เรื่องเล่าวันแม่ " ที่สุดของรัก ........... "
กลางตะวันที่แผดแสง ดุจจะเผาไหม้กายและใจให้มอดไหม้
หญิงชราล้มกายลงข้างรถเข็นสี่ล้อ ที่บรรจุของเก่าปรี่เปี่ยมไปทั้งคัน
นางหายใจระโหยอ่อน
สีหน้าซีดเผือก มุมปากที่มิดเม้ม ราวจะข่มกลั้นความปวดร้าว
ที่ประเดประดังมาจากภายในกาย
กลางตะวันที่แผดร้อน กลางแสงที่รีดเค้นหยาดเหงื่อ และความเป็นคน
ออกมาเผาไหม้ราวเตาหลอมเหล็กกล้า
ที่รีดเค้นความแข็งแกร่งของเนื้อเหล็ก ออกมาเป็นศาตราวุธที่เฉือนเส้นผมขาด
แต่คน .. ไม่ใช่เหล็ก ไม่ใช่ไหล
ที่แม้ยามถูกเปลวเพลิงโหมกระหน่ำ จนกายแผดร้อน
จะยังคงรูปทรง รอรับการทุบตีขึ้นรูป
ให้ดัดโค้งไปตามดั่งใจ
ตามลิขิตของโชคชะตา ...............................
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
" ทราบมั้ยครับ ว่าคนเจ็บ เป็นใคร อยู่ที่ไหน ? "
สายตาที่ลอดผ่านแว่น จดจ้องที่หน้าบุคคลที่อยู่เบื้องหน้า
ผู้ที่ดูไปเหมือนจะอยากพ้นไปจากภาระที่ตัวไม่ได้จำเป็นต้องรับ คำถามที่ไม่จำเป็นต้องตอบ
" ผมไม่ทราบเหมือนกัน ผมเห็นยายแกล้มอยู่ข้างทาง
ผมก็พามาส่ง ส่วนที่แกเป็นใคร ชื่ออะไร ญาติพี่น้องอยู่ไหน ผมก็ไม่รู้หรอก "
คุณหมอถอนหายใจยาว .. กับคำตอบของชายที่อยู่ในชุดเสื้อกั๊ก
ที่มีเบอร์หราอยู่กลางหลังว่า
" 4 วินต้นโพธิ์ "
จะให้ถามอะไร กับชีวิตคนหาเช้ากินค่ำ ที่ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างอยู่
แค่ความเกื้อกูลที่เขามีให้คนที่ไม่รู้จักคนหนึ่ง ที่ล้มกายลงข้างทาง
แล้วเขาพามาถึงสถานพยาบาล มันก็น่าจะมากพอแล้ว
" แกเพ้อตลอดเวลาว่า ลูกเอ๊ย เดี๋ยวแม่ปัดมดให้ ผมเลยสงสัยว่าแกมีลูกอยู่ด้วย "
คุณหมอส่งสายตาถามชายที่นั่งกระสับกระส่าย ตามคำถามจากปาก
เขาลุกขึ้นจดจ้องมาอย่างวางเฉย
" ผมไม่ได้มีเวลามาตอบคำถามสำรวจสำมะโนประชากรว่าใคร อยู่กันที่ไหน
มีลูกกี่คน ผมแค่ทำตามหน้าที่ของคน ๆ นึง ที่ไม่อาจเห็นใครนอนตายข้างถนน
แล้วผมเองก็มีลูกเมีย ที่รอค่าวิ่งรถของผมไปเป็นค่าข้าว... ผมแค่อยากจะรู้ว่า ผมจะไปได้รึยัง "
คุณหมอถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยอ่อน เขาไม่จำเป็นยต้องรับภาระอะไรพรรค์นี้จริง ๆ ..
" ถ้าทราบว่า ยายแกเป็นใคร อยู่ที่ไหน ช่วยกลับมาบอกผมด้วยก็แล้วกัน "
ชายในชุดวินมอเตอร์ไซค์ พยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะหันกายออกจากห้อง
แทบจะเป็นวินาทีเดียวที่พยาบาลในชุดขาววิ่งสวนเข้ามา
" หมอ .. คนไข้ชัก "
หมอหนุ่มวิ่งพุ่งออกไปราวติดจรวด
แว่วเสียงจากห้องตรวจในคลีนิคเล็ก ๆ ...
" ลูกเอ๊ยยย.. มดกัดตาเอ็งแล้ว ........... มา ... เดี๋ยวแม่ปัดให้ "
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ไซเรนที่ไหววาบวับ เหนือหลังคาของรถมูลนิธิ ยังวิ่งวน เหมือนจะไม่มีวันหยุด
แต่ที่หยุดนิ่ง คือลมหายใจของร่างที่ถูกคลุมด้วยผ้าขาว
นอนบนเปลออกมาจากห้องเช่า
ห้องที่เล็กกระจิ๊ดริด ราวรังหนู
ที่กลิ่นอับชื้นลอยคละคลุ้งไปทั่ว ปนกลิ่นฟอร์มาลีน
หมอหนุ่มเดินออกมาอย่างเงียบงัน พลันแหงนหน้ามองไปเบื้องบน ราวกับจะหาคำตอบ
" คนเป็นอัมพฤต ตายคาห้องเช่า เพราะอดอาหาร หมอก็ไม่ต้องผ่าชัณสูตรต่อไม่ใช่เรอะ
แล้วทำไมทำหน้าเหมือนโลกแม่งกำลังจะถล่มอย่างนั้น "
ร้อยเวร ตบไหล่ข้างซ้ายของหมอเบา ๆ อย่างคุ้นเคย
การตาย การเป็น ของใคร .. ก็ของใคร แกเห็นมาเยอะ
แต่ตลอดเวลาที่เคยร่วมงานกับหมอ แกไม่เคยเห็นหมอออกอาการแบบนี้
" เดือนก่อน .. มีหญิงชรา เข็นรถเก็บของเก่า ถูกส่งมาที่คลีนิคผม ด้วยอาการ
เส้นเลือดในสมองแตกเฉียบพลัน "
หมอหนุ่ม ถอดแว่นออกมาเช็ด พลางจ้องไปที่แววตาของสารวัตรสอบสวน
" ตลอดเวลาที่แกยังมีลมหายใจ แกเพ้อแต่ ลูกเอ๊ยย .. เดี๋ยวแม่ปัดมดให้ "
" แล้วไง ........ " สารวัตรยังคงมองหาคำตอบจากคุณหมอ
" แล้วไง ..... ก็นี่ไง ศพที่คุณพบนี่แหละ เสียชีวิตมาในระยะเวลาเดียวกัน
เป็นคนไข้อัมพฤต ที่ขยับกายไปไหนไม่ได้ อายุห่างจากหญิงชราที่ไปเสียชีวิต
ที่คลีนิคผมประมาณ 20 กว่าปีมีร่องรอยที่บ่งบอกว่า ก่อนแกจะตาย มดไต่ตอมมากิน
อะไรสักอย่างที่ไหลจากตาของแก "
" แค่เนี๊ยะ ... ที่คุณเห็นว่าสองศพนี่เกี่ยวข้องกัน " สารวัตร ถอดหมวกออกเกาศรีษะอย่างผิดหวัง
....
เกี่ยวกันมั้ย.... ???
คุณว่าไง