ค่าน้ำนม (วัว)
วาสนาจ้องหน้าลูกชายผู้ออกมามองโลกได้เดือนกว่าๆ ด้วยความรักที่เต็มเปี่ยมในอกของเพศแม่
รีบไปเถอะเดี๋ยวไม่ทันรถโดยสาร แม่ของเธอเดินถือขวดนมอุ่นเข้ามานั่งลงใกล้ๆ
แม่ต้องไปแล้วนะลูก เธอก้มลงหอมแก้มแดงระเรื่อของลูกชายทั้งสองข้าง ขณะที่เด็กน้อยอยู่ในห้วงนิทรารมย์อันใสสะอาด
อย่าลืมส่งเงินมาให้ข้าซื้อนมให้ลูกเอ็งเสียล่ะ นางสร้อยย้ำลูกสาว
ไม่ลืมหรอกแม่ แต่คงอีกนานกว่าหนูจะได้กลับบ้าน จะโทรมาถามข่าวบ่อยๆ ไปล่ะแม่ เธอยกมือไหว้แม่หอมแก้มลูกชายอีกครั้ง รีบโตนะเดี๋ยวแม่ซื้อของเล่นมาฝาก
ไปเถอะ รถมาแล้ว นางกวักมือเรียกรถโดยสารที่แล่นผ่านหน้าบ้าน
จอดก่อนอ้ายคมมึงไม่อยากได้เงินหรือไงว่ะ
อยากได้สิป้า โดยเฉพาะเงินป้าได้ง่ายๆ เมื่อไหร่ข้าจะเก็บเอาไปบูชาเชียว อ้ายคมยิ้มให้นางอย่างคุ้นเคย
ไม่เอาห่อข้าวหน่อยเรอะ นางถามลูก
ไม่หรอกจ๊ะไปกินที่ท่ารถก็ได้ ลูกสาวยกกระเป๋าขึ้นรถ
มีอะไรก็โทรไปบอกหนูนะแม่ เธอตะโกนบอกขณะที่รถออกตัว
เอ่อ ลูกนะไม่ต้องเป็นห่วงหรอกข้าจะเลี้ยงเป็นอย่างดี
รถแล่นออกไปไกลจนลับหาย นางถอนหายใจตักน้ำใส่ขันแช่ขวดนมอุ่นเตรียมไว้ให้หลาน
แม่สมัยนี้ไม่มีเวลาให้ลูกเลยนะยายสร้อย ไม่เหมือนสมัยเราคลอดพวกลูกๆ เลี้ยงดูปูเสื่อโตมากับมือ ยายป่านคนข้างบ้านอุ้มหลานตัวน้อยวัยไล่เลี่ยกันแวะเข้ามานั่งบนเตียงใต้ถุนเรือน ยุคสมัยมันเปลี่ยน เขาว่ายุคเราคนแก่มีลูกนะ ยายสร้อยหัวเราะอารมณ์ดี
พอมันโตขึ้นมามันก็เรียกเราว่าแม่เสียอีกน่ะ
ยายป่านหอมแก้มหลานสาวน้ำหมากสีแดงเปื้อนแก้มเห็นได้ชัดนางหัวเราะเหอะๆ เอาผ้าซิ่นเก่าที่ฉีกเป็นผ้าอ้อมขึ้นเช็ด
ทุกวันนี้เด็กมันต้องกินนมผงนมวัวกันแล้ว ไม่มีโอกาสได้กินนมแม่มันหร๊อก
ก็อย่างว่าพวกอาหารเสริมนั่นก็อีกอย่าง
ไม่เหมือนคราเราเป็นสาวท้องแรกบดกล้วยป้อนจนมันโตกันถ้วนหน้า พอเห็นเราบดกล้วยก็หาว่าล้าสมัยไปเสียอีก
ก็นั่นแหละผ้าซิ่นเก่าๆ ลูกสาวข้ามันก็ไม่อยากให้ใช้หาว่าสกปรกมีเชื้อโรคอีกแนะ ต้องได้เสียเงินซื้อไปทุกอย่าง
อย่างเช่นที่ใส่อยู่นี่เขาเรียกอะไรนะ
ข้าก็ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไรเห็นแต่ในโทรทัศน์ แวบๆ เวิดๆ อะไรนี่แหละ ยายสร้อยยิ้มเห็นฟันเปื้อนน้ำหมาก
ก็เงินเขานี่หว่าหามา ดีเหมือนกันนั่นแหละเลี้ยงหลานจะได้ไม่เงียบเหงา พอดีหลานตัวน้อยที่หลับก็ตื่นขึ้นมาร้องไห้งอแงบิดตัวไป-มา ยายสร้อยประคองหลานน้อยขึ้นมาทนุถนอม
โอ๋ๆ มาหายายมะ หิวหรือยังลูก
นางจับดูขวดนมเย็นได้ที่แล้ว ก็ให้หนูน้อยดูดกิน ดวงตาใสซื่อปราศจากกิเลสนั้นมองดูผู้เป็นยายไม่กระพริบ
แม่เอ็งไปกรุงเทพฯแล้ว ต่อไปอยู่กับยายเนาะ นางหอมแก้มหลานชายอีกฟอดใหญ่
ข้ากลับบ้านก่อนล่ะยายสร้อย สงสัยตาแก้วกลับมาแล้วเผื่อได้ปลาจะได้ทำกลับข้าวไปวัดไปวา
ยายป่านเดินจากไปอุ้มหลานน้อยแนบอกด้วยความรักไม่แพ้ผู้เป็นแม่บังเกิดเกล้า ดวงอาทิตย์ลอยตัวขึ้นสูงแล้วฝูงวัวควายต้อนออกนอกทุ่งฝูงสุดท้ายเดินหายลับทางโค้งตีนบ้าน
ชีวิตยายสร้อยและหลานชายผู้โตวันโตคืนยังคงหมุนเวียนอยู่อย่างนี้ เมื่อไหร่ที่เจ้าหลานชายป่วยยามดึกเป็นอันไม่ได้นอน เฝ้าประคบประหงมด้วยมืออันหยาบกร้านนี้เลี้ยงดูด้วยสายใยแห่งรัก ผ้าขาวม้าผืนเก่าของตาเขียวนั่นก็กลายมาเป็นเปลไกว กลิ่นน้ำเยี่ยวยังคงฟุ้งผสมกลิ่นเด็กอ่อน ข้างบนนั่นก็ปลาตะเพียนสานจนสีเปลี่ยนเป็นแห้งเกรียม ยามลมร้อนหนาวของฤดูกาลพัดผ่านมันจะแหวกว่ายไปในอากาศ ยายสร้อยเฝ้ามองความเจริญเติบโตของหลานรัก ตั้งแต่หัดนั่ง หัดคลาน หัดยืน ล้มลุกคลุกคลานเป็นภาพที่น่ารัก น่าจดจำ นอกจากกินนมวัวแล้ว ยังมีกล้วยน้ำว้าที่แขวนอยู่ในครัวอีกเครือใหญ่ ช่วงฤดูทำนาก็พาหลานรักลงทุ่งลงท่าซึมซับความเป็นชาวนาไปในตัว กระท่อมปลายนาจึงมีอุปกรณ์เด็กอ่อนอยู่ด้วยเสมอ กว่าจะได้ลงกล้าหว่านดำ ก็รอให้หลานชายตัวน้อยหลับเสียก่อน ผ้าขาวม้าของตาจะผูกโยงเอาเสากระท่อมไว้รวมกัน เพลงกล่อมเด็กจะไหวแว่ว แววตาของหนูน้อยจะขยับฉายประกายแห่งความบริสุทธิ์ ฟังเพลงของยายพร้อมการแกว่งไกวของเปลนอน
เอ่ เอ้แม่ไปไฮ่สิเอาไก่มาหา แม่ไปนาสิเอาปลามาป้อน
เพลงกล่อมเด็กยังคงกล่อมต้นกล้าที่เขียวสะบัดใบในทุ่งกว้างมันไกวตัวเอนลู่ตามเสียงเพลง ความเป็นแม่อาจสื่อถึงกันได้ในทุกสรรพสิ่ง เมื่อหลานรักหลับลงผู้เป็นยายก็ลงทุ่งลงท่า ช่วยตาเขียวผู้ร่วมทุกข์ร่วมยากกันทำนา
ลูกเรามันไม่มีใครอยากทำนากันสักคน ตาเขียวเอ่ยขึ้น
ชาวนามันยากจนเอ็งก็รู้นี่ พอได้กินไปปีๆ เท่านั้นเอง
โตขึ้นให้หลานเรานี่ล่ะมาทำนาช่วยตาบ้าง ตาเขียวยิ้มให้ยายสร้อย
มันพอรู้ความ ก็เข้ากรุงเทพฯไปอยู่กับพ่อแม่มัน นี่ก็ไม่กลับมาเยี่ยมลูกนานแล้ว
งานกรุงเทพฯมันทำให้ครอบครัวไม่มีเวลาให้กันเหมือนเดิม ไม่เหมือนลูกเราเนาะตาเขียวเลี้ยงเองโตมากับมือกินหอยกินปู ไม่เห็นว่ามันจะไม่โต
ยุคสมัยมันเปลี่ยนทุ่งนามันก็เปลี่ยนกลายเป็นทุ่งอะไรข้าก็ยากจะเดาไม่แน่นาอาจมีไว้ปลูกโรงงาน
ข้าต้องขึ้นก่อนล่ะ บักหล้ามันตื่นแล้ว ร้องงอแงคงหิว
เอาปลาดุกในถังปิ้งให้มันกินกลับข้าวเหนียวก็ได้นะโตขึ้นจะได้รู้คุณค่าของผืนนา
ตาเขียวยังคงก้มถอนกล้า พอได้กำมือใหญ่ๆ แล้วก็เตะทีหนึ่งให้ดินโคลนที่จับหลุดร่วง วางแยกไว้เป็นมัดรอการเอาไปปักดำ พอเหนื่อยก็นั่งยองๆ ที่คูคันนามวนยาเส้นสูบ ดินโคลนจับกันเป็นคราบขาวโพลนตามเนื้อตัวแก แต่ตาเขียวไม่เคยรังเกียจมัน แกรักโคลน รักนา รักกลิ่นหอมของต้นกล้า รักทุกอย่างที่แกสร้างมันมากลับมือ
พอตะวันยอแสงก็เก็บอุปกรณ์ต่างๆ ขึ้นรถไถนา หลานชายดูจะเบิกบานเมื่อสายลมเย็นพัดผ่าน หนูน้อยกระโดดโลดเต้นไปมาบนตักของยาย เมื่อเห็นฝูงวัวกลุ่มใหญ่เดินผ่าน เจ้าหนูจะยิ้มร่ามองดูฝูงวัวด้วยความประหลาดตา
วัว ยายสร้อยพูดคำนี้ซ้ำไปซ้ำมา และชี้ให้หลานดู
นั่นลูกวัว
พร้อมร้องเสียง มอ มอ มอ
ให้หลานฟัง หลานชายวัยเกือบขวบปีหัวเราะเผยเห็นฟันซี่เล็กๆ เหมือนฟันกระต่าย ชี้มืออวบอ้วนไปยังฝูงวัว
เอ้อเอ็งนี่ท่าทางจะอยากเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย เห็นรถเห็นเรือมันร้องไห้แต่พอเห็นวัวเห็นควายมันชอบใจนะตา
ยายสร้อยพูดด้วยเสียงอันดังแข่งกับเสียงของเครื่องคูโบต้าที่กระหึ่มก้องควันโขมง ตกร่องทีก็กระดอนแทบกระเด็นให้กระดูกกรอบอย่างพวกแกเคล็ดขัดยอก
หลานเรามันคงไม่ชอบเมืองอย่างลูกหลานคนอื่น ไอ้นี่มันชอบทุ่งนา พอเดินได้น๊า ข้าจะซื่อรถให้มันไถ่นาสักคัน ซื้อลูกวัวให้มันเลี้ยง ตาเขียวหัวเราะอารมณ์ดี
นี่แกไม่คิดจะส่งให้มันเรียนปริญญากับเขาเลยหรือว่ะ
เรียนก็เรียนได้อยู่ แต่ปริญญามันสอนให้ลูกหลานเราลืมทุ่งนาเสียหมด
ไม่มีคำพูดใดผุดขึ้นมาอีก สายลมเย็นพัดต้องใบหน้าให้ชื่นอยู่ในอก ภาพเด็กชายเด็กหญิงตัวน้อยถือกระเป๋าใบใหญ่เดินตัวเอียงข้างถนน พวกเขาจะเดินไปสู่ทิศทางใดหนอของชีวิตวันข้างหน้า หลานชายยังคงกระโดดโลดเต้นขณะตายายนิ่งคิดถึงวันข้างหน้าของผู้เป็นหลาน เมื่อวิ่งเข้าตัวหมู่บ้านเครื่องก็ชะลอช้า แถวสี่แยกเต็มไปด้วยฝูงวัว คน,หมา และเครื่องจักร, คนขายอาหาร
เอ็งดูสิ ตั้งแต่กับข้าวกับปลาทุกวันนี้คนบ้านเรามันก็ยังไม่อยากทำกินกัน ตาเขียวเปรยขึ้น
แม่บ้านถุงพลาสติก เสียงเพลงฝรั่งมังค่าจากบ้านริมทางดังอยู่เอ็ดอึง
วัวควายมันก็ยังได้ฟังเพลงฝรั่ง ต่อไปสงสัยไม่พูดภาษาอังกฤษกันให้ชาวนาปวดหัวหรือว่ะ
ตาเขียวหัวเราะอารมณ์ดี ชีวิตของชาวบ้านก็คงเป็นเช่นนี้หมุนซ้ำในวัฏจักรเดิมๆ ตื่นเช้าก็ไปลงนา พอเย็นก็กลับเข้าหมู่บ้านทั้งคนทั้งวัวควาย มืดหน่อยก็ออกันเต็มหน้าจอทีวีดูละครก่อนข่าว หลังข่าว ยายสร้อยก็ติดละครช่องเจ็ด เหนื่อยจากการทำนาขนาดไหนก็ต้องดู ดีไม่ดีร้องไห้กับนางเอก คราถูกตัวร้ายตบ
มันทำไมหน้าสงสารจังน๊ออีนางเอกคนงาม วันไหนก็ถูกแต่พวกนางอิจฉาตบจนแก้มช้ำเอ็งว่าไหมตา
ข้าไม่ชอบละคร ข้าชอบดูข่าว ตอบไม่ได้หรอก
มือของตาเขียวยังคงวุ่นอยู่กับการสานแห บ่อยครั้งแกขยับแว่นตาหนาเตอะที่ซื้อมาจากตลาดในราคาแสนถูก
เอ็งมันมัวแต่สนเรื่องนักการเมือง ว่าเขาจะเอาความหวังอะไรมาให้พวกเราอีกล่ะสิอย่าพูดมากเลยข้าดูละครไม่รู้เรื่อง
พอละครจบฉากชีวิตก็จบลงเช่นกัน ผ่านไปหนึ่งวัน หนึ่งวันของชาวนาที่เรียบง่ายแต่ต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อ หลานรักหลับตั้งแต่ละครเริ่มเล่น ดีหน่อยมันไม่ใช่เด็กงอแงเลี้ยงง่าย กินง่าย ยายสร้อยตื่นห่มผ้าให้หลานคืนล่ะหลายรอบ กลัวว่าจะเจ็บไข้ได้ป่วย แต่หลานชายก็ช่างถีบช่างยันผ้าผ่อนให้หลุดลุ่ยอยู่เป็นประจำ
หลานเรามันนอนดิ้น โตขึ้น ท่าทางจะขยันทำนา
สองตายาย พูดกันแผ่วเบาแล้วแสงไฟก็ดับดวง รอแสงอาทิตย์ของยามเช้ามาเหย้าเยือน
เช้าของอีกวันฝูงวัวยังคงปล่อยออกจากคอก ชาวบ้านหลั่งกันลงนา
มะ มะ
หลานรักขยับปากน้อยๆ ยายเขียวยิ้มด้วยความสุขใจ
ตาเขียวหลานเอ็งมันพูดได้แล้ว มันจะเรียกแม่นะ
ยายสร้อยอุ้มหลานขึ้นมาจากดินฝุ่น
มันก็น่าจะพูดได้แล้วล่ะ นี่ก็ขวบกว่าๆ แล้ว นมถ้าพอให้มันเลิกก็เลิกกินเถอะ ให้กินข้าวแทนมันจะได้แข็งแรงและขยันทำนา
มันไม่ได้กินนมแม่ก็เลยว่าจะให้กินนมผงต่ออีกสักพักก่อนคงไม่เป็นไรหรอกตา เด็กทุกวันนี้กินนมผงนมกล่องกันทั้งนั้นแหละโตขนาดไหนมันก็ยังกินกันอยู่ โรงเรียนยังแจกเด็กกินเลย เขาว่าเด็กแถวบ้านเรามันไม่เจริญเติบโตเหมือนเด็กในเมืองเพราะไม่ได้กินนม เด็กจะฉลาดเพราะว่ากินนมนี่แหละ
หลานเราให้มันกินข้าวเหนียว ต้มไข่ก็พอแล้วมันจะได้รู้จักคุณค่าของเม็ดข้าว
หลานชายแรกหัดเดินก็สนุกกับการเดินได้ให้ยายสร้อยปวดหัวกลัวว่าออกถนนหนทางรถจะชนเอา
ปล่อยให้มันเดินเถอะ พอโตขึ้นมันก็ขี้เกียจเดินเองนั่นแหละว่ะ
ตาเขียวบอกผู้เป็นเมีย บนถนนรถมอเตอร์ไซค์ของเด็กหนุ่มเฟี้ยวผ่านไป&&..
เห็นไกลๆ โน่นรถโดยสารเที่ยวแรกเข้าหมู่บ้าน
อีนางเห็นทีจะมากลับรถเที่ยวนี้ล่ะตา
ดีอยู่หรอกมาตอนลูกเรียกแม่ได้พอดี
ตาเขียวยังคงสาละวนเตรียมของลงนา จัดแจงยกกล่องข้าวเหนียว พริก มะละกอ ขึ้นรถ รถโดยสารจอดแล้ว ลูกสาวของนางหิ้วกระเป๋าใบโตเดินเข้ามาด้วยใบหน้าแต้มสุขเมื่อเห็นลูกชายวัยน่ารัก กำลังเดินเตาะแตะ
มะ มะ ให้แม่หอมให้ชื่นใจหน่อย
นางวางกระเป๋ายื่นมือไปหาลูกชาย เจ้าหนูน้อยร้องไห้เมื่ออยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ดิ้นเร่าๆ อยู่ในอก
มันยังไม่รู้นะว่าเอ็งเป็นแม่
นางวางลูกลง ยกมือไหว้ผู้เป็นพ่อกับแม่
วันนี้อยู่เลี้ยงลูกที่บ้านนี่แหละ เดี๋ยวพ่อกับแม่จะไปนาก่อน ลูกเอ็งมันจะได้รู้จักแม่
นางสร้อยบอกต่อผู้เป็นลูกสาวเก็บข้าวของขึ้นรถไถนา ตาเขียวถอยรถออกมาจากใต้ถุนบ้าน ยายสร้อยก้าวขึ้นข้างหลังรถพร้อมถุงหมากในมือ แดดอ่อนเริ่มแย้มดวงสาดผ่านกลีบเมฆขาว พาดผ่านใบหน้าของยายสร้อยเป็นหลุมลึกนางเหมือนภาพวาดหมึกจีนที่แสงและเงาตัดกันอย่างรุนแรง
วาสนาเอากระเป๋าวางไว้บนแคร่ใต้ถุนเรือน นางย่อตัวลงนั่งชันเข่ามองลูกชายด้วยดวงตาของผู้เป็นแม่ ลูกชายวัยหัดยืนยังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยดวงตาหวาดหวั่นต่อคนแปลกหน้าผู้แอบอ้างว่าเป็นแม่ตน ฝั่งตรงข้ามคือฝูงวัวกำลังย่ำไปบนถนน เด็กน้อยมองฝูงวัวด้วยรอยยิ้มดวงตาฉายแววดีใจมือกวัดแกว่งไปมา วาสนายื่นมือเข้าหาลูก
มาหาแม่ มะ เธอยิ้ม
เรียกแม่สิจ๊ะ แม่ แม่
เด็กน้อยเผยปาก มะ มะ มะ
แม่จ๊ะ แม่ นี่แม่
เธอชี้มือใส่ตัวเองที่เห็นลูกจะเรียกคำว่าแม่ช่างเป็นห้วงเวลาที่ยิ่งใหญ่สำหรับแม่ทุกคน ฝูงวัวยังคงเดินเอื่อย เด็กน้อยจ้องมองที่ฝูงวัวพลันร้องขึ้น
มอ มอ มอ
แล้วก้าวเท้าคู่เล็กนั้นตามฝูงวัวไป แม่วัวหยุดมองร้องขานรับ
มอ
เป็นเสียงยาวกู่ไกลและเป็นเสียงของผู้เป็นแม่อย่างแท้จริง
นางมองวัว มองกระป๋องนมวัวที่ตั้งอยู่บนแคร่ เธอเพียงเห็นรูปวัวข้างกระป๋องยิ้มเยาะอยู่ในทีแบบผู้ชนะ&..