. . . . . อ้างว้าง . . . . . [ ภาคต่อทางความคิดและบทสรุปจาก เพื่อนตาย ]
หมายเหตุผู้เขียน :
ภายหลังจาผมเขียนเรื่อง " เพื่อนตาย " ภาพความคิดบางอย่างยังวนเวียนอยู่ในสมอง คำแนะนำจาก บ.ก. ที่บอกให้ผมลองเขียนเรื่องที่ซับซ้อนยังแว่วอยู่ในหัว แต่ผมก็ยังคงนึกไม่ออกถึงชั้นวางความซับซ้อน อาจเป็นเพราะความเป็นคนตรงไปตรงมา บอกเล่าเรื่องราวอะไรซื่อ ๆ ผมมองเข้าไปยังตัวละครของเพื่อนตาย มันยังมีเรื่องราวจริง ๆ ที่ผมอยากบอกเล่าซ่อนอยู่ ผมเขียนภาคต่อทางความคิดภาคแรก ลงไว้ในกระทู้เพื่อนตายแล้ว
แลนี่คือภาพภาคต่อทางความคิด ที่จะปิดเรื่องราวในใจผมลงอย่างสมบูรณ์
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
นายนอนร่างสั่นระริก ...
ละอองฝนที่สาดเข้ามา ใต้ชายคาร้านทำผมหน้าปากซอย ทำให้ทั้งมันและทั้งนายเปียกชุ่ม
แสงเหลืองซีดจากโคมไฟบนเสาไฟฟ้า ส่องใบหน้าที่ซีดขาวของนาย
นายขดตัวเอาแขนทั้งสองซุกไว้ที่หว่างขา แผ่นหลังเบียดเข้ากับผนังคอนกรีต
ลมหายใจของนายอ่อนแผ่ว รวยระริน ..
มันเบียดตัวเข้ากับร่างของนาย ขนกระดำกระด่าง เหม็นฉุน
มันเพียงหวังให้นายอุ่นขึ้น ทั้ง ๆ ที่มันก็หนาวแสนหนาวไม่ต่างกัน
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
มันเดินกระโพลก กระเพลกมาหลายวันแล้ว ความเจ็บปวดจากด้ามไม้กวาด
ที่กระหน่ำตีจากน้ำมือคนขายส้มตำ ด้วยความผิดโทษฐานที่มันคาบปลาดุกย่างหอมฉุย
บนแผงของเขาลงมากิน ตอนที่เขากำลังง่วนกับการทำต้มแซ่บเนื้อให้ลูกค้า
มันพยายามบอกว่า ขอโทษครับ ผมไม่มากินของร้านพี่อีกแล้ว ด้วยอาการหางจุกตูด
และเสียงร้อง เอ๋ง .. เอ๋ง และการคลานหนีอย่างยอมจำนน
แต่มันก็ไม่ได้หยุดยั้งบทลงโทษจากคนขายส้มตำ
มันก้มลงเลียน้ำที่ขังอยู่ในร่องระบายน้ำหน้าบ้านใครสักคนหนึ่ง
แว่วเสียงหัวเราะน้อย ๆ ของเด็กออกมาจากภายในบ้านที่มีแสงไฟส่องลอดรั้วออกมา
มันทรุดตัวลงนอนอย่างเหนื่อล้า ..
ดวงจันทร์ทอแสงนวลใยอยู่บนฟากฟ้า แสงที่เยียบเย็น เหมือนจะปลอบประโลมความปวดร้าว
และโดดเดี่ยว
มันครางออกมาเบา ๆ ด้วยความเจ็บปวดจากภายใน
..
เสียงแกร๊ก เบา ๆ ของประตูรั้วหน้าบ้าน และแสงสว่างที่ส่องสาดออกมา พร้อมกับใบหน้าของคน ๆ หนึ่ง
แววตาที่ดูสงบนิ่ง ทอดมองมายังมันอย่างเงียบเฉย
ก่อนจะถอยกลับเข้าไป พร้อมกับเสียงปิดประตู
มันยังคงนอนอยู่ตรงนั้น ด้วยความคิดว่า คนเมื่อสักครู่นี้คงจะไม่ว่าอะไรถ้าจะขอมันนอนพักตรงนี้สักคืน
ถ้าเขาไม่พอใจ เขาคงทำท่าทางขับไล่มันไปแล้ว
..
เสียงแกร๊ก เบา ๆ ดังมาอีกครั้ง ชามข้าวคลุกน้ำแกงต้มจืด มีหมูสับอยู่ 2 - 3 ชิ้น และชามใส่น้ำอีกใบหนึ่ง
ถูกวางลงข้าง ๆ ตัวมัน
แววตาที่สงบนิ่ง แต่อ่อนโยนทอดมองมายังมันอีกครั้ง ก่อนจะหายกลับเข้าไปภายในบ้าน
มันชันกายขึ้น ก้มลงสูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเมล็ดข้าว ก่อนจะอ้าปากส่งลำเลียงข้าวคลุกน้ำแกงชามนั้นลงกระเพาะ
นับแต่วินาทีนั้น กลิ่นอายของชายเจ้าของแววตาสงบนิ่ง ติดตรึงเข้าไปในห้วงสำนึกของมัน
และมันเรียกเขาว่า " นาย "
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
วันเวลาผ่านไป ชามข้าวใบนั้นยังคงมีเศษอาหารจากภายในบ้านนายออกมาเป็นระยะ ๆ
มันไม่ได้มีมาทุกวันหรอก บางทีก็สองวันมาที แต่กับการยังลมหายใจให้ยืดยาวต่อไป นั่นมันก็เพียงพอแล้ว
หลายครั้งที่เสียงหัวเราะของเด็กน้อยที่เคยดังแว่ว ๆ ออกมา กลับกลายเป็นเสียงของการทะเลาะทุ่มเถียง
เสียงขว้างปาสิ่งของ .. และเสียงแผดร้องจ้าด้วยความตกใจของเด็กน้อย
นายจะเปิดประตูออกมานั่งยอง ๆ หน้าบ้าน อัดควันสีเทา ๆ จากบุหรี่ในมือเข้าปอดอย่างต่อเนื่อง
มันจะเดินวนเวียนมานั่งข้าง ๆ นาย มันเห็นแววตาที่เคยสงบนิ่งแฝงความวิตกกังวลอย่างเด่นชัด
บางที .. นายก็เอามือลูบหัวมันอย่างแผ่วเบา ตอนที่หยดน้ำเล็ก ๆ ไหลลงอาบแก้ม
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
สายวันนั้น นายไม่อยู่บ้าน ผู้หญิงที่อยู่กับนายภายในบ้าน ขนกระเป๋าออกมา 2 ใบกับตะกร้าใส่ของ
กระจุกระจิกของเด็กอีก 1 ใบ แขนข้างหนึ่งอุ้มเด็กน้อย อีกข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ไว้แนบหู เหมือนจะพูดคุยอยู่กับใคร
ก่อนที่ทั้งสองจะขึ้นรถแท็กซี่ที่เลี้ยวมารับที่หน้าบ้าน
ตกตอนบ่าย มีรถปิ๊คอัพสีน้ำเงิน ขับมาจอดที่หน้าบ้าน คนในรถชะโงกหน้ามามองในบ้าน แหงนหน้ามองเลขที่บ้าน
ก่อนจะแขวนกระดาษปึกใหญ่ไว้ที่ประตูรั้ว แล้วขับรถจากไป
..
นายกลับมาเกือบค่ำ ดูท่าทางอ่อนแรง นายพลิกดูกระดาษปึกนั้นลวก ๆ อย่างไม่ค่อยสนใจ
ก่อนจะเดินหายเข้าไปในบ้าน
ชั่วครู่หนึ่ง นายวิ่งกระหืดกระหอบออกมาที่หน้าบ้าน เหลียวซ้ายแลขวาเหมือนจะหาอะไรสักอย่าง
" ลูกพ่อ .... ลูกพ่อ ... " นายตะโกนซ้ำไปซ้ำมา ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งสะอึกสะอื้นที่หน้าบ้าน
มันเดินไปนั่งข้าง ๆ นาย นายยังเปล่งเสียงร่ำไห้ปานจะขาดใจ
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ผู้คนแปลกหน้าพากันเข้าออกในบ้านนาย พวกเขาขนข้าวของของนายออกไปขึ้นรถ
นายยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่หน้าบ้าน หน้าตาดูเศร้าหมอง นายไม่พูดกับใคร นายไม่ไปไหน
ดูเหมือนนายจะตัดขาดกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว แววตานายที่เคยสงบนิ่ง แลดูเลื่อนลอย
..
พระจันทร์เสี้ยว แขวนตัวอย่างว้าเหว่กลางอากาศ นายยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น
มันเดินเข้าไปหานาย ในปากคาบถุงพลาสติกที่มีน้ำพะโล้ และไข่อยู่ครึ่งใบวางลงข้างตัวนาย
นายยังคงนั่งนิ่ง ..
มันเอาหัวไปเกยที่ตักนาย พยายามจะมุดเข้าไปใต้แขนของนาย
มันอยากให้นายลูบหัวมัน เพื่อบอกให้มันรู้ว่า นายยังรับรู้ถึงการคงอยู่ของมัน
ให้นายรู้ว่ามันจะอยู้เคียงข้างนายเสมอ
ผ่านไปอีกเนิ่นนาน หยดน้ำตาอุ่น ๆ ไหลลงกระทบจมูกของมัน
นายค่อย ๆ หยิบถุงน้ำพะโล้ และไข่ต้มที่ยังหลงเหลือ เทเข้าปาก
นายไม่พูดอะไร .. และมันไม่เคยเห็นนายพูดอะไรอีกเลย
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ร่างของนายยิ่งสั่นระริก
นายคงหนาว นายโดนฝนเปียกปอนมาหลายวัน หาอาศัยหลบตามข้างร้านค้า
นายพามันไปคุ้ยถังขยะ เก็บของเหลือใช้ที่เขาทิ้งแล้ว ของบางอย่างที่อาจจะพอมีค่า
พอที่จะไปแลกข้าวมากินกับมันสักมื้อ
เมื่อตอนบ่าย มีผู้ชายคนหนึ่ง ซื้อก๊วยเตี๋ยวไก่ให้นาย มันเห็นนายพนมมือไหว้เขา
ก่อนจะหันกลับมา นายไม่พูดอะไรสักคำ ทั้งที่จริง นายอาจจะอยากขอบคุณเขา
แต่นายเลิกพูดจากับคนมานานแล้ว
นายแกะถุงเส้นหมี่แห้ง ก่อนจะหยิบชิ้นปีกบนของไก่ ส่งให้มันกิน
กลิ่นหอม ๆ เนื้อไก่นุ่ม ๆ อุ่น ๆ ..
นายส่งชิ้นเนื้อไก่ในถุงให้มันกินจนหมด ก่อนจะเอาสองมือดันเส้นหมี่แห้งออกจากถุงเข้าปาก
แววตาที่นายมองดูมัน ช่างดูสงบนิ่งเหมือนที่มันเคยเห็น ...
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
รถปิคอัพของมูลนิธิ จอดอยู่หน้าร้านทำผมหน้าปากซอย
ร่างไร้ลมหายใจนอนสงบนิ่งอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีขาว เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย กำลังสอบปากคำเจ้าของร้าน
ไม่มีใครรู้จักผู้ตาย ไม่รู้ว่าเขามาจากไหน ยังไง
มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรนักหนากับคนจรจัดที่เป็นหวัดจนปอดบวมตายคนหนึ่ง คนที่ไม่มีเรื่องราวให้สืบค้น
สุนัขขาเป๋ตัวนั้นยังคงนั่งอยู่ข้างศพชายนิรนาม มันไม่ยอมไปไหน
ตราบจนเขาช่วยกันยกร่างของชายคนนั้นขึ้นบนท้ายรถ มันโขยกเขยกวิ่งตามพลางส่งเสียงร้องโหยหวน
...
ค่ำวันนั้น ถ้าใครผ่านหน้าปากซอยณัฑนันท์ 3 ทางเข้าหมู่บ้านศิริสุข ราว ๆ สัก 3 ทุ่ม ตอนที่ฝนโปรยปราย
คุณจะเห็นสุนัขขาเป๋ตัวหนึ่ง นั่งอยู่ใต้เงาชายคาของร้านทำผมหน้าปากซอย อย่างเดียวดาย
เหมือนรอคอยการกลับมาของใครสักคน ...