ภาพเด็กชาย
รูปเด็กชายที่ฉันดึงไม่ขึ้น กลับดึงกระชากฉันล้มลงกับกองขยะ
ฉันซบหน้าลงไปกับสิ่งปฏิกูลเหล่านั้น ดื่มด่ำกับอารมณ์ของสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ
กลิ่นหอมชื่นใจของขยะเปียก และเศษอาหารที่ถูกทิ้งค้างมานาน
หลายวันที่ฉันพยายามจะดึงรูปภาพเด็กชายในกรอบสีทองนั้นขึ้นมาจากกองขยะ
แต่มันฝั่งแน่นอยู่ในนั้นเหมือนเป็นเนื้อเดียวกัน ฉันพยายามหลายวิธีก็ยังไม่สามารถนำมันออกมาได้
รูปภาพเด็กนี้คงจะขายได้ราคาดี แถมกรอบรูปยังเป็นทองด้วย จะเป็นทองแท้หรือไม่ก็เถอะ
แต่คงจะขายได้มากกว่าพวกเศษขยะที่ฉันงมเก็บอยู่ทั้งวันนี้แน่
ฉันกลัวว่าใครจะมาเอามันออกไปได้ก่อน ไม่มีเวลาจะมานอนเล่นอยู่แบบนี้แล้ว
ฉันเดินกลับไปที่รถเข็น วันนี้ยังเก็บขยะที่จะนำไปขายได้ไม่กี่ชิ้นเอง
มัวแต่ยุ่งอยู่กับรูปเด็กชายนี่ล่ะ ยังมีกองขยะให้ไปเก็บอีกหลายที่ แต่ฉันก็ยังไม่ได้ไป
หลายวันมานี้ฉันเฝ้าอยู่ที่นี่ที่เดียว โชคดีที่ยังไม่มีนักเก็บของเก่าคนอื่นผ่านมา
เนินทิ้งขยะกว้างขวาง ขยะและของเหลือใช้ถูกทิ้งไว้เต็มไปหมด
ฉันเดินมาหยิบวิทยุเก่าที่คนนำมาทิ้งไว้ ปุ่มเปิดมันพังไปแล้ว ตรงช่องลำโพงทะลุเป็นรู
เป็นที่อยู่ของเพื่อน ๆ มดแมลงสาบ ทุกครั้งที่ฉันหยิบขึ้นมาฟัง ต้องเคาะไล่เขาออกไปก่อนทุกครั้ง
กลัวว่าถ้าเปิดเสียงดังเกินไปเขาจะหนวกหู หรือบางทีเขาอาจจะไม่ชอบเพลงที่ฉันฟังก็ได้
วิทยุเครื่องนี้แม้จะถูกนำมาทิ้ง แต่ก็มีคุณสมบัติพิเศษ ต่างจากวิทยุทั่วไป ไม่ต้องเสียบปลั๊ก
ไม่ต้องการพลังงานใด ๆ ฉันอยากฟังตอนไหนก็หยิบขึ้นมาฟังได้เลย ถ้าฝนตกลงมา น้ำเข้าไปในเครื่อง ก็ยังฟังได้
ฉันเอามาวางไว้ตรงบ่าแล้วแนบหูฟัง เลือกเพลงที่ชอบ แล้วร้องเพลงไปพร้อมกัน
ฉันมองหาขยะที่พอจะขายได้ไปรอบ ๆ
เครื่องถ่ายทอดภาพที่มีลักษณะพิเศษเช่นเดียวกับวิทยุหันหน้ามาทางฉัน
ภาพหญิงสาวปรากฏขึ้นบนจอ เธอเต้นรำ ยักย้ายส่ายสะโพกไปพร้อมกับเสียงจากวิทยุที่ฉันถือมา
ฉันเต้นไปพร้อมกับเธอ เราสบตากันเป็นบางครั้ง เธอทำให้ฉันวาบหวิวเป็นห้วง ๆ
ฉันที่สนุกไปกับเสียงเพลง ฉันตะโกนร้องเพลงเสียงดัง ฟังไม่เป็นภาษา
แล้วเสียงขยะอื่น ๆ ในบริเวณนั้นก็ร่วมร้องประสานกันขึ้นมา
นี่แหละงานแสดงดนตรีที่ยิ่งใหญ่
ฉันคงจะสนุกเพลินจนเกินเวลาไปสักหน่อย ท้องฟ้าค่อย ๆ หรี่แสงลง
ฉันต้องรีบนำของที่เก็บได้ไปขายต่อที่ร้านรับซื้อของเก่า ก่อนที่ร้านจะปิด
ค่าอาหารสำหรับวันนี้ ยังไม่มี
ฉันรีบหันไปหยิบขวดพลาสติก และกล่องกระดาษ
ใส่ลงในถุงกระสอบอย่างลวก ๆ คิดว่าน่าจะพอสำหรับวันนี้
ก่อนจากไปฉันเอาขยะมากองปิดทับรูปเด็กชายไว้ เพื่อไม่ให้ใครมาเห็น แล้วเข็นรถออกไป
สองข้างทางฉันที่ฉันเข็นรถสวนกับผู้คน บรรยาศดูต่างไปจากทุกวัน
ผู้คนจับกลุ่มคุยกัน บางคนมองมาที่ฉัน เสียงซุบซิบดังหึ่งมากกว่าแค่งึมงัม
ฉันแอบระแวงอยู่เงียบ ๆ ไม่อยากให้พวกเขาสังเกตว่าฉันหวั่นไหว
ที่ร้านรับซื้อของเก่า ฉันแยกขยะใส่ตราชั่งเพื่อชั่งน้ำหนัก เจ้าของร้านยื่นเงินให้ฉันตามจำนวน
เขาถามว่า ฉันเคยเห็นภาพเด็กชายในกรอบทองบ้างไหม ฉันตกใจ อำอึ้งอยู่พักใหญ่
ก่อนจะรีบปฏิเสธ แล้วเข็นรถออกจากร้านนั้นมา
ฉันมาหยุดนั่งอยู่ที่ข้างทาง หยิบกล่องข้าวที่เพิ่งซื้อมา ออกมาเปิดกิน
ฉันมองผู้คนที่นั่งกินอาหารอยู่ในร้าน ฉันเพ่งมองปากพวกเขา พวกเขากำลังพูดถึงภาพเด็กชายกันอยู่!!
ทุกคนกำลังตามหาภาพเด็กชายนี้ ร่างกายฉันสั่นสะท้อนตรงข้ามกลับหัวใจ
ตื่นเต้น สับสน และหวาดกลัวมาก
ฉันรีบกินอาหารให้หมด แล้วรีบกลับไปที่โล่งที่ทิ้งของเก่า
ตลอดทางฉันได้ยินผู้คนจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องภาพเด็กชาย
ฉันไม่ยอมให้ใครได้ภาพนี้ไปแน่ เพราะฉันเจอเป็นคนแรก มันเป็นของฉัน
ระหว่างทาง ฉันกลัวว่าอาจจะมีใครที่เฝ้ามองฉันอยู่แล้วอาจจะแอบตามฉันมา
ฉันจึงทำทีไปเก็บของเก่า ที่บริเวณอื่นก่อน
รอเวลาให้ดึกกว่านี้จนฉันแน่ใจว่าไม่มีใครตื่นอยู่
คืนนี้พระจันทร์ส่องแสงไปทางอื่นอีกเช่นเคย เธอไม่เคยส่องมาที่ฉันแต่ไหนแต่ไร
เงารถเข็นของฉันเคลื่อนไปข้างหน้าเรื่อย ๆ เงาที่หวาดระแวงกระทั่งเจ้าของเงา ฉันหันกลับไปมองด้านหลังอยู่ตลอดเวลา
สุนัขจรจัดเงยหน้ามามอง แล้วก้มลงหลับต่อไป พวกมันไม่เดินตามฉันเพราะฉันไม่เคยให้ของกินมัน
เราไม่เคยทักทายกัน ไม่อยากจะพูดคุยกัน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ต่อกัน
ตรงหัวมุมข้างหน้าก็จะถึงที่โล่งสำหรับทิ้งของเก่าแล้ว
คืนนี้ฉันจะต้องเอารูปเด็กชายมาเป็นของฉันให้ได้ ไม่มีเวลาอีกแล้ว เมื่อทุกคนก็ต้องการภาพเด็กชายคนนี้เช่นกัน
และเมื่อมาถึงที่โล่งฉันก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
พื้นที่ที่เคยเต็มไปด้วยขยะกองสุมมากมายบัดนี้กลับกลายเป็นตึกเก่าที่ดูเหมือนถูกสร้างมานานร้อยปี
ไม่เคยมีตึกลักษณะนี้ ในเมืองและไม่น่าจะมีอยู่ที่ไหน ๆ
รูปปั้นขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านหน้า คล้ายเทพเจ้าครึ่งคนครึ่งสัตว์ สีหน้าดุดันแต่สงบนิ่ง
ดอกไม้ที่อยู่ในสวนส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับในเวลากลางคืน
เหมือนสายสร้อยที่ห้อยประดับอยู่บนตัวผู้เฒ่าที่อัดแน่นไปด้วยความรู้ต่าง ๆ มากมาย
ฉันไม่เคยเห็นสถานที่ ที่น่าตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อน พลังของสถานที่นั้นแผ่ออกมารอบ ๆ อย่างเบา ๆ
ถ้าจะหรี่ตามองอาจจะเห็นเป็นควันหมอกจาง ๆ ที่มีภาพความทรงจำในอดีตแฝงอยู่ในนั้น
ฉันเข็นรถไปหยุดอยู่ที่หน้าตึก แหงนหน้ามองไปบนยอดสูงปลายแหลม ที่ทิ่มแทงความมืดมิดเบื้องบนให้คงความเจ็บปวดตลอดกาล
การกระทำนั้นยังมั่นคง เงียบขรึมลึกลับ และมีพลังอยู่อย่างสงบมาเป็นนานแล้ว
ที่ทิ้งขยะกลับกลายเป็นพิพิภัณฑ์ของเก่าที่ทรงคุณค่า
ฉันเคยได้ยินมาว่ามีนักธุรกิจที่มองการไกลสามารถนำสิ่งของที่ใช้แล้วกลับมาสร้างประโยชน์และค้าขายได้กำไรมากมายนัก
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ มันยากที่จะทำใจยอมรับได้
และที่สำคัญ รูปภาพเด็กชายของฉัน คงจะถูกเก็บไว้ในพิพิภัณฑ์นี้สินะ
ฉันหยิบอุปกรณ์สองสามชิ้นออกมาจากรถเข็น ผูกติดเอวไว้แน่น แล้วปีนข้ามรั้วแหลมเข้าไปภายในตึก
ฉันออกแรงผลักเต็มกำลัง ประตูเหล็กขนาดใหญ่ค่อย ๆ ขยับเปิดทีละน้อย ไอเย็นแผ่มาที่มือ แล้วรีบจากไป
ฉันก้าวไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวัง ขนนุ่มที่พื้นเอนตัวหลบการสัมผัสกับฝ่าเท้าที่แตกด้านอย่างรังเกียจ
ฉันลูบมือไปตามผนังขณะเดินไป พื้นผนังแสดงกริยาเหยียดหยามฉันไม่แพ้กัน
แสงไฟจากตู้กระจกเบื้องหน้าสร้างความมืดสลัวให้โถงทางเดิน
ตู้กระจกที่อยู่ติดผนังมองลึกเข้าไป มีขยะที่ฉันคุ้นตา ฉันสนิทกับขยะทุกชิ้นที่ถูกนำมาทิ้ง
และฉันจำมันได้เสมอแม้ว่าตอนนี้มันจะถูกนำมาไว้ ในที่หรูหราเช่นนี้ ฉันเดินผ่านตู้แสดงขยะไปเรื่อย ๆ
ชิ้นแล้วชิ้นเล่า...
ถ้าเมื่อเย็น ฉันไม่รีบกลับไปก่อน บางทีฉันอาจจะได้อยู่ในตู้นั้นบ้าง
ฉันคงจะได้นำมาแสดงเทียบเคียบกับเหล่าขยะอื่น ๆ ทุกวันจะมีคนมามุงดู และศึกษาฉัน
มีคุณครูมาอธิบายความเป็นมาของฉันให้นักเรียนตัวเล็ก ๆ ไม่ค่อยจะสนใจฟัง
พวกเขาจะชอบฉันไหมนะ
เด็กบางคนอาจจะชอบขยะชิ้นโน้นชิ้นนี้ต่าง ๆ กันไป
บางคนอาจะเฝ้าดูถุงข้าวแกงที่ถูกทิ้งไว้หลายวันจนถุงบวมบูด
มีปุ่มกดสำหรับสูดกลิ่นเสียด้วย
บางคนก็จะถ่ายรูปคู่กับซากสัตว์ที่ตายจนแห้งไว้เป็นที่ระลึก
ตู้โน้นยังมีขวด ภาชนะแตก เศษกระดาษ นักกีฬา นักร้อง นักเขียน นักการเมือง
ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเชิดชูให้เด็ก ๆ ได้มาศึกษาและเอาเยี่ยงอย่างไว้ในตู้กระจกในตึกพิพิภัณฑ์ทรงคุณค่าที่เกิดขึ้นในพริบตานี้
และฉันเพ้อฝันไปว่าอยากจะเป็นอย่างขยะพวกนั้น พวกเขาได้รับการปกป้องและแสดงออกอย่างเหมาะสมตามที่คนพอใจ
ตลอดชีวิตฉันอยู่ใกล้ชิดกับขยะมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ เขาไม่มองฉันเป็นเพื่อนเหมือนเดิมอีกแล้ว
วิทยุเครื่องนั้น ไม่เคยส่งเสียงอะไรออกมา มีแต่ฉันเท่านั้นที่ร้องเพลงให้เขาฟัง แล้วแสร้งปลอบใจทำทีเป็นว่าเขายังมีค่า
วันนี้เขากลับมองฉันเป็นเพียงคนเก็บขยะสกปรกที่ไม่มีวันจะได้สัมผัสเขาอีกต่อไป
เพื่อนแมลงสาบที่เคยอาศัยอยู่กับเขาก็ถูกแยกไปไว้อีกตู้นึง
เขาก็ไม่ได้พบเห็นและพูดคุยกันอีกแม้จะดูมีค่าโดดเด่น แต่ก็โดดเดี่ยว
ฉันก็โดดเดี่ยวเช่นกัน ที่ถูกทิ้งไว้นอกตู้เพียงคนเดียว ฉันเดินอย่างเปลี่ยวเหงาไปจนสุดทาง
รูปภาพเด็กชายที่ถูกแขวนไว้ที่ผนังนั้น ยังมองมาที่ฉันเหมือนเดิม
แสงไฟสีอ่อน ส่องมาที่ภาพส่องคุณค่าให้สะท้อนออกมา ง่ายต่อการรับรู้สำหรับผู้คนธรรมดา
เขาดูสง่างาม สมกับที่ทุกคนยกย่องและเคารพนับถือ
แต่เขาเป็นของฉัน
ภาพที่ฉันไม่เคยจะเอาออกมาได้จากกองขยะ แต่ตอนนี้ฉันสามารถปลดออกมาจากผนังได้อย่างง่ายดาย
เวลานี้ฉันจะนำเขาออกไปพร้อมกับฉัน
แต่ฉันควรจะเก็บเขาไว้คนเดียวหรือเปล่า
เพียงแค่คิดว่าจะปล่อยให้ทุกคนได้ชื่นชมความงามและคุณค่าของภาพเด็กชายนี้
ฉันเป็นเพียงคนเก็บขยะเท้าเปล่า
ฉันแขวนภาพไว้ที่เดิมแล้วจากออกมาอย่างเงียบ ๆ
แม้เขาจะเป็นของฉัน