ปริศนาการตายในห้องเช่า
สมศักดิ์เพียงรู้สึกเท้าของเขาเหยียบวัตถุบางอย่าง เป็นวินาทีที่รวดเร็วที่เขาไม่สามารถหาหลักยึดเหนี่ยวใดๆ มือของเขาไขว่คว้าอากาศไม่มีความหวังใดหลงเหลืออยู่ ศรีษะกระแทกกับพื้นห้องน้ำสนั่นดังและนั่นชีวิตปิดฉากลงเสียงน้ำที่เปิดทิ้งไว้ยังดังซู่ซ่า ล้นอ่างไหลผสมกับเลือดเป็นภาพศิลปะพริ้วไหวลงท่อระบายน้ำ
ในห้อง แผ่นกระดาษเล็กๆ บนโต๊ะทำงานถูกสายลมกรรโชกผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง หอบปลิวหล่นแหมะที่พื้นห้อง เป็นจดหมายที่พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดีด กระดาษ เอ 4 เมื่อลมโหมพัดเข้ามาอีกระลอกมันถึงกลับลอยไปรอบๆ ห้องราวเต้นรำกับสายลม แสงไฟบนโต๊ะทำงานกระพริบราวก้นหิ่งห้อย จิ้งจกบนผนังห้องร้องทักอยู่เอ็ดอึง ผ่านไปสามวันที่ศพของสมศักดิ์นอนหนาวเหยียดยาว ร่างของเขาพองอืดด้วยสภาพที่ไม่น่าดูนัก นายตำรวจปิดก๊อกน้ำและสำรวจการตายของเขาอย่างละเอียด ไม่มีมูลเหตุแห่งการฆ่าตัวตาย หรือส่อถึงการฆาตกรรมแม้แต่น้อย ที่เท้าซ้ายของเขามีรอยสีขาวจางๆ ติดอยู่ตำรวจมองดูด้วยความตั้งใจและได้ข้อสรุปทันที
เขาตายเพราะก้อนสบู่ ศพของเขาถูกเคลื่อนย้าย รอการชันพิสูจน์ศพและรอญาติที่อยู่ต่างจังหวัดมารับกลับไปบำเพ็ญกุศลไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำห้องก็กลับคืนสู่สภาพเดิม ทุกคนออกจากห้องนั้นและประตูก็ปิดลง เจ้าของตึกพักปิดประกาศหน้าห้องของเขาด้วยคำว่า ห้องว่าง
มีห้องว่างให้เช่า อนงค์อ่านป้ายที่ติดอยู่หน้าตึกด้วยความดีใจหลังจากเธอเดินหาหอพักตั้งแต่เช้าพึ่งมาได้เอาก็เกือบเย็นย่ำเสียแล้ว เมื่อเธอจ่ายตังค์ค่ามัดจำล่วงหน้า ห้องที่เคยว่างตกเป็นของเธอทันที เธอโทรศัพท์หน้าหอพักกลับไปบอกคนทางบ้านว่าได้ห้องพักแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงและอยู่ใกล้มหาลัยที่เธอจะไปเรียนด้วย ในห้องว่างมีเตียงเปล่าและตู้เสื้อผ้าเก่าๆ เอาไว้ให้ มันถูกจัดวางได้สัดส่วนเพียงแต่ว่าต้องลงมือปัดกวาดสักเล็กน้อย ห้องนี้จะกลายเป็นวิมานสำหรับเธอทันที อนงค์ก้มกวาดใต้เตียง สายตาของเธอก็ต้องหยุดอยู่ที่กระดาษแผ่นหนึ่งมันเป็นกระดาษจดหมายที่พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดีดขนาดตัวอักษร 14 เธออ่านมันด้วยความอยากรู้ หัวเราะต่อถ้อยคำจดหมาย
ไร้สาระสิ้นดี ใครกันหนอเขียนจดหมายฉบับนี้
เธอขยำและขว้างมันทิ้งลงถังขยะ ในโลกนี้ยังมีเรื่องไร้สาระแบบนี้อยู่หรือ
อนงค์กวาดห้อง ถูห้องจนสะอาด จัดข้าวของที่มีอยู่ไม่มากชิ้นเข้าที่ มองสำรวจอยู่หลายรอบขยับตรงโน้นเปลี่ยนตรงนี้จนเป็นที่พอใจเธอค่อยนั่งพักสักครู่ ไม่น่าเชื่อจัดห้องกินเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง เธอหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำเปลือยร่างรองรับน้ำจากฝักบัว สายน้ำเดินทางไปทั่วเรือนร่างห่อเธอไว้ด้วยหยาดน้ำที่พราวไหล พลันเธอได้ยินเสียงหัวเราะแหลมเล็กเหมือนเหล็กกระทบค้อนบาดเข้าไปในจิตวิญญาณ เธอปิดน้ำฝักบัวและนิ่งฟัง ไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากสายน้ำบนเรือนร่างของเธอหยดกระทบพื้น
เมื่อเธอเปิดฝักบัวเสียงหัวเราะประหลาดนั่นดังมาอีกแล้วมันผ่านเข้าไปในไขกระดูกทุกข้อในร่างกาย ที่สำคัญมันดังอยู่ในห้องของเธอ อนงค์คว้าผ้าเช็ดตัวเปิดประตูห้องน้ำโดยไว ในห้องว่างเปล่า....ไม่มีใครนอกจากเธอ เราคงหูฝาดไปเอง เธอคิด แต่เธอลืมมองถังขยะจดหมายที่เธอขยำทิ้งมันหายไปแล้ว....
หลายคืนแล้วที่อนงค์รู้สึกนอนไม่หลับ ความฝันของเธอในแต่ละค่ำคืนเต็มไปด้วยเรื่องราวของภูตผี ชายร่างใหญ่ลึกลับที่มาชวนเธอไปอยู่ด้วย หมาดำที่คอยจะกัดเธอในความฝันอันน่ากลัวนั่น เธอยังเห็นผู้คนมากมายทั้งผู้หญิง ผู้ชาย คนแก่ เด็ก คนเหล่านั้นกำลังร้องไห้ เสียงร้องไห้ของพวกเขาคล้ายดังขึ้นจริงๆ พอเธอสะดุ้งตื่นเสียงเหล่านั้นก็หายไป เหลือเพียงห้องว่างที่ขังเอาความมืดไว้กับหญิงสาว พอเธอเคลิ้มหลับเสียงร้องไห้ก็ดังขึ้นอีก ผสมผสานเสียงหัวเราะแหลมเล็กที่เสียดแทงหัวใจของเธอเสียงหัวเราะที่เหมือนเข็มนับหมื่นนับพันพุ่งเข้าใส่ร่างของเธอ อนงค์ตื่นขึ้นมากลางดึกเหงื่อซึมหลังลุกขึ้นไปล้างหน้าสลัดไล่ความฝันเหล่านั้นทิ้ง
เปิดประตูออกไปนอกระเบียงตึก เธอมองดูเมืองที่ไม่เคยหลับไหลในเวลากลางคืนแสงไฟราวดาวที่พร่างดิน สายลมเย็นหอบเอากลิ่นเหม็นพัดผ่านเข้ามา อาจมาจากโรงงานที่ใดสักแห่ง เธอคิด เธอมองฟ้าไม่เห็นดวงดาวมาเยือนเมือง เพียงเห็นสีดำเคลือบท้องฟ้าสุดลูกหูลูกตา ขณะเดียวกันเธอเพียงรู้สึกว่ามีใครสักคนยืนอยู่ข้างหลังเหมือนได้ยินเสียงลมหายใจราดรดต้นคอ สัญชาติญาณของเธอบอกอย่างนั้น อนงค์หันหน้ากลับมาทันทีเพื่อค้นหา สายตาเธอเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างเงาทะมึนค่อยๆ ขยายเป็นรูปลักษณ์พิสดาร เธอถอยหลังอย่างลืมตัวและก้าวสุดท้ายเหยียบเพียงอากาศธาตุหล่นคว้างลงมาจากตึกพักเธอเพียงเห็นกลุ่มคนทั้งหญิงและชายยืนอยู่ที่ระเบียงนั่นมองมายังเธอด้วยดวงตาอ้างว้างคล้ายดาว ดาวที่อยู่ไกลแสนไกล รุ่งเช้าร่างของเธอนอนอยู่ที่นั่นบนถนนที่คนสัญจร
นี่มันศพที่ 9 แล้ว ผมว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอน นายตำรวจหนุ่มกล่าวขึ้นกับผู้ร่วมงาน
งั้นคุณคิดว่าห้องนี้มีการฆาตกรรมทั้ง 9 ศพที่ผ่านมาล่ะสิ
ใช่ผมมั่นใจอย่างนั้นจริงๆ เพียงแต่ว่าผมหาหลักฐานมามัดฆาตกรไม่ได้เท่านั้นเอง
ถ้าเป็นการฆาตกรรมจริง มันต้องทิ้งร่องลอยเอาไว้บ้างสิ แต่นี่เปล่า
ผมมีวิธีคืนนี้ผมจะมานอนค้างคืนที่ห้องนี้ ผมจะต้องจับฆาตกรให้ได้เชื่อผมสิ ร้อยโทคมสันบอกต่อเพื่อน เอางั้นเลยหรอแต่มันเสี่ยงนะ
ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ขอเพียงผมปิดคดีนี้ได้
ร้อยโทคมสันนอนมองเพดานห้อง ในความมืดได้ยินเพียงเสียงเต้นของหัวใจและแว่วจิ้งจกร้องไม่หยุดปาก พอหยุดไปสักพักมันก็เริ่มร้องอีกผสานเสียงกันระงมห้องเป็นท่วงทำนองที่ต่างกันไปบางทีเขารู้สึกเหมือนเป็นคำพูดอันลี้ลับ ยิ่งดึกความง่วงบีบรัดให้ดวงตาเขาปิดลงสมองพร่าเลือนจากความทรงจำ เขาเคลิ้มหลับแต่ดวงตาคล้ายเห็นผู้คนมากมายยืนเรียงรายรอบเตียง มีทั้งเด็ก คนแก่ หญิงสาว ชายหนุ่ม ภาพใบหน้าของพวกเขาเปื้อนเลือด คมสันมองดูใบหน้าของแต่ล่ะคนเขาคล้ายเคยเห็นคนเหล่านี้จากที่ไหนสักแห่ง ใช่ล่ะเขาเห็นคนเหล่านี้ภายในห้องที่ซึ่งเขานอนอยู่ หญิงสาวคนสุดท้ายที่ยืนอยู่นั่นเขาเห็นเธอเมื่อเช้านี้เอง เธอเป็นคนๆ เดียวกับคนที่นอนตายบนถนน
หญิงสาวที่กระโดดตึกอย่างมีเงื่อนงำ เธอมองมาที่เขาคล้ายบอกอะไรสักอย่างแต่เขาไม่เข้าใจ ร่างของคมสันแข็งทื่อราวท่อนไม้ไม่สามารถเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่อยู่ในโอวาท คมสันเห็นฆาตกรแล้วมันเป็นเพียงเงาสายหนึ่งทาบทาบนเพดานห้องคล้ายกลุ่มควันสีดำ ค่อยๆ เคลื่อนตัวลงมาช้าๆ ยังร่างของเขา หัวใจเขาเต้นระทึกมองดูเงานั่นที่ใกล้เข้ามาและกดทับลงบนร่าง คมสันหายใจไม่ออก ลมหายใจเขาติดขัดดวงตาเบิกโพลง พยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากพันธนาการแต่ทว่าไม่มีผล ร่างของเขายังคงแข็งทื่อ ใบหน้าที่แต้มหยาดเหงื่อของการดิ้นทุรนนั้นค่อยๆ ยุติลง
ปึงๆ!!! เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น คมสันสะดุ้งตื่นเหงื่ออาบทั่วร่าง เขาหอบเหนื่อยหน้าซีดเผือด มันเป็นความฝัน ฝันที่คล้ายความจริงเอามากๆ เขาสลัดหัวไล่ฝันร้าย ลุกเดินโซเซไปเปิดประตูห้อง
หวัดดียามดึกว่ะพวก แวะเอาเบียร์เย็นๆ มาให้จิบแก้เซ็ง เพื่อนบอกพร้อมชูถุงเบียร์ในมือ
เข้ามาสิข้ากำลังต้องการเพื่อนพอดี
ทั้งสองนั่งลงที่พื้นห้องยกกระป๋องเบียร์ขึ้นจิบ
เมื่อกี้ข้าฝันร้ายซวยฉิบ ฝันเห็นพวกที่ตายในห้องมายืนอยู่รอบเตียง
คมสันบอกต่อเพื่อนใบหน้าของเขาซีดแววตาเลื่อนลอยเหมือนเขาตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง
คิดมากเลยเอามาฝันมั้ง เพื่อนบอก
แต่มันเหมือนเขาจะบอกอะไรกับข้าสักอย่าง เอ็งจำผู้หญิงคนที่ตายวันนี้ได้ไหม
จำได้สิ เขาบอกเลขเอ็งหรอ
เปล่าเธอพูดอะไรไม่รู้ คล้ายจะบอกอะไรกับข้าสักอย่างแต่ข้าไม่ได้ยิน
เอ็งอย่าบอกนะ ว่าเชื่อเรื่องผี วิญญาณอาฆาต มันมีแต่ในนิยายเท่านั้นแหละว่ะ สายลมแรงกรรโชกผ่านเข้ามาแล้วนิ่งหายไป.....
ข้าคงคิดมากไปเองอย่างที่เอ็งบอก
ทั้งสองจิบเบียร์หมดไปหลายกระป๋องจนดึกดื่น เพื่อนเขาค่อยกลับไป คมสันนอนหลับบนเตียงเหมือนตาย คืนแรกผ่านไปด้วยดี
คมสันดื่มกาแฟเข้าไปหลายแก้วในคืนที่สอง เขาเปิดไฟที่หัวเตียงทิ้งเอาไว้ ปิดหน้าต่างประตูห้องเสียแน่นหนา เขานอนบนเตียงสีขาวยกปืนในมือขึ้นมาสำรวจ มันสะท้อนแสงวาววับกับไฟโคม หากฆาตกรโผล่มาเป็นได้กินกระสุนของเขาแน่ ตีสองผ่านไปไร้วี่แววมีเพียงสายลมพัดผ่านมาวูบหนึ่งแปลกที่ห้องประตู หน้าต่างปิดล็อค แน่นหนาแล้วสายลมนั้นมาจากแห่งหนใด หอบเอากระดาษแผ่นเล็กๆ เลื่อนไหลออกมาจากใต้เตียงมันเป็นจดหมายฉบับหนึ่งที่พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดีด ตัวหมึกซีดจางเหมือนคนป่วยอมโรคมานานปี เขาหยิบแผ่นจดหมายขึ้นมาอ่าน
จดหมายลูกโซ่ ไร้สาระสิ้นดี
คมสันบ่นกับตัวเอง เขายกแผ่นกระดาษขึ้นสูงหยิบไฟแช็คหัวเตียงเพื่อจุดไฟเผาประกายไฟสีแดงระริก แต่สายลมอีกนั่นแหละพัดผ่านเข้ามาหอบเอากระดาษหลุดไปจากมือของเขา มันลอยอยู่เหนือเพดานห้อง ร้อยโทคมสันได้ยินเสียงหัวเราะแหลมเล็ก สลับเสียงร่ำไห้ออกมาจากแผ่นกระดาษนั่น มันลอยคว้างอยู่อย่างนั้น
ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย
เสียงสะท้อนออกมาจากทุกฟากของผนังห้องทั้งสี่ด้านเงาหลายสายวูบวาบขึ้นร่ายล้อมเขาอีกครั้งหนึ่ง คมสันยกปืนขึ้นเล็งไปที่แผ่นกระดาษนั่นเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด แต่นัดสุดท้ายเขาไม่อาจยิงมัน เพราะปืนได้จ่ออยู่ขมับของเขา มีอำนาจบางอย่างบังคับให้มือของคมสันหันปลายกระบอกปืนเข้าหาตัวเอง เขาพยายามจะฝืนมันแต่เขาไม่สามารถทำได้ เหงื่อไหลอาบหน้า
มือข้างซ้ายพยายามผลักมือขวาให้ห่างตัวไม่มีความหมายมันขยับเข้ามาใกล้ทุกขณะและปืนจออยู่ที่ขมับเขาเรียบร้อยแล้ว นิ้วขวาของเขาทำงานโดยอัตโนมัติสับไกปืนไปทีละนัด...ละนัด....เสียงกระชากวิญญาณ ร่างของคมสันสั่นสะท้านหัวใจเต้นระทึกนี่เรากำลังฆ่าตัวตายเหมือนคนอื่นๆ ในห้องนี้ เขาค่อยๆ ย่อตัวลงกัดนิ้วมือข้างซ้ายแล้วเอาเลือดเขียนไว้บนพื้น จดหมาย เสียงปืนดังขึ้นพอดีร่างผงะตามแรงปืน ดวงตาเบิกโพลง ลำธารเลือดสายเล็กไหลปรี่ออกมาจากรูรั่วของสมองผ่านดวงตาไหลเป็นทางยาวไปตามพื้นห้องรวมกับคำว่าจดหมายจนมันเป็นเนื้อเดียวกันและแยกไม่ออกว่ามีถ้อยคำใดๆ หลงเหลืออยู่บนพื้นห้อง
ช่วงนี้คมสันเครียดหนักไหนจะปัญหาเลิกกับเมีย ไม่ถูกกับสารวัตร แถมทำงานตรงยังกะไม้บรรทัดศัตรูก็เยอะ ผมว่ามันเครียดจัดเลยคิดฆ่าตัวตาย ตำรวจอีกคนสรุป
ประเวศเพื่อนผู้กินเบียร์ร่วมกันคืนสุดท้ายมองไปรอบๆ ศพของเพื่อนรักและเขาสังเกตเห็นแล้วว่าในคราบเลือดคล้ายมีตัวอักษรแถวหนึ่งซ่อนอยู่ภายใต้เลือดที่ฉาบทับ เขาเพ่งมองแต่ไม่รู้ว่ามันเป็นตัวอะไร เขาถ่ายรูปกองเลือดที่ไหลนั่นเก็บไว้เป็นหลักฐาน เขาเชื่อว่านี่เป็นการฆาตกรรมมิใช่ฆ่าตัวตายเด็ดขาด
ประเวศนั่งมองภาพรูปถ่ายกองเลือดและค้นหาแถวอักษร เขารู้แล้วว่าตัวแรกคือ จอจาน เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนหลังเที่ยงคืนค่อยคิดคำเหล่านี้ออกทั้งหมด จดหมาย เขาโพลงเสียงขึ้นใบหน้าเต็มไปด้วยความปลื้มปีติ เสียงระฆังเล็กๆ ที่แขวนอยู่หน้าต่างกระทบกันดังเกรียวกราว สายลมแรงวูบผ่านเข้ามา ประเวศได้กลิ่นเหม็นอันน่าสะอิดสะเอียน และเงาสายหนึ่งทาบบนผนังห้อง แต่ประเวศมองไม่เห็นเงาที่อยู่เบื้องหลังที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาหาเขา............
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตอนตีสอง
ฮัลโหล บก.หรือครับงานผมเสร็จพอดี
ชื่อเรื่องปริศนาการตายในห้องเช่า
ครับผมจะส่งเมล์ไปให้เดี๋ยวนี้
เขาวางโทรศัพท์ลง เข้าสู่โลกอินเตอร์เน็ตเตรียมส่งเรื่องสั้นที่เขียนเสร็จให้บก.นิตยสารชื่อดัง เขาส่งข้อมูลเสร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว จุดบุหรี่ขึ้นสูบสลับการจิบกาแฟขมอุ่นในแก้ว นั่งทอดอารมณ์ด้วยความสบายใจ หยิบจดหมายลูกโซ่ขึ้นมาอ่านอีกรอบ อ่านคำลงท้าย
ขอให้โชคดี พระครูวิจิตร ธรรมโชติ แล้วหัวเราะออกมาด้วยความจี้เส้น
คนบ้าที่ไหนจะเชื่อว่ะ นักเขียนนาม เล็ก ปาท่องโก๋ เปิดต้นฉบับเรื่องสั้นมาอ่านอีกรอบหนึ่ง พลันไฟดับเอาเสียดื้อๆ เล็กฯ หัวเสีย ควานหาไฟฉายก็ดันหัวเทียนขาดอีก ที่สำคัญเขาต้องการปลดทุกข์พอดี เล็กฯ เดินไปในความมืดเพื่อลงไปเข้าห้องน้ำชั้นล่างของบ้าน เขาค่อยๆ ก้าวแต่ทว่าเท้าของเขาเหยียบกับอะไรสักอย่างที่วางอยู่บนบันได เล็กฯเสียการทรงตัวร่างของเขากลิ้งตกบันไดสติดับสูญ.....ร่างนิ่งไม่ไหวติง ไฟในห้องพลันสว่างขึ้นมา เสียงที่ตามมาคือภรรยาของเขาร่ำไห้อยู่ข้างๆ......
บก.ปิดต้นฉบับได้แล้ว อ่านเรื่องสั้นของเล็กฯ ด้วยความละเมียดและยกย่องเล็กฯมาเสมอว่าอนาคตของเขาน่าจับตามอง เล็กเขียนงานให้น่าติดตาม งานของเขามีเสน่ห์จน บก.ทาบทามให้มาเขียนประจำในนิตยสารรายปักษ์ที่เขารับผิดชอบอยู่ ทำให้ยอดขายเพิ่มและทำรายได้งามให้สำนักพิมพ์ นิตยสารจะวางแผงวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ และเรื่อง
ปริศนาการตายในห้องเช่า
จะเป็นเรื่องเด่นประจำฉบับนี้ด้วยสิ บก.หนุ่มวัยสี่สิบต้นๆ เคลียร์งานทุกอย่างเรียบร้อยเขาเตรียมตัวกลับบ้านด้วยอารมณ์ดีเป็นพิเศษอย่างน้อยฉบับที่จะออกก็เรียบร้อยก่อนเวลาที่กำหนดเสียอีก การทำงานตรงต่อเวลาและทุ่มเทแรงกายแรงใจของเขาทำให้ได้รับความไว้วางใจจากทุกฝ่าย ให้รับตำแหน่ง บก. เขาปิดประตูรถเก๋งคันงาม สตาร์ทเครื่องอยู่หลายรอบแต่เครื่องยนต์มันเสียเอาดื้อๆ เขาบิดพวงกุญแจซ้ำไปซ้ำมาสุดท้ายมันก็ทำงานจนได้ เลี้ยวรถออกจากโรงจอดรถตัดผ่านถนนหลายสายเพื่อมุ่งสู่บ้านที่ซึ่งภรรยาเขารออยู่ วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานเขาเร่งรีบพิเศษและหลังเบาะรถเต็มไปด้วยของฝากที่เขาเลือกซื้อหามา
มาถึงครึ่งทางเขาเริ่มรู้สึกถึงความผิดปรกติของตัวรถ พวงมาลัยไม่สามารถบังคับมันได้อีกแล้ว เขาพยายามหักพวงมาลัยอยู่หลายรอบแต่ว่ามันไม่ขยับและแข็งราวฝังอยู่ในผาหิน วินาทีเดียวกันที่เขากำลังพยายาม รถสิบล้อก็ตัดผ่านเข้ามาเร็วแรง เสียงดังกัมปนาทรถเก๋งพังยับเยินรวมเอาเหล็กและเนี้อของเขาเข้าด้วยกันมีเพียงแหวนแต่งงานที่กลิ้งหล่นออกมาจากรถ วิ่งวนไปตามพื้นถนน วินาทีก่อนสิ้นใจบก.มองเห็นเล็กฯ และกลุ่มคนยืนเรียกชื่อเขาอยู่ใกล้ๆ ...............
นิตยสารเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครบ้างหนอจะอ่านปริศนาการตายในห้องเช่าที่ซึ่งบรรจุถ้อยคำอันเป็นอาถรรพ์ อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อนิตยสารออกนับหมื่นเล่ม.............