บ.ก.หนวดรูปงามกับพี่หมี่เป็ดคนเดียวกัน
๑
ผมวางรูปของทั้งสองคนทาบทับกันแล้วยกขึ้นส่องกับไฟนีออน
เส้นรูปหน้าคาบเกี่ยวแทบจะพอดีกัน
ผมใจเต้นระทึก สิ่งที่ผมคาดว่าใช่ ใกล้จะพิสูจน์ได้แล้ว
ผมยังไม่อยากปักใจเชื่อเสียทีเดียว
ผมวางรูปของทั้งสองคนลงบนโต๊ะ แล้วถอยห่างออกมามองอีกที
รูปบ.ก.หนวดรูปงามทางซ้ายเป็นภาพขนาดโปสเตอร์ที่ผมได้มาจากร้านค้า
ส่วนรูปพี่หมี่เป็ดเป็นภาพที่ผมนำมาถ่ายเอกสารขยายขึ้นจากขนาดจริงที่ผมมีอยู่
หนวดโค้งของบ.ก.ปกปิดช่วงปากบนไว้ แววตาจริงจังแต่แฝงไว้ด้วยความอบอุ่น
ทรงผมแสกข้างไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ติ่งหูเร้นลู่ไปทางด้านหลัง
ส่วนรูปของพี่หมี่ที่ไม่ค่อยชัดนัก แต่ก็คมเข้มด้วยสีหน้าที่จริงจัง
โหนกคิ้วซ้ายยกสูงแบบชะง่อนผา
ประวัติส่วนตัวของทั้งสองคนที่ผมได้มา เมื่อนำมาเทียบกันดูแล้ว
ไม่ผิดแน่!!
เรื่องนี้คงจะไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
ผมนี่แหละ เป็นคนแรก ที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ สู่สาธารณะชน..
ส่วนสูง น้ำหนัก อาหารที่ชอบ ผู้หญิงในสเป็ก ล้วนคล้ายคลึงกัน
ข้อมูลเหล่านี้แม้ผมต้องเสียเงินจ้างนักสืบในราคาที่แพงลิบลิ่ว
แต่มันก็คุ้มค่ากับที่ได้ลงทุนไป
หลักฐานชั้นดีเหล่านี้ ถูกเก็บรวบรวมไว้ในกระเป๋าเอกสารที่แข็งแรงทนทาน
มันเป็นข้อมูลที่ผมจะนำไปใช้ต่อรองกับบ.ก.หนวด
หรือผมจะไปต่อรองกับพี่หมี่ก่อนดีนะ
แต่มานึกดูอีกที พวกหนังสือพิพม์คงจะชอบข่าวนี้ทีเดียว
ผมนั่งกอดกระเป๋าไว้แน่น
คิดไม่ตกว่าจะหาประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่นี้ยังไงดี
ให้มันได้ผลตอบแทนสูงสุด
ทั้งหมดนี้ มันมาจากความสามารถของผม
เป็นข้อมูลที่ไม่มีใครที่จะคิดค้นได้
และเมื่อเวลานั้นมาถึง ผมจะต้องโด่งดัง ผู้คนจะต้องยกย่องเชิดชูผม..
โอ้ว..สุดยอด
๒
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมกับรีบควานหากระเป๋าหนังที่ตัวเองกอดอยู่
เมื่อเห็นมันยังอยู่ชิดกับอกก็อุ่นใจ
โทรศัพท์มือถือที่สั่นจนตกลงมาจากโต๊ะ ยังสั่นอยู่อย่างนั้น
ทำไมผมไม่เปิดเสียงไว้นะ
ผมเปิดฟังข้อความที่มีคนฝากไว้
มีคนติดต่อเข้ามา สองคน
เป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเลย
อาจจะเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ของบ.ก.หนวด
หรืออาจจะเป็นพวกหุ้นส่วนร้านหมี่เป็ดของพี่หมี่
บางทีอาจจะเป็นหนังสือพิมพ์หัวสี
พวกนี้จมูกไวสมกับมีหัวมีตาอยู่ทุกที
ไม่ ๆ ผมจะยังไม่โทรกลับไป
ต้องทำเป็นไม่สนใจ ต้องโก่งราคาให้แพงลิบ
ให้มันสมกับราคามันสมองของผม
ใครจะต้องการข้อมูลนี้มากที่สุดกันนะ
ผมแหงนมองนาฬิกาที่ข้างฝา
สี่ทุ่มสิบห้า โอ้ว เวลาดีจริง ๆ ละครหลังข่าวจบพอดี
กำลังจะมีข่าวบันเทิง พวกชาวบ้านมักจะเผลอกันมากช่วงนี้
เป็นโอกาสเหมาะที่ผมจะชิงลงมือตอนนี้
ผมหยิบแว่นดำขึ้นมาสวม
ดึกป่านนี้ใส่แว่นดำอาจจะเป็นพิรุธ
แต่ถ้าไม่พรางตัว ผู้คนคงจะจำผมได้แน่
คงจะไม่มากไป ที่ผมจะหยิบวิกผมยาวหยิกเป็นรอนมาสวมทับอีกที
เสื้อคลุมยาวสีแดง ในคืนที่เมฆบังจันทร์
ผมกระโจนออกทั้งหน้าต่าง โดยล็อคประตูจากรีโมทคอลโทล
แสงไฟจากสองข้างถนนยังรอคอยให้เงาผมวิ่งผ่านไป
เอสเอ็มเอสส่งข้อความบอกที่นัดหมาย
สวนสาธารณะสี่บึง ห่างจากร้านหมี่เป็ดไปเพียงเจ็ดกิโล
ผมหวังเพียงว่าคนที่นัดผมไปพบ
จะไม่ใช่คนที่ผมคิดไว้...
๓
เลือดผมสาดกระจายสลายหายไปในอากาศ
จริง ๆ แล้วผมก็ยังไม่แน่ใจนักว่านั่นยังคงเป็นเลือดผมอยู่หรือป่าว
ถ้าลำดับกันให้ดี อาจจะเป็นเลือดคนอื่นที่ยุงตัวนั้นดูดมา
แต่คงจะมีเลือดผมผสมอยู่ด้วยแน่นอน
ยุงพเนจรสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาดอมดมผิวหนังที่อ่อนไหวของผมไม่ซ้ำหน้า
เสียงบินสั่นอากาศข้างหูแล้วจากไป
เลยเวลานัดหมายมาสิบกว่านาทีเห็นจะได้
สวนสาธาณะเวลาห้าทุ่มเศษ เงียบสนิทเหมือนห้องน้ำที่มีศพคนตาย
ผมวิ่งออกมาจากบ้านมา ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะมาถึงที่นี่
เหงื่อชุ่มยังลุม ๆ อยู่ในเนื้อผ้า
เสียงหมาหอนแววอยู่ไกล ๆ ราวไร้ที่มา
ผมล่ะเบื่อช่วงเวลาแบบนี้เสียจริง
การรออย่างไม่มีความหวัง แต่เต็มไปด้วยความหวัง..
แต่ผมเจอมาเยอะแล้ว ชาชินมันนาน
จนลืมไปว่ารออะไรอยู่ แล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเหมือนทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้ ผมก็ยังตั้งใจเต็มที่
เหมือนทุกครั้ง ว่าครั้งนี้ คงจะไม่เหมือนครั้งที่ผ่าน ๆ มา
ครั้งนี้ ผมจะทำให้สำเร็จ และผมจะได้ก้าวไปอีกขั้น
ผมจะต้องยิ่งใหญ่!!
นั่นไงล่ะ..
เงาคนโผล่ออกมาจากเงาไม้
แล้วตรงมาที่ผม
ผมกำกระเป๋าไว้แน่น พยายามควบคุมอารมณ์ตื่นเต้นไว้ให้คงที่
"คุณคือขนมเน่าสินะ"
เสียงผู้หญิง
ผมเดาไม่ถูกว่าเธอมาจากฝ่ายไหน
แต่ไม่คิดว่าพวกเขาจะส่งผู้หญิงมาติดต่อกับผม
หรือบางที พวกเขาอาจจะสืบเรื่องส่วนตัวของผมมาพอสมควร
ผมอาจจะมีจุดอ่อนกับผู้หญิง
" ใช่ครับ.."
ผมตอบไปแค่นั้น รอว่าเธอจะพูดอะไรต่อ
"มายืนทำอะไรมืด ๆ คนเดียวแบบนี้ล่ะ"
ผมงงและเกือบจะโมโหนิด ๆ กับคำถามของเธอ
(ก็มึงเป็นคนนัดกูมาไงเล่า อีห่าเอ้ย..)
แต่เมื่อมาไตร่ตรองดูให้ดีในเสี้ยววินาที บางทีเธออาจจะไม่ใช่คนที่นัดผมไว้
บางทีเธออาจจะผ่านมาเฉย ๆ
ใช่แล้ว เธอคงแค่เดินผ่านมา
แล้วบังเอิญรู้จักผม จึงแวะมาทักทาย คงจะแค่นั้น
ผมเสยผมปลอม แล้วปรับระดับเสียงให้เพราะขึ้นตอบเธอไป
"แหมอุตส่าห์ปลอมตัว ยังจำเราได้อีกเหรอ เรารู้จักเธอไหมน่ะ.."
"ไม่รู้หรอก แต่เรารู้จักเธอดี เราเป็นตัวแทนจากร้านบะหมี่ของพี่หมี่เป็ด"
"อ้าว.." ผมเผลอร้องออกมาทั้งที่ไม่ตั้งใจจะให้มีเสียงออกมา
" พอดีว่าพี่หมี่ มีผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ เป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ทางเราต้องการจะเจาะตลาดวัยรุ่น ซึ่งมีการแข่งขันสูงมาก
เราจึงไม่ต้องการมือสมัครเล่น พี่หมี่เน้นมาว่า ต้องการมืออาชีพเท่านั้น
แล้วท่าน(พี่หมี่) ก็ระบุมาเลยว่าต้องเป็นขนมเน่าเท่านั้น"
"ให้.. ผมทำอะไรเหรอ"
" พี่หมี่อยากจะได้โลโก้ที่หน้าซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งเน้นคุณค่าทางอาหาร
เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วรู้สึกเหมือนอยู่ในสรวงสวรรค์ ซองสีสันงดงาม
ลวดลายซับซ้อนซ่อนความอ่อนช้อยไว้อย่างแยบยล
เส้นบะหมี่ที่พร้อมจะพริ้วไหวไปกับสายธารน้ำแกงที่ไหลเอื่อยไปกับกระเทียมเจียวอ่อน ๆ "
ผมเคลิ้มฝันไปกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของพี่หมี่
"และที่สำคัญนะ ต้องมีรูปของพี่หมี่อยู่ที่หน้าซองด้วย"
ผมคิดขึ้นมาได้ว่า ผมมีภาพของพี่หมี่อยู่ในกระเป๋า
ถ้าหยิบออกมาให้เธอดู บางทีเราอาจจะคุยงานกันได้ง่ายขึ้น
ผมเปิดกระเป๋าออกแล้ว วางรูปลงบนพื้น
เล่าถึงความเป็นมาของรูปพี่หมี่ที่ผมมีอยู่
"ผมว่าภาพนี้ มีคุณค่าพอที่จะนำมาใช้เป็นโลโก้ได้นะครับ หรือคุณคริดว่าไง " ลิ้นผมสะบัด
"อืม สวยทีด้วย "
เธอก้มลงไปดูภาพพี่หมี่ที่พื้น
ในแสงสลัวเสื้อคอกว้างที่ซ่อนผิวพรรณเร้นลับไว้ในนั้น
ผมพยายามจะเพ่งมองลอดผมเส้นที่ปรกลงมา
เส้นยาวสลวยปลิวไปมาซ้ายขวาเป็นจังหวะ
ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น และผมไม่อาจเคลื่อนสายตาไปไหนได้
ผมรู้ตัวว่าโดนสะกดจิต
ผมจมเข้าไปหลุมเส้นผมดำมืด เหมือนดูดและกลืนกิน
เบียดเสียดและสอดแทรกความอึดอัด ผมรู้สึกคลื่นเหียน
ไขว่คว้าหาอากาศหายใจ
ผมฉุดกระชากลากตัวเองหนีออกมาจากความกลัว
แต่กลับถลาล้มลงในบึงยะเยือกกลางสวน
น้ำในบ่อเริ่มหมุนวนอย่างรุนแรง
ผมถูกปั่นไปพร้อมข้อมูลที่ผมรวบรวมมาอย่างยากลำบาก
พี่หมี่อายุยี่สิบเจ็ด สูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเอ็ด หนักห้าสิบสอง
บ.ก.หนวดอายุเจ็ดสิบเอ็ด สูงหนึ่งร้อยห้าสิบสาม หนักแปดสิบแปด
บ.ก.หนวดมีลูกสามคน พี่หมี่ยังไม่แต่งงาน หนังสือพิมพ์ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
และ..
เธอ
ที่จากไปโดยไม่ทิ้งอะไรไว้เลย
๔
ผมตื่นขึ้นมาที่เตียงตัวเดิม
น้ำตาไหลไม่ใช่เพียงเพราะหาว
ผมเพียงแค่อยากจะเป็นตัวของตัวเองดูบ้าง
อยากให้คนรู้จักผมอย่างที่ตัวผมเป็นจริง ๆ
บางทีผมอาจจะไม่รู้จักวิธีที่จะแสดงตัว
ไม่รู้จักวิธีที่จะสื่อสารกับผู้คน
จริง ๆ แล้วผมเกลียดสังคม
แต่ผมต้องสนใจสังคม
มันเป็นเรื่องทางกายภาพ
ผมเอื้อมมือไปกดปุ่มอะไรสักอย่างข้างเตียง
ไม่นานนักเสียงเพลงของพี่หมี่ก็ดังกังวานไปทั่วทั้งห้อง
ห้องที่มีซากศพอยู่ในห้องน้ำ
บนเพดานมีขยะความคิดที่กองทับถมรอวันพังทลายลงมา
ผมฉีกซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
เครี้ยวเส้นกรอบเกรียวให้เข้ากับจังหวะเสียงเพลง
ผมปลอมยาวหยิก เช้านี้ กลายเป็นวิกผมตรง
ผมหยิบขึ้นมาดม กลิ่นอ่อน ๆ ของเธอยังวนเวียนอยู่
มันไม่ใช่เรื่องทางกายภาพ