเสาร์
ที่เขามาเมื่ออาทิตย์ก่อน
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันก็รู้ทันทีว่าเป็นเขา ฉันยิ้มเปิดเผยมากเกินไปอย่างไม่รู้สึกตัว และหยุดยิ้มเมื่อรู้สึกว่าไม่ควรดีใจที่เขามา แต่สิ่งที่ฉันทำมันเก็บไม่อยู่จนเขาพูดว่า
" ดีใจมากขนาดนี้เลยเหรอที่เห็นผม "
" เปล่า ฉันกำลังสบายใจอะไรบางเรื่องอยู่ ... ไม่เกี่ยวอะไรกะคุณ ซะหน่อย "
ฉันพูดลอยหน้าลอยตา
"เหรอ ... ปากแข็ง " เขาพูดแล้วก็ทำหน้าล้อเลียน ฉันรู้สึกดีใจจริง ๆ แต่ไม่กล้าแสดงออกมาก
อาจเป็นเพราะครั้งนึง ขณะที่ฉันอยู่กับเพื่อน ๆ ฉันรู้สึกมีความสุขมากในวันนั้น
ได้หัวเราะได้ยิ้ม แต่มีกลุ่มผู้ชายกลุ่มนึงกลับมองฉันที่กำลังหัวเราะว่าเป็นการยั่วยวน
ฉันจึงคิดว่า ผู้ชายเวลามองผู้หญิงมักใช้สายตาอีกแบบนึง ... ฉันก็กลัวเขาจะเข้าใจเช่นนั้น
ฉันคุยไม่เก่ง แต่เขาเป็นคนที่มีรายละเอียดในชีวิตมากมายถึงสรรหาสารพัน อะไรต่อมิอะไร
พูดคุยได้ทั้งวัน แถมยังมีเกมส์ มีคำถาม อะไรอีกมากมาย มาเล่นโดยที่เราสามารถลืมเรื่อง
Sex กันไปเลยในวันนั้น
เขามาอย่างสุภาพ และกลับอย่างสุภาพผิดกับวันแรกที่เจอกัน มันเลยทำให้ฉันรู้สึกโหยหา
และใคร่รู้ว่าเขาจะมาในรูปแบบใดอีก
ผิดคาด เขาหายไป
แต่นั่นไม่ได้ทำให้ให้ฉันทุรนทุราย เพียงแต่เหงา ๆ ในเวลาว่างอย่างไม่เคยเป็น
ท่วงทำนองของเพลงพลิ้วไหวซึมซ่านสู่ฟ้ากว้างยามค่ำคืน รอบ ๆ ตัวฉันมีเพียงอากาศจนต้อง เดินออกไปตรงที่ระเบียง มองไปจึงพบสีสันของค่ำคืนที่เข้มข้นขึ้น ผู้คนที่ด้านล่างของตึกเดินกัน ขวักไขว่ใครจะเห็นแววตารอคอยของฉันในความมืดนั้นได้
"คุณคงลืมฉันไปแล้ว "
ฉันพึมพรำอยู่ในลำคอ ทุกอย่างเงียบไปแล้ว ครึ่งปีผ่านไปโดยที่ฉันไม่ติดต่อเขาเพียงแค่เขา
ไม่ติดต่อมาฉันจึงไม่ติดต่อไป เรื่องง่าย ๆ ที่ไม่ต้องใช้ความพยายามฉันก็ไม่คิดที่จะทำมัน
ฉันกลับคิดว่าเขาจะกลับมาถ้าเขาพอใจ
ในคืนนั้นฉันนอนหลับฝันไปว่า ...ใครซักคนที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์ ไร้เดียงสากำลังจ้องตาฉันอยู่
เด็กชายคนนั้นร้องเพลงเบา ๆ ในลำคอ แต่ฉันทนไม่ได้กับการจ้องมองกันนาน ๆ แบบนี้จึงรีบ
ยิ้มออกมาและหลบสายตาเสีย ... ความรู้สึกของตัวเองเหมือนได้กลับไปเป็นสาวแรกรุ่นอีกครั้ง
แต่ในฝันฉันกลับเหลือบไปเห็นตัวเองในกระจก ... ฉันกับต้องชาไปทั้งตัวเพราะจริง ๆ ฉันคือ
ผู้หญิงแก่อายุราว 70-80 ปีได้ จากนั้นก็หันหลังจ้ำอ้าวออกมาและไม่กล้าหันกลับไปมองอีก
.... มันเป็นฝันที่โหดร้ายเกินจะรับได้จริง ๆ ...
" ฮาโหล " ฉันรับสายแบบครึ่งหลับครึ่งตื่น
" คอยผมหน่อย อีก 15 นาทีเจอกัน ... คิดถึงจัง "
ฉันวางสาย หลับต่อเพราะเหตุการณ์มันเหมือนไม่ชัดเจนจนไม่น่าสนใจ อีก 15 นาทีต่อมา
ฉันก็ได้รู้ว่ามันเรื่องจริง ความง่วง ๆ งง ๆ ทำให้ฉันตื่นเต้นไม่ขึ้น งง ๆ กับลักษณะที่เปลี่ยนไป
ของเขา ๆ ดูภูมิฐานขึ้นเป็นกอง แต่ความที่ฉันเป็นคนไม่ค่อยพูด ฉันก็ยังเก็บความสงสัยไว้ในใจ
มากมาย หรืออาจจะรู้ว่าสิ่งที่ต้องการรู้นั้น จะได้ฟังจากปากเขาเองโดยไม่ต้องถาม ฉันเพียงแต่
ยิ้มพยักหน้าไปเรื่อยๆ ในขณะที่เขาเล่าเรื่องในช่วงเวลาที่หายไป
วันเวลาที่ผ่านมามันดูนานกว่าจะผ่านไปวัน ๆ ... เหงา ๆ ซึม ๆ แห้ง ๆ เหมือนใบไม้บนต้นไม้
ใหญ่ที่ขาดน้ำ แห้งกรอบแทบจะแตกละเอียดเป็นผง .... แต่ 3 วันมานี่ ที่ฉันอยู่กับเขากลับเร็ว
เหมือนแค่คืนเดียว .... เขากำลังจากฉันไปอีกแล้วววววววว ฉันบอกเขาเพียงแค่ว่า
" โชคดีนะ " เขาก็พูดเพียงว่า
" ดูแลตัวเองดี ๆ นะ " ฉันไม่ได้ถามว่า
"คุณจะกลับมาอีกเมื่อไหร่ ?"
"คุณรักฉันมั้ย ? "
"คุณไม่อยากโทรหาฉันบ้างเหรอ ? "
เพราะฉันมั่วแต่คิดว่า .... ความรักเป็นภาระหนักเกินไปสำหรับฉัน ...
แต่ก็ยังคิดว่าสักวันนึงเขาอาจกลับมาหา
ฉันยกชาขึ้นจิบเพื่อลิ้มรสความขมของความเสียดาย และความร้อนของชาทำให้ ฉันรู้สึกตัวและดำเนินชีวิตเพื่อรอภาระที่หนักเกินไปสำหรับฉัน