ฉันสมัครสมาชิกไม่สำเร็จ..
เมื่อครั้งที่ฉันจำความได้ ฉันได้รับหนังสือจากพี่ชายมาเล่มหนึ่ง
เป็นหนังสือสอนเกี่ยวกับมารที่อยู่ในจิตใจเรา
ก่อนนั้นฉันไม่รู้จักมารมาก่อน แต่หน้าปกสีดำตัวหนังสือสีแดงดูลึกลับน่าค้นหา
สำหรับวัยอย่างรู้อยากเห็นของฉันในขณะนั้น
ฉันเปิดดูผ่าน ๆ มีภาพประกอบเป็นภาพเขียนด้วยลายเส้น ไม่มากนัก ฉันตั้งใจจะไปหาที่สงบเพื่ออ่านอย่างตั้งใจ
ฉันมีพี่น้องสองคน ฉันเป็นลูกคนกลาง มีพี่ชายหนึ่งคนและน้องชายหนึ่งคน
สมัยยังเด็กฉันจำความได้เลือนลาง พ่อแม่ของฉันไปดูดวง
และดวงของพี่ชายและน้องชายของฉันไม่สามารถอยู่กับพ่อแม่ของฉัน
จึงส่งพี่ชายและน้องชายของฉัน ไปให้อาเป็นผู้เลี้ยงดู บ้านของอาและบ้านของพ่อแม่ฉันไม่ห่างไกลกันมาก
พวกเราพี่น้องจึงยังได้เล่นกันอย่างใกล้ชิด เพียงแต่การเลี้ยงดูเท่านั้นที่จะแตกต่างกันไป
พี่ชายและน้องชายของฉัน มักจะเล่นอะไรแผลง ๆ เสมอ เช่นปีนต้นไม้สูง ๆ ขึ้นไป แล้วกระโดดไปอีกต้นหนึ่ง
ขว้างปาก้อนหินใส่ผู้คนที่เดินผ่านไปมาแล้ววิ่งหนี ฉันมักจะมองดูพวกเขากระทำการที่โลดโผนเหล่านั้นด้วยความตื่นเต้น
แต่ฉันมักจะหวาดกลัวและไม่มั่นใจ เวลาที่เห็นพวกเขาทำอะไรกันอย่างท้าทายแล้วฉันนึกอิจฉาอยากจะลองทำบ้างแต่ก็ไม่กล้าพอ
เมื่อฉันอยู่ที่บ้าน พ่อแม่จะดูแลฉันอย่างดี ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันปฏิบัติจะต้องถูกต้องและเป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่พ่อแม่ตั้งไว้
ฉันต้องมีระเบียบวินัยอย่างสูงทั้ง ๆ ที่ฉันไม่ชอบเลย ในวัยเด็กฉันไม่ต้องช่วยงานบ้านเหมือนเด็กคนอื่น ๆ
ฉันจึงมีเวลานอนคิดเพ้อฝันไปต่าง ๆ นา ๆ ตามประสา จนกระทั่งฉันโตขึ้นมา
และต้องการมีชีวิตอิสระเหมือนคนทั่วไป แต่พ่อแม่ก็ยังเลี้ยงดูฉันเหมือนเดิม
แม้ฉันจะรู้สึกกดดันอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าจะฝ่าฝืนคำสั่งของพ่อแม่
ฉันมักจะถูกเพื่อน ๆ ล้ออยู่เสมอเมื่อเวลาที่ไม่สามารถไปเที่ยวอย่างเพื่อน ๆ คนอื่นได้
ฉันมองพี่ชายและน้องชายของฉันจากทางหน้าต่าง พวกเขาดื่มเหล้า เมามาย ต่อยตีกับนักเลงหัวไม้
และมีเรื่องราวที่ผิดทำนองครองธรรมอยู่เสมอ แต่นั่นก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติธรรมดา
เพราะว่าพวกเขาเป็นแบบนั้นมานานแล้ว แต่ตัวฉันสิ ฉันปฏิบัติดีมาโดยตลอด
และฉันไม่มีหนทางที่จะได้ทำอะไรที่อยากทำบ้างเลยหรือ
วันนั้นฉันยังจำได้ดี ฉันนั่งซุกตัวอยู่หลังบ้าน มีต้นไม้สูงชิดกำแพง บังร่างฉันได้มิดพอดี
ฉันมักจะแอบมานั่งคิดอะไรเงียบ ๆ คนเดียวเวลาไม่ต้องการให้พ่อมามาคอยเอาใจใส่
ฉันหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมา ถ้าฉันอ่านจบ ฉันอาจจะกล้าทำอะไรอย่างพี่ชายและน้องชายฉันบ้างก็เป็นได้
เรื่องราวในนั้นอธิบายเกี่ยวกับ พวกมาร มีชีวิตอยู่ในทุก ๆ ที่ มันล่องลอยไปและพร้อมจะเข้าหาผู้คนอยู่เสมอ
เพื่อจะทดสอบจิตใจของคนนั้น ๆ หลายคนที่รู้จักมัน จะรู้จักต่อต้าน
และต่อสู้กับมันอยู่เสมอเวลาที่มันพยายามจะเข้ามาครอบงำจิตใจเรา แต่คนส่วนใหญ่บนโลก
มักรู้ไม่เท่าทันมัน และปล่อยตัวไปตามการชักชวนไปสู่ความชั่วช้า เลวทราม และหลงงมงาย
เมื่อเราได้สัมผัสมันและมันมาสู่เรา ในโลกนี้จะไม่มีความถูกผิด เราสามารถกระทำการใด ๆ
ก็ได้ตามใจปรารถนา ถ้าเราพยายามจะรับรู้ถึงการมีและการมาของพวกมัน
เราจะรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น และได้ยินเสียงกระซิบจากมัน
ฉันหวาดกลัว และไม่กล้าทำอะไรนอกลู่นอกทาง ความดีที่ฉันถูกสั่งสอนมาตลอดยังคงอยู่
และฉันยึดมั่นไว้อย่างเหนียวแน่น แต่เสียงกระซิบนั้น น้ำเสียงช่างหยาบกร้าน แต่กรีดลึกลงไปในจิตใจฉัน
มันว่าฉันไม่ได้เป็นคนเลว ฉันยังคงเป็นคนดี ที่มีจิตใจดีอยู่ เพียงแต่แสร้งทำเป็นคนเลวเท่านั้น
แม้พฤติกรรมภายนอก ฉันจะทำชั่วร้ายอย่างไร แต่ในใจมีเพียงฉันคนเดียวที่ฉันรู้ว่าฉันเป็นคนที่ดี
ฉันต้องแบ่งจิตใจออกเป็นสองชั้น ชั้นในคือตัวจริง ๆ ของฉันที่เป็นคนดี แต่จิตใจชั้นนอก
ฉันสามารถทำอะไรได้ตามใจ โดยไม่ต้องคำนึงถึงความถูกต้องใด ๆ ทั้งสิ้น
ภาพประกอบลายเส้นต่าง ๆ ภายในหนังสือ มีการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ฉันเรียนรู้ซึมซับ
และเรียมตัวที่จะเดินทางสู่วิถีทางที่ฉันควรจะค้นพบมานานแล้ว ฉันรู้สึกเหมือนถูกปลดปล่อยมาใส่อีกโลกหนึ่ง
เหมือนปลาถูกปล่อยลงในแม่น้ำกว้างที่จะไปที่ใด ๆ ก็ได้
นับจากนั้น ฉันเริ่มสร้างแนวทางใหม่ให้กับชีวิต
คืนหนึ่ง ฉันนำน้ำแข็งก้อนใส่ถังมาจนเต็ม แล้วเทน้ำแข็งก้อนเหล่านั้นลงบนที่นอน
ฉันนอนลงบนกองน้ำแข็ง โดยจุดเทียนปักไว้โดยรอบ ฉันสวด และท่องคาถาต่าง ๆ ซ้ำไปซ้ำมาตลอดทั้งคืน
ฉันต้องการพลังวิเศษ ต้องการทำอะไรได้ดั่งใจ เพียงแค่นึกคิด หรือใช้เพียงวิธีที่ง่ายดาย
ฉันอยากได้สิ่งใด ก็เพียงนึกเอา
จนกระทั่ง น้ำแข็งละลายเปียกไปทั่วตัวฉัน ไหลไปดับเทียนที่กำลังจะไหม้ไปจนหมด
ความมืดสลัวค่อย ๆ กลับคืนมาแล้วกำลังจะรีบจากไปอย่างรวดเร็ว
ยามเช้ากำลังจะมา ฉันต้องรีบระวังตัว ฉันหนาวสั่น และกลัวการพลัดพราก ทั้ง ๆ ที่เลี่ยงไม่ได้
ความมืดสลัวที่อยู่กับฉันเวลานี้ ไม่มีจริง มันเป็นเพียงวูบฝันที่ผ่านมาเพียงเสี้ยวเดียว
และฉันยังจะกลัวต่อไปอีกว่า อีกไม่นานก็คงจะลืมมัน ฉันไม่มีทางเก็บภาพนั้นไว้ได้ในความทรงจำ
มันไม่ใช่วัตถุสิ่งของ และมันจับต้องไม่ได้ ไร้มวล ปริมาณ และเหตุผล
ฉันกระวนกระวายจนใกล้จะคลุ้มคลั่ง ฉันรื้อหาหนังสือที่เป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายทุกอย่างออกมาจากตู้เสื้อผ้า
หนังสือเล่มปกสีดำเล่มนั้น ตัวหนังสือสีแดงที่พาดอยู่ ค่อย ๆ ขยายพื้นที่กว้างขึ้น
แผ่ออกไปกินส่วนที่เป็นสีดำ ในที่สุดหนังสือก็กลายเป็นสีแดงไปจนหมด
ฉันเปิดอ่านอย่างหิวกระหาย แล้วฉีกมันกินเข้าไปทีละหน้า ๆ ฉันต้องการเป็นหนึ่งเดียวกับมัน
หรือฉันน่าจะเข้าใจมันมากกว่านี้ ทุกครั้งที่ฉันฝืดคอ ฉันจะก้มลงเลียกินน้ำที่เจิ่งนองอยู่บนพื้น
ฉันฝืนกินเข้าไปจนหมดเล่ม ผะอืดผะอมจนอาเจียรออกมาแต่ก็กินเศษกระดาษปนน้ำย่อยเหล่านั้นเข้าไปใหม่
ฉันล้มลงนอนอย่างอ่อนเพลีย เหม่อมองขึ้นไปบนเพดาน
แล้วฉันก็สว่างวูบขึ้นในจิตใจ ที่ห้องใต้หลังคานั้น ต้องมีคำตอบดี ๆ อยู่เป็นแน่
ทำไมฉันจึงลืมไปเสียสนิท ฉันรีบปีนขึ้นไป บนช่องแคบ ๆ ชั้นบน เศษฝุ่นและหยากไย่เต็มไปหมด
ฉันจามและหายใจติดขัด ฉันเกร็งตัวคลานเข้าไปในช่องแคบ ๆ อย่างยากลำบากผ่านสิ่งของเหลือใช้มากมาย
ที่วางกองไว้อย่างไม่ใยดี ฉันเห็นแสงไฟตะเกียงอยู่ข้างหน้า มีใครสักคนนั่งอยู่ที่นั้น ฉันอาจจะรู้มาก่อน
แต่คิดไม่ถึง หรืออาจจะไม่เคยคิดมาก่อนเลยก็เป็นได้ และเมื่อฉันเข้าไปใกล้ ฉันเริ่มเห็นคนหลายคนล้อมวงกันอยู่
พ่อแม่ของฉัน พี่น้องฉัน ลุง ป้า น้า อา ครู อาจารย์ และเพื่อน ๆ ของฉัน คนที่ฉันรู้จัก ทุกคนมาทำอะไรอยู่ที่นี่
พวกเขานั่งล้อมวงดูอะไรกันอยู่ ฉันค่อยๆ คลานเข้าไป ดูเหมือนพวกเขาไม่รู้ตัวหรือไม่สนใจฉัน
แล้วฉัน ก็เห็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน สิ่งที่พวกเขากำลังดูและวิพากวิจารณ์กันอยู่นั้น
คือชีวิตของฉันชีวิตประจำวัน กิจกรรมที่ทำทุกสิ่งทุกอย่าง พวกเขาเฝ้าดูและเห็นเป็นเรื่องตลกขบขัน
พวกเขาควบคุม และลองพฤติกรรมของฉันที่ตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ ที่พวกเขาหยิบยื่นให้
ฉันเป็นเพียงหุ่นที่ทุกคนเล่นสนุก โดยที่มีเพียงฉันคนเดียว ที่ไม่รู้ว่าโลกของฉันไม่มีอยู่
แต่เป็นเพียงฉากที่ถูกพวกเขาสร้างขึ้นลองรับความสนุกสนานชั่วครั้งชั่วคราว
แล้วเวลาที่ฉันสับสนและเจ็บปวดละ พวกเขาทำอะไร เวลาที่ฉันจะเดินไปตามทางที่ฉันมองเห็น
พวกเขาก็นำสิ่งกีดขวางมาวางไว้มันเป็นเกมส์กระดานแบบง่าย ๆ และฉันเป็นเพียงตัวเดินตัวหนึ่งไม่มีความหมายใด ๆ
ฉันกลับลงมาที่ห้องของตัวเอง ที่นอนยังเปียกชุ่ม และเลอะเทอะไปทั่วห้อง
ฉันจุดเทียนรอบ ๆ ห้องขึ้นอีกครั้ง มองขึ้นไปบนเพดาน พวกเขาคงดูฉันอยู่
วันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดฉัน ฉันเพียงอยากให้มันมีความหมายบ้าง
ฉันได้ยินเสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิด จากเศษกระดาษในท้องของฉัน
แต่ไม่มีเสียงตอบใด ๆ จากเพดาน