ไปพักร้อน..
วันหนึ่งขณะที่เริ่มบ่ายอ่อน ๆ ฉันนอนคิดอะไรเล่นอยู่เพลิน ๆ
คนในบ้านบอกฉันว่าจะพาฉันไปพักร้อนในวันพรุ่งนี้ ฉันแปลกใจที่จะได้ไปพักร้อนอย่างกระทันหัน
ฉันพยายามถามรายละเอียด แต่ก็ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนนัก พวกเขาบอกเพียงว่า ให้เตรียมของใช้ที่จำเป็น
ฉันไม่ค่อยชอบทำอะไรแบบรีบร้อนนัก จึงขอที่จะอยู่เฝ้าบ้าน แต่พวกเขาบอกว่า ได้จองที่พักไว้แล้ว
ไม่สามารถยกเลิกได้ ฉันจึงจำใจต้องไปอย่างเสียมิได้ และมีเวลาเตรียมของเพียงแค่คืนเดียว
เช้าวันรุ่งขึ้น คนขับรถช่วยฉันขนกระเป๋าขึ้นรถ ฉันเตรียมกระเป๋าไปแค่สองใบ
มีของใช้ที่จำเป็นและเสื้อผ้า ตอนที่ฉันถามว่าจะไปพักร้อนกันกี่วัน
พวกเขาบอกว่า ให้เตรียมเสื้อผ้าไปให้พอใส่
แต่ฉันคิดว่าไม่น่าจะไปกันหลายวันนัก
เนื่องจากทุกคนต้องรีบกลับมาทำงาน และนี่ไม่ใช่ช่วงวันหยุดยาวนัก
ฉันนั่งรถไปกับคนขับรถสองคน ส่วนคนอื่น ๆ ไปอีกคันหนึ่ง
เมื่อเดินทางไปสักพัก ฉันไม่เห็นรถอีกคันหนึ่ง
แม้จะสงสัยว่าจะหลงกันหรือเปล่า
แต่เมื่อถามคนขับรถ เขาก็ไม่ได้ตอบว่าอะไร
ฉันจึงเข้าใจว่าทุกคนคงจะนัดไปเจอกันที่ปลายทาง
ฉันพยายามชวนคนขับรถพูดคุย แต่เขาคงจะต้องใช้สมาธิในการขับรถ
จึงไม่ค่อยพูดคุยกับฉันนัก สักพักฉันจึงหลับไป
มารู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่คนขับปลุกฉัน
และบอกว่า ให้เตรียมตัว เพราะใกล้จะถึงแล้ว
ฉันมองดูนาฬิกาเป็นเวลาเย็นแล้ว ฉันหลับไปนานทีเดียว
รถเลี้ยวเข้าไปจอดในอาคารหลังหนึ่งคล้ายเป็นสำนักงาน
ด้านหลังมีบ้านพักสีขาวเรียงกันไปเป็นแนวยาว
ฉันลงจากรถ แล้วมองไปรอบ ๆ
ดูแล้วไม่น่าจะมีสถานที่ท่องเที่ยวแถวนี้ ทั้งทะเล หรือภูเขา
บางทีอาจจะต้องนั่งรถต่อไปอีก
คนขับรถถือกระเป๋าสัมภาระของฉันเดินขึ้นไปติดต่อเจ้าหน้าที่
ฉันมองดูที่จอดรถ มีรถจอดอยู่เพียงไม่กี่คัน ผู้คนคงจะไม่นิยมมาท่องเที่ยวช่วงนี้กันนัก
ฉันมองไปทางถนนที่ยาวไปไกลสุดตา ไม่มีรถผ่านไปมาสักคันเดียว ที่นี่ดูสงบเงียบจริง ๆ ฉันคิดว่าคนอื่น ๆ
คงยังมาไม่ถึงแน่ จึงเดินตามคนขับรถขึ้นไปบนสำนักงาน
ที่ห้องโถงมีที่นั่งรับรองมีแจกันดอกไม้ตั้งอยู่บนโต๊ะสีอ่อน ๆ เข้ากับผนังห้อง
คนขับรถพาฉันไปลงชื่อเข้าพัก แล้วเขาก็จับมือฉันก่อนที่จะเดินออกจากอาคารไป
ฉันคิดว่าเขาคงจะไปหยิบกระเป๋าของตัวเอง เจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนหนึ่งรูปร่างอ้วน พาฉันไปที่ห้องพัก
เธอบอกว่า ใกล้เวลาอาหารเย็นแล้ว เดี๋ยวหลังอาหารเย็น เธอจะอธิบายกฎระเบียบต่าง ๆ ให้ฟัง
เมื่อมาถึงห้องพัก มีเตียงวางเรียงกันไปสองแถวยาว มีคนนอนอยู่บ้าง คล้ายในโรงพยาบาล
เจ้าหน้าที่หญิงอ้วนพาฉันมาที่เตียงด้านใน บอกว่าที่นี่เป็นเตียงของฉัน ให้วางกระเป๋าไว้ที่นี่
แล้วตามเธอไปที่ห้องอาหาร ฉันกลัวว่าของจะหาย เพราะไม่มีห้องมิดชิด แต่เจ้าหน้าที่หญิงอ้วนบอกว่าไม่ต้องกลัว
ขณะที่กำลังจะเดินกลับออกไป เจ้าหน้าที่หญิงพูดเสียงดังจนคล้ายตะโกนบอกทุกคนว่าได้เวลาอาหารแล้ว
บางคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงก็ค่อย ๆ ขยับตัว อีกหลายคนที่นอนนิ่ง ๆ แต่ลืมตาอยู่ก็ขยับตัว
เหมือนกับรูปปั้นที่อยู่ ๆ ก็มีชีวิตขึ้นมา ส่วนบางคนที่ยังนิ่งไม่ขยับ เหมือนกับไม่ได้ยิน
ต้องให้คนที่อยู่เตียงข้าง ๆ สะกิดเรียกอีกที ฉันสังเกตดูส่วนใหญ่คนที่มาพัก เป็นคนสูงอายุ
ฉันคิดว่า คงเป็นเพราะที่นี่ดูสงบเงียบ และห่างจากตัวเมืองมาก คงจะมีอากาศบริสุทธิ์ พวกเขาจึงนิยมมาที่นี่
ฉันเดินทยอยตามคนอื่น ๆ ไปห้องอาหาร
ถัดจากห้องพักของฉัน มีห้องพักที่เหมือนกันอีกสองห้อง
มีคนเดินออกมาจากห้องพักอีกหลายคนทีเดียว
เมื่อดูจากภายนอกไม่มีรถจอดอยู่เลย ฉันไม่คิดว่าจะมีคนมาพักมากขนาดนี้
เมื่อมาถึงห้องอาหาร ฉันจึงไปเข้าแถวรับอาหาร ในถาดใส่อาหาร มีกับข้าวสีจืดชืดสองอย่าง
คล้ายอาหารคนป่วยไม่มีผิด ฉันคิดว่า เขาคงจะทำมาไว้สำหรับผู้มาพักส่วนใหญ่ที่เป็นคนสูงอายุ
ฉันพยายามมองหาอาหารที่เป็นแบบปกติ แต่ก็ไม่เห็น
เมื่อฉันไปนั่งลงที่โต๊ะจึงถามคนข้าง ๆ ว่า มีอาหารแบบเดียวหรือ
เขาบอกว่ามีแบบเดียว
แล้วถามฉันว่า
เพิ่งมาอยู่หรือ
ฉันจึงเข้าใจว่า ที่นี่คงจะมีบางคนที่มาอยู่เลย
เขาคงเข้าใจผิดว่าฉันจะมาอยู่ที่นี่ ฉันจึงตอบเขาไปว่า
เพิ่งมาถึงวันนี้
ฉันรับประทานอาหารเย็นชืดไปได้เพียงเล็กน้อย คิดว่า
เดี๋ยวถ้าคนอื่น ๆ มาถึงจะชวนออกไปซื้อหาอะไรที่อร่อยกว่านี้กินจะดีกว่า
ยังดีนะ ที่พวกเขายังไม่มา ถ้ามาแล้วเจออาหารแบบนี้ พวกเขาต้องบ่นกันใหญ่เป็นแน่
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ฉันรีบกลับมาที่เตียง เพราะกลัวว่าของจะหาย
แล้วฉันก็เอนตัวลงพักบนเตียง เพราะว่านั่งรถเมื่อยมาทั้งวัน ขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับไป
ฉันก็ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่หญิงอ้วนเรียกฉันจากหน้าประตูห้องพัก
เธอบอกว่า จะพาฉันชมสถานที่ ฉันจึงลุกตามเธอไป
บริเวณภายนอกฟ้ามืดลงแล้ว แต่ภายในยังสว่าง เจ้าหน้าที่หญิงอ้วนพาฉันไปที่ห้องดูโทรทัศน์
ในห้องนั้นมีคนนั่งดูโทรทัศน์อยู่หลายคน
เธอแนะนำฉันกับผู้มาพักคนอื่น ๆ ฉันคิดว่าเธออาจจะเข้าใจผิดว่าฉันจะมาอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน
แต่ฉันก็ยังไม่ได้บอกเธอทันที เพราะเกรงว่าเธอจะเสียหน้าต่อหน้าคนอื่น
แล้วเธอก็พาไปที่ห้องอ่านหนังสือ และห้องนั่งเล่น เมื่อเดินไปตามทางที่ไม่มีคน
ฉันจึงบอกเธอว่า ฉันแค่มาพักร้อน ไม่ได้มาอยู่ที่นี่ เธอทำท่าเหมือนไม่ได้สนใจ
แต่ฉันคิดว่าเธอคงจะได้ยินและเข้าใจแล้ว
เธอบอกว่า อยู่ที่นี่ทำตัวตามสบาย ถ้าต้องการอะไรให้บอกเธอได้
แล้วรับประทานอาหารให้ตรงเวลาที่ห้องอาหาร แล้วเธอก็เดินจากไป
ฉันคิดว่าคนอื่น ๆ น่าจะมาถึงได้แล้ว เพราะเวลาล่วงเลยมากมาก แล้วฉันก็คิดขึ้นได้ว่า
คนขับรถที่มาพร้อมฉันละไปไหนเสีย ฉันจึงเดินไปถามเจ้าหน้าที่
แต่ว่าที่หน้าสำนักงานไม่มีคนเสียแล้ว เขาคงจะเลิกงานกันหมด
ฉันสงสัยว่าคนขับรถไปพักอยู่ที่ห้องไหนกัน ความจริงน่าจะพักอยู่ห้องเดียวกัน
ฉันรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย จึงเดินมารอที่หน้าอาคารบ้านพัก
ฉันเห็นชายคนหนึ่ง นั่งอยู่ที่ม้านั่ง ฉันจึงไปนั่งข้าง ๆ เผื่อว่าจะมีเพื่อนคุย
เขาบอกว่า เขาก็มารอญาติเหมือนกัน ฉันจึงคิดว่า ทางที่มาที่นี่ คงจะเป็นทางที่ซับซ้อน
ผู้คนที่จะมาจึงมาถึงช้ากันไปหมด ฉันคงจะโชคดีที่มาถึงเร็วกว่าคนอื่น
เมื่อฉันเห็นว่าดึกพอสมควร จึงกลับห้องพัก คิดว่าพรุ่งนี้เช้าทุกคนคงจะมาถึงแน่
เมื่อมาถึงที่เตียง ฉันพยายามจะนอนให้หลับ แต่เพราะอาจจะแปลกที่ฉันจึงนอนไม่หลับ
พลิกตัวกลับไปมาหลายครั้ง ฉันเห็นคนที่อยู่เตียงข้าง ๆ เพิ่งมานอน
เขาคงเพิ่งกลับจากดูโทรทัศน์ เขาพูดคุยกับฉัน เขาก็คิดว่าฉันจะมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน
ฉันจึงอธิบายให้เขาฟังว่า ฉันเพียงแค่มาพักร้อนเท่านั้น อีกเพียงไม่กี่วัน ก็จะกลับแล้ว เขาก็พยักหน้า
ดีจริง อีกไม่กี่วันก็จะได้กลับบ้านหรือ ทุกคนที่นี่ก็คงจะคิดแบบนั้นนะ
เขาพูดเบา ๆ แต่ฉันก็ได้ยิน
เช้าวันต่อมา ฉันตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ ฟ้ายังไม่ทันสว่าง แต่ก็ยังมีหลายคนที่ตื่นก่อนฉัน
ชายคนที่อยู่เตียงข้าง ๆ ที่คุยกับฉันเมื่อคืน ชวนฉันไปออกกำลังกายที่สนามหญ้า ฉันจึงไปกับเขา
ที่สนามออกกำลังกาย มีคนยืนอยู่ห่าง ๆ กัน ออกกำลังกายแบบเบา ๆ เป็นการยืดส้นยืดสาย
ขยับตัวขึ้นลงช้า ๆ ไปทางซ้ายที ขวาที ตามจังหวะเพลงที่มีทำนองประหลาด
วิทยุตัวเล็กวางอยู่บนเก้าอี้ด้านหน้า คนที่เพิ่งมาถึงหาที่ยืนของตัวเองแล้วเริ่มออกกำลังกาย
ฉันมองคนอื่น แล้วเริ่มขยับตัวตาม ทำท่าทางให้เหมือนพวกเขา
ฉันไม่อยากให้คนคิดว่า ฉันทำไม่เป็น ซึ่งท่าทางการออกกำลังกาย ก็ไม่ยากนัก
ฟ้าสว่างมานานแล้ว ทุกคนไม่มีทีท่าทีว่าจะหยุดออกกำลังกาย
ฉันไม่ได้เหนื่อย แต่เริ่มเบื่อกับการขยับไปมายืดแขนไปข้างหน้า และด้านข้าง
แต่ฉันก็ไม่กล้าหยุดแม้จะปวดเมื่อยนิดหน่อยเนื่องจากไม่เคยออกกำลังกายแบบนี้มาก่อน
คนที่อยู่ข้าง ๆ ฉันบอกว่า
ถ้าเหนื่อยก็หยุดพักก่อนก็ได้ ค่อย ๆ ทำไป เดี๋ยวก็ชิน
ฉันจึงเดินไปนั่งพักที่ม้าหิน มองดูคนอื่น ๆ ขยับร่างกายไปมาพร้อมกัน ดูเป็นระเบียบดี
จ้องมองนานเข้าจนจิตใจฉันเริ่มสงบ พวกของฉันคงจะมาไม่ทันอาหารเช้าอีกเป็นแน่
พวกเขาคงจะมาช้าเช่นเดิมตอนแรกฉันคิดว่าพวกเขาจะมาถึงเช้านี้
แต่ตอนนี้ฉันคิดว่า คงจะมาถึงเย็น ๆ เสียมากกว่า
ที่ห้องอาหารช่วงเช้า อาหารเป็นลักษณะเดิมเหมือนเมื่อวาน เย็นชืด และไม่มีรสชาติอะไร
ฉันนั่งคุยกับคนที่นั่งตรงกันข้าม เขาคงจะเป็นคนที่อยู่ประจำ
ฉันถามว่าเขารับประทานอาหารแบบนี้ทุกวันเลยหรือ เขาบอกว่าใช่
เขาบอกว่ามันมีประโยชน์แถมอร่อยด้วย ฉันจึงเข้าใจว่า
คนที่อยู่ที่นี่ประจำ คงจะชอบอาหารของที่นี่ด้วยนี่เอง
ฉันผ่านอาหารเช้า กลางวันและเย็น ของที่นี่ไปอีกหลายครั้ง จนรู้สึกชิน
แม้ฉันจะรอพวกของฉันที่กำลังจะมาถึง แต่ก็ไม่รู้สึกร้อนใจเหมือนวันแรก ๆ
ฉันไม่ทันได้สังเกตว่าวันเวลาผ่านไปนานเท่าไร
พวกคนที่อยู่ที่นี่ก็คงเช่นเดียวกัน ฉันเริ่มมีเพื่อนที่คุ้นเคย ทุกคนมีชีวิตอยู่ไปเรื่อย ๆ
บางวันฉันเห็นคนบางคน ที่เพิ่งมาถึง ร้องโวยวาย
เจ้าหน้าที่หลายคนต้องมาช่วยกันจับตัวเอาไว้ ดูเหมือนเขาจะไม่อยากมาพักร้อนที่นี่
บางคนที่มาถึงก็ร้องไห้อยู่หลายวันทีเดียว
ฉันนึกถึงสมัยยังเด็ก ครั้งที่ไปโรงเรียนวันแรก จะเห็นเด็กหลายคนไม่ยอมจากพ่อแม่
บางคนร้องไห้เสียงดังและร้องตะโกนโวยวายไม่ต่างจาก คนที่ถูกส่งตัวมาพักร้อนที่นี่
คนที่อยู่ที่นี่ส่วนใหญ่มักจะจำไม่ได้ว่าตัวเองอยู่ที่นี่มานานเท่าไรแล้ว
ฉันเคยเห็นคนนั่งเถียงกันว่า ใครมาอยู่นานกว่ากัน ต่างคนจะบอกว่าอีกฝ่ายอยู่มานานกว่า
ทุกคนไม่มีใครอยากจะจำว่าอยู่ที่นี่มานาน และทุกคนคิดว่า
อีกไม่นานจะต้องได้กลับบ้าน พวกนั้นส่วนใหญ่เป็นพวกที่หลง ๆ ลืม ๆ
แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ดูเป็นพวกหัวก้าวหน้า
หลายครั้งที่ได้ฟังกลุ่มพวกนี้พูดคุยกัน
ฉันจะได้แนวคิดใหม่ ๆ มาเสมอ
พวกเขาว่า คนที่ถูกส่งตัวมาที่นี่ เป็นพวกที่ไม่มีค่า ไม่มีความหมาย
เป็นพวกที่ไม่มีใครต้องการ แม้หลายคนจะเคยทำประโยชน์มามากมาย
แต่วันหนึ่ง เมื่อไม่สามารถทำประโยชน์ได้ ก็ถูกมองเพียงว่าเป็นขยะที่กำจัดได้ยาก
เป็นสิ่งมีชีวิต ที่ไม่สามารถทำลายได้ตามกฎหมาย
แต่สามารถจัดที่จัดทางให้อยู่รวมกันอย่างไร้ค่า และเสื่อมสลายไปเองตามเวลา
ชายคนหนึ่ง ที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำกลุ่ม
เขาชักชวนพวกที่ดูยังแข็งแรงอยู่ รวมทั้งฉันด้วย เขาว่า
"พวกเราน่าจะหนีไปจากที่นี่ได้"
"พวกเรายังมีความสามารถ ไม่ใช่พวกที่กำลังจะตายแบบพวกนั้น"
เขาชี้ไปที่คนอื่น ๆ ที่ยังนอนอยู่ หลายคนไม่สบาย
พวกเขาตกลงวางแผนว่าจะหนีกัน
จริง ๆ แล้วฉันไม่อยากหนีไปกับพวกเขาเท่าไรนัก
เพราะกลัวว่าจะมีอันตราย และอีกอย่างฉันคิดว่าอีกไม่นานคนที่บ้านของฉันก็จะเดินทางมาถึง
แล้วฉันก็จะรอกลับบ้านพร้อมกับพวกเขาจะดีกว่า
แต่หัวหน้ากลุ่มที่จะพากันหนีบอกว่า
มีคนอีกหลายคนที่มัวแต่เพ้อฝันว่าจะมีคนมารับกลับไป แล้วก็รอจนกระทั่งตายไป
ฉันไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าฉันไม่กล้า และกลัวอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ฉันจึงตกลงที่จะหนีไปกับพวกเขา
พวกเราวางแผนที่จะหนีกันกลางดึกคืนนี้
เมื่อทุกคนเข้านอนกันหมด พวกเรามารวมตัวกันที่ประตูด้านหลัง มีกำแพงรั้วลวดหนามสูง
ฉันรับหน้าที่เป็นคนนำ ตอนแรกฉันบอกว่าฉันไม่รู้เส้นทาง
แต่คนอื่น ๆ บอกว่า ไม่มีใครรู้เส้นทางเหมือนกัน
พวกเขาบอกว่าฉันดูท่าทางฉลาดที่สุด น่าจะนำทางพวกเขาไปสู่ทางออกได้
ส่วนคนอื่น ๆ ทำหน้าที่ทั้งดูต้นทาง ทำหน้าที่อำนวยความสะดวก
และทำหน้าที่ ส่งสัญญาณ บางคนถามว่าทำไมไม่หนีออกทางด้านหน้า
เพราะทางนั้นโล่งและสะดวก แต่หัวหน้ากลุ่มบอกว่า ยิ่งทางโล่งอาจจะมีคนเห็น ได้ง่าย
แล้วพวกเราก็เริ่มหนีออกจากบ้านพักร้อนกัน
ฉันปีนนำทุกคนข้ามกำแพงลวดหนาม แม้จะไม่ยากนัก
แต่ขาฉันก็ไปเกี่ยวกับลวดหนามและตกลงมาจากกำแพง
ขาฉันเป็นแผล มีเลือดออกเล็กน้อย และข้อเท้าเคล็ดนิดหน่อย
อีกหลายคนก็ตกลงมาเหมือนกัน
หัวหน้ากลุ่มที่อยู่เบื้องหลัง ส่งสัญญาณให้ฉันรีบวิ่งนำทางไป
ฉันเริ่มออกวิ่งไปในความมืด ไม่เห็นอะไรอยู่ข้างหน้า นอกจากป่าหญ้า
มีต้นไม้ใหญ่เป็นระยะ ฉันจะวิ่งไปหลบที่ใต้ต้นไม้เพื่อพักเป็นบางครั้ง
เมื่อหันไปมองคนอื่น ๆ ก็เห็นวิ่งทยอยตามกันมา
ฉันหวังว่าจะไม่มีใครหลงทางไปเสียก่อน เนื่องจากมืดมาก
ฉันเริ่มวิ่งอีกครั้ง แม้รู้สึกเหนื่อยและเจ็บแผล
แต่ก็ยังวิ่งต่อไปข้างหน้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจุดหมายอยู่ที่ไหน
ฉันได้ยินเสียงดังขึ้นพร้อมกับแสงไฟสว่างจากด้านหลัง มีเสียงร้องโวยวาย
ฉันหันไปมอง เห็นบางคนล้มลง มีเสียงตะโกนบอกฉันว่า
ให้วิ่งต่อไป ไม่ต้องเป็นห่วงคนอื่น
พวกนั้นยิงพวกเราจากด้านหลังได้ โดยไม่ผิดกฎ
ฉันรีบวิ่งหนีไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต
มีเสียงดังจากด้านหลังอีกหลายครั้ง อาจจะเป็นเสียงปืน
มีเสียงพวกที่หนีมา ร้องอย่างเจ็บปวด
ฉันได้ยินเสียงวิ่งตามมาอย่างกระชั้นชิด
ฉันคิดว่าคงเป็นพวกที่หนีมากับฉัน
และเมื่อฉันหันไปมอง
ฉันก็ถูกจับตัวไว้
ฉันถูกพาตัวมานั่งอยู่ที่ห้องพัก ไม่รู้ว่าคนอื่น ๆ เป็นอย่างไรบ้าง
แต่สิ่งที่ฉันไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น รุ่งเช้าคนที่บ้านฉันเดินทางมาถึง
บางที่พวกเขาอาจจะมาพาฉันกลับบ้านถ้าเมื่อคืนฉันไม่หนีไปเสียก่อน
เจ้าหน้าที่ดูแลอาจจะแจ้งคนทางบ้านของฉันว่าฉันคิดจะหลบหนีออกไปจากที่นี่
ฉันจึงไม่ได้รับอนุญาติให้กลับบ้านได้ตอนนี้
ฉันไม่มีโอกาสพูดคุยกับคนที่บ้านฉัน
ฉันอยากจะบอกพวกเขาว่าฉันไม่อยากอยู่ที่นี่
แต่ฉันก็ไม่มีโอกาสได้บอก
ฉันมองพวกเขาเดินจากไป อยู่ไกล ๆ
เมื่อพวกเขากลับไป ฉันถามเจ้าหน้าที่ว่า
เมื่อไรฉันจะได้กลับบ้าน
เขาตอบว่า
"อีกไม่นาน.."