นักปราชญ์ในดงกล้วย
การปรากฏตัวของนักปราชญ์ทำให้ชาวบ้านตื่นเต้นยิ่งนัก โดยการค้นพบของยายน้อย เมื่อนางจะเข้าไปตัดเครือกล้วยน้ำว้าในสวน นางบอกต่อเพื่อนบ้านว่านางเห็นเทวดา ผู้ไม่ยึดติดในโลก ผู้หลุดจากปัจจัยสี่ ผู้อยู่เหนือมวลมนุษย์ทั้งปวง คำสรรเสริญของนางควรจะเอ่ยเฉพาะในโบสถ์เท่านั้นเพราะมันคล้ายบทสวดเข้าไปทุกที
เราจะไปสักการะบวงสรวงปราชญ์ด้วยอาหารคาวหวานอันประณีต นานแล้วที่นักบุญไม่ผ่านมาแถวนี้ ผู้ใหญ่บ้านเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการรวบรวมอาหารหวานคาวไปถวายให้ปราชญ์ผู้ลุสัจธรรมแห่งชีวิต ทิวแถวชาวบ้านมุ่งตรงมายังดงกล้วย ที่ซึ่งปราชญ์อาศัย พวกเขาควรจะเรียกมันว่า
อาศรมกล้วย
ฝีเท้าของชาวบ้านแผ่วเบาเมื่อเข้าใกล้ดงกล้วย พวกเขากระซิบบอกต่อกัน ลูกเด็กเล็กแดงดำคล้ายก็เข้าใจต่างเงียบกริบ ซบอกผู้เป็นแม่ ปลายเท้าค่อยๆ ย่องเข้าไปเมื่อถึงหน้าอาศรมกล้วย พวกเขาต่างคุกเข่าลง กราบไหว้ และวางถาดอาหารหวานคาว
ท่านปราชญ์ข้าผู้ใหญ่ลี นำอาหารหวานคาวมาสักการะ โปรดรับอาหารของพวกเราชาวนาด้วยเถิด ไม่มีเสียงขานตอบ ได้ยินเพียงกล้วยกระทบใบตามแรงลม ไม่มีใครพูดอะไรต่างนิ่งฟังเสียงของปราชญ์
ไอ้ปราชญ์ เอ๊ย !ท่านปราชญ์อันเป็นที่สักการะของปวงมนุษย์ ผู้อยู่เหนือห้วงแห่งความเป็น และความตาย ผู้คาดคะเนอนาคตได้ราวตาเห็น ผู้ซึ่งไม่ปฏิเสธศรัทธาแห่งปวงข้า โปรดท่านกล่าววาจาอันศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นมิ่งหูของชาวบ้านด้วยเถิด
ผู้ใหญ่ลียกมือพนมเหนือหัว เสียงลมวูบแรงผ่านออกมาจากดงกล้วย ต้องยกมือป้องหน้า กระแสลมไหลผ่านร่างของทุกคน ดงกล้วยตกอยู่ในความเงียบ......
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ฮิๆๆๆๆๆๆๆๆ ฮุ๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงหัวเราะของปราชญ์ ดังกังวานราวฟ้าคำราม ใบกล้วยเองก็คล้ายน้อมคารวะปราชญ์อยู่ในที
เสียงของท่านปราชญ์ ช่างทรงเสน่ห์นัก ถ้ามีดนตรีเห็นทีชาวบ้านจะลุกขึ้นฟ้อนกันให้ม่วนซื่นโฮแซว ทุกคนก้มกราบโดยพร้อมเพรียงเหนือผืนดินที่แต้มกองขี้ควาย
โอม ปะดึ๊ก ปะดึ๋ย ปะได๋ ปะด๋อง ปะด๋าว ปะดู๋ ปะดี๋ ปะเด๋ย ปะเดี๋ยง ด้วยอำนาจแห่งรักและภักดีจงอวยพรให้แก่ศรัทธาของชาวนาผู้เขลาเหล่านี้ด้วยเถิด
ชาวบ้านต่างขนลุกเกรียวกราว เมื่อได้รับฟังคาถาอันประหลาดราวส่งเสียงมาจากป่าหิมพานต์ หรือเทือกเขาสุเมรุอันไกลโพ้น
ปีติยิ่งแล้วท่านปราชญ์ คาถาของท่านสะกดความทุกข์เอาไว้ มีแต่ปีติสุขเท่านั้นที่เกิดแก่พวกข้า
ตอนนี้สายแล้วท่านปราชญ์ ควรจะทานอะไรก่อน ไม่งั้นจะเป็นลมเอาได้นะขอรับ
อืม..ข้าเองไม่กินอะไรมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว หลังขึ้นไปบำเพ็ญบุญบนเทือกเขาหิมาลัย ลูกเอ๋ย พวกเจ้าคงไม่รู้หรอกว่ากระเพาะของพ่อถูกตัดขาดถวายผู้เป็นศาสดาไปแล้ว กระนั้นเพื่อดำรงอยู่ซึ่งศรัทธาพ่อจะรับเอาไว้ แต่จะเข้ามาได้เพียงคนเดียวเท่านั้น พ่อไม่ชอบคนหมู่มาก ความสงบ จะนำมาซึ่งสมาธิอันแกร่งกล้าของพ่อ
ผู้ใหญ่บ้านเป็นคนอาสาโดยตำแหน่งเพื่อเข้าไปพบปะปราชญ์โปรด มือที่ถืออาหารหวานคาวสั่นประหงกเมื่อเดินลึกเข้าไปคนเดียวในดงกล้วย ที่คล้ายอาณาจักรแห่งวิญญาณหรือวิหารเข้าไปทุกที
ท่านพ่อปราชญ์ท่านอยู่แห่งหนใด วอนบอกต่อลูกช้างน่ารักด้วย
พ่ออยู่ในใจเจ้าลูกเอ๋ย พ่ออยู่ในศรัทธาของเจ้า พ่ออยู่ในจิตวิญญาณของเจ้า พ่อไม่เคยแยกห่างจากเจ้า ลมหายใจของพ่อคือเลือดเนื้อของเจ้า
ผู้ใหญ่ลีตามเสียงนั่นไปราวต้องมนต์ เสียงแสกสากของใบกล้วยทำให้ผู้ใหญ่ลีสะดุ้งตกใจอยู่หลายคราครั้ง จนเดินเข้าไปถึงตรงกลางของดงกล้วย ก็เห็นแล้วซึ่งท่านปราชญ์ ต้องชะงักอ้าปากค้าง ตาโปน ใจหยุดเต้นชั่วขณะ กลายเป็นรูปปั้นดินเหนียวไปทันที
วางอาหารลงเถิดลูกและหุบปากอันค้างคาของลูกนั่นเสีย เพราะแมลงวันอาจบินเข้าไปวางไข่แห่งความชั่วร้ายได้และที่ซึ่งสุนัขจะแอบอ้างเอาปากของลูกเป็นที่พึ่ง พ่อไม่อยากให้ลูกมัวหมองด้วยเพียงการพบพ่อ ปราชญ์ยังคงหลับตาพริ้ม ใบหน้านั้นนิ่งสงัด ร่างเหยียดตรงราวหลักกิโลเมตร ผู้ใหญ่ได้สติวางถาดอาหารหวานคาวลง กราบจรดพื้นอีกครั้ง
ร่างของท่านช่างสง่างามนัก เป็นผู้ไม่ยึดติดในทรัพย์ ไม่หลงในรูป ไม่มัวเมาในกลิ่น ไม่สนต่อมายาโลก ท่านช่างน่าศรัทธา ขอกราบแถมท้ายอีกสักห้าครั้งเถิดพ่อปราชญ์
อืม กราบเถิดลูก ศรัทธาจะนำมาซึ่งสวรรค์
ปราชญ์ยกมือขึ้นลูบที่หัวล้านของผู้ใหญ่ลีด้วยความเอ็นดู
เอาล่ะลูกเงียบไว้ พ่อจะทำพิธีกรรมแห่งหนทางบุญ นิ่งฟังลูก หัวใจจงคิดถึงแต่พ่อเอาไว้แล้วลูกจะพบกับสันติอันนำมาซึ่งโชคลาภสักการะทั้งปวง
ผู้ใหญ่ลีเคลิ้ม ดวงตาเลื่อนลอยไปสู่สวรรค์ นักปราชญ์ชูมือทั้งสองขึ้นสู่เบื้องบน แหงนหน้าอันอุดมไปด้วยหนวดเครายาวจรดพื้น หลับตา ปากขมุบขมิบ
พลัน!! ร่างนั้นสั่นจากเบาก็เริ่มแรงขึ้น แรงขึ้น ใบหน้าของปราชญ์กลายเป็นพร่าเลือนตามแรงสั่นที่แรงขึ้น จนกระทั่งล้มหงายไปด้านหลัง กลิ้งเกลือกไปกับพื้นใบตองกล้วย ส่งเสียงคำรามเหมือนสัตว์ดึกดำบรรพ์แล้วดีดตัวขึ้นเต้นเหมือนชาวเผ่า ผู้ใหญ่ลีเห็นแบบนั้นยิ่งศรัทธาปราศจากเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น แล้วรออยู่คุยกับปราชญ์จนทานอาหารเสร็จ จึงเดินออกมาจากดงกล้วย ด้วยใบหน้าที่เต็มด้วยศรัทธาล้นพ้น
คืนนี้ปราชญ์จะให้ลาภแด่พวกเราพ่อแม่พี่น้องชาวบ้านหนองปลาข่อน ท่านจะเสกคาถาลงต้นกล้วยทุกต้น ท่านช่างน่าเลื่อมใสนัก ข้าไม่เคยเห็นใครจะน่าศรัทธาเท่านี้มาก่อน พูดแล้วก็สาธุอีกหน ขอให้ท่านปราชญ์จงคุ้มครอง
เป็นไงท่านพ่อผู้ใหญ่ ท่านชี้ทางสว่างอะไรให้แก่เราบ้าง หรือท่านให้ปริศนาธรรมมาฝากพวกเราบ้างหรือไม่
ลูกบ้านถามขึ้นด้วยอยากรู้และอิจฉาผู้ใหญ่ลีได้พบปราชญ์เพียงคนเดียวเท่านั้น
คำพูดของท่านมันคล้ายแทรกผ่านมาในหัวใจของข้าและดำรงอยู่เป็นนิรันดร์ ท่านเคร่งครัดนักต่อพิธีกรรม เป็นผู้ทรงศีลโดยแท้ ถ้าท่านไม่เดินทางจาริกบุญที่ไหน ข้าจะสร้างอาศรมให้ท่านปราชญ์อยู่ในดงกล้วยแห่งนี้เสียเลย
ผู้ใหญ่ลีหยุดสูดลมหายใจเข้าอกแล้วพูดต่อว่า
คืนนี้อย่าลืมหนา พวกเอ็งทั้งหลายใครอยากได้ลาภ ได้เงินได้ทอง จงพากันมารวมตัวกันที่แห่งนี้อีกครั้งหนึ่ง ท่านปราชญ์จะเรียกเทพผู้รักษาดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว มาโปรดพวกเราทุกคน
เสียงโห่ร้องแห่งศรัทธาดังสนั่นดงกล้วย พร้อมพากันกราบลงบนพื้นอีกครา เมื่อชาวบ้านกลับไปหมดแล้ว เหล่าแมลงเริ่มมายังกองขี้ควายอีกครั้ง
ไม่เพียงแต่ชาวบ้านหนองปลาข่อนเท่านั้น ข่าวนี้ยังแพร่ไปถึงชาวบ้านใกล้เรือนเคียง ข่าวของปราชญ์จะให้ลาภคืนวันที่ 15 เป็นนิมิตอันดียิ่ง พอถึงวันที่ 16 รัฐบาลจะประกาศผลสลากกินแบ่งให้หัวอกชาวบ้านได้ขยาย เสียงขบวนรถไถนาที่บรรจุประชากรคนจนของประเทศชาติบางส่วน ต่างพากันแต่งตัวเรียบร้อยพาดผ้าขาวบนบ่า เตรียมธูปเทียนของหอม ดอกไม้หลากชนิด จตุปัจจัยเพื่อถวายเป็นบุญแก่ปราชญ์ผู้ลุโสดาแห่งชีวิต
ข้ามาจากบ้านไกล ขอล่วงหน้าไปก่อนนะพ่อผู้ใหญ่ลี
เสียงของคนบนรถไถนาดังเข้ามาในบ้านผู้ใหญ่
เอ็งจอดรถไว้ห่างดงกล้วยด้วยนะอ้ายทิด เสียงของมนุษย์จะทำให้ปราชญ์ท่านไม่พอใจ อาจเกิดอาเพศกำสรวลแก่ชาวบ้านของข้าได้
เข้าใจแล้วพ่อผู้ใหญ่ คืนนี้เห็นทีข้าจะรวยแล้ว
เสียงของรถผ่านไปทางท้ายบ้าน ขบวนแล้ว ขบวนเล่าบางบ้านก็ไม่ยอมกินข้าวกินปลาเพื่อที่จะไปนั่งรอตั้งแต่อาทิตย์ตกดิน ชาวบ้านร่วมร้อยแน่นขนัด รอบอาศรมดงกล้วย หลายคนปูผ้าข้าวม้าแล้วก้มกราบเข้าไปยังดงกล้วย หวังว่าปราชญ์จะรับรู้และให้โชคลาภแก่ตนผ่านกระแสจิต
เรามาถึงประตูแห่งเงินทองแล้วพ่อแม่พี่น้อง ศรัทธาจะนำมาซึ่งหนทางแห่งสวรรค์ และโปรดนิ่งอยู่ในความสงบราวการเดินทางของน้ำค้างเถิด ข้าผู้ใหญ่ลีจะเข้าไปในดงกล้วยนั่น เพื่อพบปราชญ์และจะออกมาพร้อมข่าวดี ตอนนี้สิ่งที่พวกเจ้าควรทำ ควรสวดมนต์เถิด
ว่าแล้วผู้ใหญ่ลีก็เริ่มต้นมนต์
โอม ปะดึ๊ก ปะดึ๋ย ปะได๋ ปะด๋อง ปะด๋าว ปะดู๋ ปะดี๋ ปะเด๋ย ปะเดี๋ยง ท่านปราชญ์จงมอบโชคลาภแก่ชาวบ้านเถิด สาธุ๊
เสียงสวดกระหึ่มขึ้น จากปากต่อปากจนครบร้อยปาก ฟังแล้วคล้ายวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ได้มาอยู่ที่นี่แล้ว
เจ้าทำดีมากลูกเอ๋ย... พ่อรักเจ้านัก เข้ามาใกล้ๆ ให้พ่อลูบหัวเจ้าสิ
ผู้ใหญ่ลีเขยิบเข้าใกล้ ด้วยความเต็มใจ ว่าแล้วปราชญ์ก็เอาก้านกล้วยแห้ง แตะที่หัว ที่แก้ม ที่บ่า ที่หัวใจ ที่สะดือ ที่ขาทั้งสองข้าง พร้อมกับเริ่มสวดมนต์โบราณเป็นเสียงสวดที่ไม่อาจเข้าใจในมนุษย์โลก เดินรอบๆ ผู้ใหญ่ไป-มา แล้วฟาดก้านกล้วยสุดแรงเกิดไปบนหัวล้านของพ่อผู้ใหญ่จนแดงเถือก
เอาละพ่อได้เปิดจุดต่างๆ ในร่างกายของเจ้าแล้ว ต่อไปเจ้าจะไม่ใช่คนธรรมดา เจ้ากลายเป็นผู้มีดวงตาวิเศษ ดูท้องฟ้าโน่นสิลูก เจ้าเห็นอะไรบ้างไหม
เปล่าพ่อปราชญ์ ลูกไม่เห็นอะไร
อืม
แล้วปราชญ์ก็ฟาดก้านกล้วยอีกก้านลงบนหัวผู้ใหญ่เสียงสนั่นดัง
เห็นหรือยังลูก
ข้าเห็นแล้วพ่อปราชญ์ เห็นแล้ว อู๊ยยยย
ผู้ใหญ่ลียกมือลูบหัว พลางเพ่งตามองฟ้ายามราตรี เห็นรูปเทพต่างๆ ลอยอยู่เต็มฟ้าเหมือนดาวแต้มอยู่ปลายนิ้วมือ สิ่งที่แกเคยคิดเคยฝันล้วนปรากฏบนฟ้าอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งบ้านที่จะสร้างใหม่ และคล้ายเงินจำนวนมหาศาลหล่นมาจากฟ้า ผู้ใหญ่ลียกมือไขว่คว้าอย่างลืมตัว
ตื่นได้แล้วลูก
ผู้ใหญ่ลียกมือเช็ดน้ำลายที่ไหลด้วยฝันเมื่อครู่
นี่ขอรับ จตุปัจจัยที่ชาวบ้านนำมาถวายแด่ท่านปราชญ์
ผู้ใหญ่ลียกขันใบใหญ่ที่จุเต็มไปด้วยใบเงินหลากสี ปราชญ์ชำเลืองดูในขัน กลืนน้ำลายเหนียวลงคอ หลับตา
ทรัพย์ทำให้พ่อไม่เห็นซึ่งทางสายแห่งความหลุดพ้น พ่อรับไม่ได้หรอกลูกเอ๋ย เจ้าจงเอากลับไปเถิด แต่ว่า...
ไม่มีแต่จงเอากลับไปสู่สถานที่มันมา เงินทำให้ใจของพ่อเปื้อน
งั้นลูกขอไปปรึกษาชาวบ้านดูก่อน ผู้ใหญ่ถอยออกไปเพื่อกลับมาหารือกับชาวบ้าน
ท่านช่างดีงามนัก ข้ามีแต่จะถวายเพิ่มเป็นแท้
ข้าก็เช่นกัน เห็นไหมท่านปราชญ์ไม่หลงใหลในเงินทอง มีแต่ทำบุญกับบุคคลเยี่ยงนี้แล้ว พวกเราจะได้ขึ้นสวรรค์กัน
ข้าขอปลดทองคำที่คอนี่ให้ท่านเลย เพื่อบ่งบอกว่าข้าศรัทธาแก่ท่านปราชญ์ยิ่งนัก
เอ็งคนบ้านโคกเต่า หยามคนบ้านหนองปลาข่อนไปแล้ว ข้าเองก็จะถวายทองคำ 2 บาท นี่ให้ท่านปราชญ์
พร้อมปลดทองคำออกจากคออย่างไม่เสียดายใส่ขัน เสียงคนบ้านหนองปลาข่อน โห่ร้องอื้ออึงบ้างก็เทเงินทั้งกระเป๋าลงไป หมู่บ้านอื่นๆ ก็ทำเช่นเดียวกัน เทเงินจนหมดกระเป๋าไม่ให้เหลือค้างสักแดงเดียว
เอาละข้าจะอ้อนวอนให้ปราชญ์ท่านรับ ถ้าท่านปฏิเสธพวกเราจะไม่ยอมไปไหน ขอคุกเข่าไม่ยอมลุกไปไหนอยู่ที่นี่ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ดีๆ ข้าเห็นด้วยพ่อผู้ใหญ่ หลายสิบเสียงสนับสนุน
ปราชญ์ในชุดใบตองกล้วยแห้งยืนถือก้านกล้วยหันหลัง แหงนหน้าดูฟากฟ้า
พ่อไม่อยากรับเอาเสียเลย แต่เพื่อเป็นการรักษาซึ่งศรัทธาอันดีงามของพวกสูเจ้า พ่อจะรับเอาไว้ ท่านช่างดีหลาย พ่อปราชญ์ผู้เลอเลิศประเสริฐศิลป์ กราบนับครั้งไม่ถ้วนจนหน้ามืด
เอาล่ะให้ชาวบ้านเตรียมแป้งไว้ พ่อจะปลุกเสกคาถาใส่ต้นกล้วยทุกต้นในป่านี้ แล้วอย่าให้ใครเข้ามาใกล้พ่อขณะทำพิธี เพราะพ่อต้องถอดจิตไปเข้ากับต้นกล้วยทุกต้นไม่ใช่เรื่องง่ายเอาเสียเลยลูกเอ๋ย หากพ่อตายลูกจงเอาศพพ่อไปทิ้งลงแม่น้ำคงคาเถิด แล้วควักเอาหัวใจของพ่อไปไว้ ณ ยอดเขาหิมาลัย ดวงตาของพ่อจงฝากไปกับอะพอลโล่ 11 ส่วนจิตวิญญาณของพ่อจะอยู่กับพวกเจ้านิรันดร์
ผู้ใหญ่บ้านถึงกลับน้ำตาไหลพรากแก้ม
พ่อปราชญ์ช่างเป็นผู้เสียสละนัก ลูกช้างลีขอนับถือท่านจนกว่าดวงตะวันจะดับแสง
เอาละเจ้าออกไปได้แล้วพ่อจะทำพิธีให้ทุกคนประจำอยู่กับต้นกล้วยได้เลยลูกเอ๋ย ต้นกล้วยในป่านี้คงพอให้พวกเจ้าได้จับจ้องเพียงชั่วข้ามคืน เมื่อพ่อให้สัญญาณพวกเจ้าจงใช้แป้งปะลงต้นกล้วยเถิด สิ่งที่ลูกอยากจะพบจะปรากฏขึ้นมา ทั้งรางวัลที่หนึ่ง เลขท้ายสามตัว สองตัว จะขึ้นมาราวตาเห็นแล้วร่างของพ่อจะสลายไปในสายลมทางทิศตะวันออก อย่าร้องไห้เพราะพ่อเลยลูกเอ๋ย น้ำตาแห่งเจ้ามิอาจชุบชีวิตพ่อได้ สิ่งเดียวที่ชุบชีวิตพ่อได้ คือศรัทธาที่พวกเจ้าทั้งหลายมีแด่พ่อ
เมื่อผู้ใหญ่บ้านออกไปไกลโข ปราชญ์ก็มองดูขันที่บรรจุด้วยเงินทองนั้นแทบตาทะลักออกมานอกเบ้า กรอบเงินทั้งหมดเข้ากระเป๋าที่เตรียมไว้หลังกอกล้วย พร้อมเปลี่ยนชุดเสร็จสรรพ หนวดเคราที่ยาวก็ถอดเก็บ เตรียมตัวเดินทางกับเงินจำนวนมาก ปากก็บ่นเสียงสวดคลอแล้วแต่ปากตนจะคิดได้ให้ดังออกไปนอกดงกล้วย แต่เผอิญปราชญ์ปวดขี้
ชาวบ้านต่างพนมมือรับฟังด้วยศรัทธา ยิ่งได้ฟังสิ่งที่ผู้ใหญ่ลีบอกล่าว ศรัทธาที่มีให้ก็ทวีคูณ เมื่อสิ้นเสียงสวด ก็ได้ยินเสียงกรู่ร้องยาวนานไปกับสายลม
พ่อไปแล้วลูกเอ๋ย สวรรค์มารับพ่อแล้ว
เท่านั้นชาวบ้านต่างร่ำไห้ตามๆ กัน
อย่าให้ปราชญ์ท่านตายเปล่าพวกเจ้าจงเข้าไปในดงกล้วยนั่นเถิด วิญญาณของปราชญ์ได้ถอดออกจากร่างสิงสู่ต้นกล้วยทุกต้น แป้งในมือพวกเอ็งจงปะทินโฉมให้ท่านได้หอมไปถึงสวรรค์เถิด ทิวแถวชาวบ้านแยกย้ายไปประจำต้นกล้วย เทียนในมือถูกจุดดวงแล้วดวงเล่า จนสว่างไปทั้งดงกล้วย
ขอรางวัลที่หนึ่งเถอะท่านปราชญ์
ว่าแล้วก็สาดแป้งเข้าใส่ต้นกล้วย ใช้มือหยาบนั้นลูบแผ่วเบา ปรากฏเลขเด่นชัดเรียงกันอย่างสวยงาม ดวงตาของชาวบ้านต่างปรากฏชัด นั่นตัวเลขจริงๆ ชัดยังกะเขียนบนกระดานดำ พวกเขาต่างกราบลงอีกครั้งเหนือเนินกล้วย
ถ้าข้าถูกเลขจะมาตั้งศาลให้ท่านปราชญ์ได้อยู่อาศัย
บ่าย 3 โมง วันที่ 16 ของเดือน การเคลื่อนไหวภายในหมู่บ้านคึกคัก นัดกันหยุดงานแทบทั้งหมู่บ้าน มานั่งฟังเลขออกที่ลานบ้านผู้ใหญ่ เสียงคนหมุนภาชนะทรงกลมในโทรทัศน์ ทำเอาหัวใจทุกคนพองโต เสียงประกาศหมายเลขดังเรียงมาเป็นแถว จนกระทั่งมาถึงรางวัลเลขท้าย 3 ตัว
เลขที่ออก 472
เท่านั้นแหละผู้ใหญ่บ้านก็กระโดดลงเรือน วิ่งแก้เสื้อโยนขึ้นฟ้า ท่ามดวงตาของลูกบ้าน
ข้าถูกหวยโว๊ย!!!
ข้าก็ถูก
มีเสียงตามมาอีก เท่านั้น ก็หันหน้าไปทางดงกล้วย กราบลงอย่างงามใจ
สิ่งที่ปราชญ์เหลือเอาไว้คือ ทองคำ
ชาวบ้านต่างเรียกเช่นนั้น เมื่อพบกองขี้ทองคำของปราชญ์ที่ทิ้งเอาไว้กลิ่นยังหึ่งแต่ชาวบ้านกลับรู้สึกหอมชื่นใจเพราะเป็นสิ่งเดียวที่ปราชญ์ทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้า ผู้ใหญ่บ้านเกณฑ์ลูกบ้านมาสร้างศาลใหญ่โต แล้วเก็บทองคำของปราชญ์ไว้บนนั้น เวลาผ่านไปจนต้องได้สร้างทางเข้าไปถึงศาล และบ่อยครั้งอีกเช่นกันที่มีหนังมาฉายแก้บน เป็นที่เอิกเกริกเกือบทุกอาทิตย์ ไม่นับเสียงปะทัดที่จุดไม่เว้นแต่ละวัน คนถูกเลขเพิ่มขึ้นอย่างไม่น่า
ข่าวของปราชญ์ในดงกล้วยนับวันยิ่งได้รับการกล่าวขาน จากตำบลสู่อำเภอ และสู่จังหวัด ข้ามไปอีกหลายๆ จังหวัด ผู้คนต่างแสวงหากันเพื่อมาหาลาภ ต้นกล้วยต้องได้ปลูกเพิ่มขยายออกไปอีกเพื่อต้อนรับศรัทธา ที่บรรจุทองคำแห่งปราชญ์นับวันยิ่งขยายใหญ่โต ประดับตบแต่งอย่างวิจิตร ติดชื่อตัวโต
อาศรมปราชญ์ดงกล้วย
รถเก๋งคันงามจากต่างเมืองวิ่งผ่านอายแดดร้อนเข้ามา จอดไม่ห่างศาลนัก หลายคนเดินลงมาพร้อมดอกไม้ ธูปเทียน การแต่งตัวหรือกริยาท่าทางบ่งบอกถึงผู้มีการศึกษาดี เธอค่อยๆ วางมันลงหน้าฐานบรรจุทองคำของปราชญ์ แล้วก้มกราบด้วยศรัทธาในหัวใจ