ลูกแมวตัวที่สี่…
คุณแม่เป็นคนชอบเลี้ยงสัตว์มาก นั่นอาจจะทำให้ท่านเป็นคนอารมณ์ดี ผมเลยเติบโตมากับบ้านที่เต็มไปด้วยแมวเกือบ 20 ตัว นก ปลา ไก่ และสัตว์อะไรต่อมิอะไร ที่หลงเข้ามาในบ้าน คุณแม่เคยบอกผมว่า เค้าผ่านเข้ามาพึ่งบุญเรา เลี้ยงไปเถอะลูก วันหนึ่งเราจะได้มีคนเกื้อหนุน& ความเชื่อของผู้ใหญ่ ที่ทำให้เด็กๆฟังแล้วรู้สึกดี สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
ทุกครั้งที่แมวในบ้านออกลูก พวกเราพี่น้อง 3 คนจะดีใจ รีบแย่งกันเป็นเจ้าของ และตั้งชื่อให้ลูกแมวเกิดใหม่ มีอยู่วันหนึ่ง สามสี แมวที่มีอายุมากที่สุดในบ้าน อุ้มท้องโย แอบไปคลอดลูกออกมาได้ 4 ตัวที่ใต้บันได เรา 3 คนพี่น้อง คอยย่องลงไปดูอยู่บ่อยๆ แม้ว่าแม่จะคอยห้ามไว้&
อย่าเพิ่งไปกวนมันสิลูก ให้มันพักผ่อน&
ในที่สุดพี่ๆของผมเลือกลูกแมวสีสวยๆไปก่อน 2 ตัว เพราะใต้บันไดมืดมาก จนผมไม่กล้าลงไปดู เหลือลูกแมวอีก 2 ตัว ซึ่งมีอยู่ตัวหนึ่ง คลอดออกมาตัวเล็กมาก ดูอ่อนแอ จนแม่คิดว่ามันคงจะไม่รอดแน่ๆ แม่ถามว่า ผมจะเลือกตัวไหน ผมนิ่งไม่ตอบ& แม่มองผมอย่างพยายามเดาว่า ในใจของผมคิดอะไรอยู่& สุดท้ายผมก็บอกแม่ว่า ขอเลือกตัวเล็ก ที่ดูไม่ค่อยสบาย แม่ถามผมว่า
ทำไมไม่เลือกอีกตัวละลูก สีสวยกว่าตั้งเยอะ
แข็งแรงกว่าด้วย
เลือกตัวที่ไม่สบาย สงสารมัน อย่างน้อยถ้ามันตาย
มันจะได้มีความสุข ก่อนที่มันตายนะแม่นะ&
ผมตอบแม่อย่างไม่เต็มน้ำเสียง เพราะในใจก็นึกอยากได้ตัวที่แข็งแรงกว่าอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ตัดใจเลือกไม่ได้ ผมเลยตั้งชื่อลูกแมวตัวที่ 4 ว่า มิ๊กกี้ ด้วยความที่มันตัวเล็กมาก เหมือนตัวการ์ตูนที่ผมชอบ วันเวลาผ่านไป พี่ๆผมมีความสุขกับลูกแมวของเค้า ที่โตวันโตคืน วิ่งซน และว่องไว ส่วนผมต้องคอยดูแลไอ้มิ๊กกี้ คอยให้กินข้าว กินน้ำ และพยายามไม่ให้มันเดินซุ่มซ่าม ออกไปนอกถนน พี่ๆชอบเรียกมันว่า&
ไอ้หนูผี เพราะมันโตไม่ทันตัวอื่นๆเค้าเลย&
พอถูกล้อบ่อยๆเข้า ผมเลยต้องแอบพามันไปเล่นกับผม ที่สวนหลังบ้านตามลำพัง แม้ว่ามันจะชอบเดินขาเป๋ แต่มันก็ทำให้ผมหัวเราะ ได้ทุกครั้งที่มันพยายามเดินเข้ามาหา ผมมีความสุขเวลาที่อยู่เล่นกับมัน ตาโตกลมใส
มองมาที่ผม เหมือนพยายามจะบอกอะไรสักอย่าง&
ผมดูแลมันอยู่นานพอสมควร มันกลับเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ ผมพยายามให้ข้าวให้น้ำมันเท่าที่ทำได้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรๆดีขึ้น ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมไม่อยากไปโรงเรียนเลย นึกถึงมัน แม้ในช่วงเวลาที่เล่นสนุกอยู่กับเพื่อนๆ พอกลับมาถึงบ้าน เวลาดูทีวี ก็ต้องเอามันมานอนข้างๆ บนหมอนนุ่มๆ
มันชอบนอนมองหน้าผม กระดิกหางไปมา&
วันหนึ่ง คุณพ่อพาทุกคนไปเยี่ยมคุณย่าที่ต่างจังหวัด พวกเราได้ไปเล่นน้ำทะเล สนุกมากๆ พอกลับมาถึงบ้าน ก็ตัวดำปี๋ตามประสาเด็กๆ หลังจากได้คุยเล่นกับคุณป้าที่มาช่วยเฝ้าบ้านกันอย่างสนุกสนาน ผมก็นึกถึงไอ้มิ๊กกี้ขึ้นมาทันที ก็มัวแต่ไปเที่ยวซะเพลิน แต่พยายามเรียกหาอย่างไร ก็ไม่เห็นมีแมวตัวเล็กขาเป๋เดินออกมา เดินดูในที่ๆ มันควรจะอยู่ก็หาไม่เจอ สักพัก คุณป้าก็เดินมาบอกว่า
เอ่อ& ไอ้แมวตัวเล็ก ที่เหมือนหนูผีนั่นหน่ะ
มันตายแล้วนะ&
ความรู้สึกสูญเสียพุ่งขึ้นมาจุแน่นที่หน้าอก ผมเสียใจมาก รู้สึกผิด เหมือนว่าผมทิ้งมันไป&
รู้สึกผิด ว่าถ้าผมอยู่กับมัน มันอาจจะยังไม่ตาย ในความคิดของเด็กๆ ผมโกรธพ่อ แม่ ป้า และพี่ๆที่เคยชอบล้อเลียนมัน ผมงอนอยู่นานเป็นอาทิตย์ๆ จนวันหนึ่ง ป้าก็เล่าให้ฟังว่า ไอ้มิ๊กกี้มันก็แปลกนะ เดินก็ไม่ค่อยจะไหว แต่ก่อนตาย มันยังพยายามคลานขึ้นบนชั้นสอง ไปตายอยู่หน้าห้องของผม&
สงสัย& มันอยากจะขึ้นไปบอกลาเราล่ะมั้ง&
ทันทีที่ป้าพูดจบ ความรู้สึกโกรธเสียใจที่เคยมี ก็จางหายไป ความรู้สึกถึงความสุข ความสบายใจเริ่มก่อตัวขึ้น เหมือนมีลมเย็นพัดผ่านผมไปอย่างเบาบาง ผมนึกถึงภาพของไอ้มิ๊กกี้ ท่าเดินเป๋ๆ ตาโตกลมใส ที่เคยจ้องมองมาแล้วผมไม่เคยเข้าใจว่ามันพยายามจะบอกอะไร ผมคิดว่าผมรู้แล้ว มันคงอยากจะบอกผมว่า&.
ขอบคุณที่ดูแลมันอย่างดีมาตลอดเวลา&
มันก็มีความสุข& ขอบคุณ&
วันนี้กำลังจะผ่านไปอีกวันแล้วครับ&