+ + + สิ่งที่หายไปไม่ใช่แค่ที่มองเห็น + + +
สน เป็นเด็กกำพร้าและยายเป็นคนเก็บมาเลี้ยง
สนไม่รู้หรอกว่ายายอายุเท่าไหร่ รู้แต่ว่าเวลาที่ยายยกมือเหี่ยวๆ มาลูบหัวสน
มาห่มผ้าให้สน สนอบอุ่นมีความสุขไม่แพ้ใคร
เพิงไม้มุมจากท้ายหมู่บ้าน คือศูนย์รวมของความอบอุ่น เป็นที่ซุกนอนยามอ่อนล้า
เป็นชายคาไว้หลบฝน และเป็นร้านอาหารชั้นดียามที่หิวโหย สนเรียกมันว่า บ้าน
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&..
สน จบป.6 เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ยายเคยบอกว่าอยากให้สนเรียนต่อ ม.1
เพื่อที่จะได้จบออกมา และหางานทำได้เงินเยอะๆ ไม่ต้องลำบากแบบยาย
วันก่อนสนยังแอบไปดูเพื่อนๆ ที่โรงเรียนเดินเปลี่ยนห้องเรียน
หอบหนังสือหนังหาคุยกันสนุกสนานอยู่เลย
ที่สำคัญสนแอบได้ยินคุณครูประจำชั้นคุยกันอีกว่า
โธ่ เรียนฟรีที่ใหนกันรัฐบาลก็ประกาศออกมาได้
ครั้นเปิดภาคเรียนทีใหนจะค่าเสื้อผ้า ค่าหนังสือ จะไปหาที่ใหนทัน
สนเลยคิดว่าหากเป็นแบบนั้นสนไม่เรียนต่อดีกว่า สนตัดสินใจเลือกที่จะหนีเข้าเมือง
แอบไปรับจ้างล้างจานในวันที่เปิดภาคเรียนนั่นเอง ยายรู้ข่าวจากคุณครูประจำชั้นก็บ่นอยู่
สองสามวัน และก็เงียบไป ลึกๆ ในใจยายก็คงรู้ว่า เราไม่มีเงิน
อย่างน้อยค่าล้างจานรวมกับค่ารับจ้างวิ่งหยิบผักให้แม่ค้าในตลาดรวบรวมไว้ทุกวัน
ก็ทำให้ยายได้มีเงินไปจ่ายค่ายาตอนสิ้นเดือน มีบางครั้งเหมือนกันที่สนเจียดเงินค่าล้างจาน
ไปซื้อ กุนเชียงดุ้นยาวสักดุ้น กลับไปด้วยตอนเย็น ซึ่งนั่นหมายถึงว่ายายของสนจะได้ไม่ต้อง
ออกไปหาผักหาปลา มาทำกับข้าวสัก 2-3 วัน ระยะหลัง ยายมักจะเป็นลม และชักอยู่บ่อยๆ
มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะที่นั่งกินข้าวอยู่ จู่ๆ ยายก็ชัก สนทำได้แค่วิ่งไปหาช้อนมาให้ยายกัดไว้
ตามที่คุณครูเคยสอน เพื่อไม่ให้ยายกัดโดนลิ้นตัวเอง
ตอนที่สนเห็นยายชักแบบนี้หนแรก สนอายุแค่ 6 ขวบ และยังไม่เข้าใจว่ายายเป็นอะไร
สนได้แต่นั่งมอง จนยายหยุดชักไปเอง และยายก็ต้องไปขอยาที่อนามัยมาทุกเดือน
ถามยายที่ไร ยายก็มักจะบอกสนแค่ว่า
คนแก่ก็แบบนี้แหละ ลูกเอ๋ย แล้วยายก็เอาแต่ยิ้ม
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
ฝนตกหนักตั้งกะเย็นวาน แล้ว แต่สนตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพราะกะจะแวะตลาดวิ่งหยิบผักให้แม่ค้าในตลาด
สักสองสามเจ้า ก่อนจะไปล้างจานที่ร้าน เท่ากับว่าวันนี้สนจะได้เงินค่าจ้างรวมกันเพิ่มอีกตั้ง 50 บาท
สนไม่อยากให้ยายออกไปตากฝนอีก ตอนตั้งข้าวในครัว ได้ยินยายไอหนักๆ ติดกันหลายหน
เดี๋ยวเย็นนี้สนจะแวะซื้อกุนเชียงสักสองดุ้น แวะร้านอาโก ซื้อยาแก้ไอดีๆ ให้ยายอีกสักขวด
สนล้างจานไปพลางนั่งอมยิ้มไปพลาง เมื่อเช้าก่อนสนจะเดินออกมาจากครัว ยายยังตะโกนไล่หลังมาว่า
ให้สนกลับบ้านหัววันหน่อย ยายจะแกงปลาช่อนใส่ใบอีออมให้กิน ค่ำนี้สนจะกินข้าวให้พุงกาง
แล้วนอนให้ยายร้องเพลงแม่กาเหว่าเอ๋ย ให้สนฟัง&. &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&..
หกโมง ห้าสิบสามนาที ฝนยังคงเทลงมาไม่ลืมหูลืมตา
อาโกเจ้าของร้านยาบอกสนว่าน้ำป่าซัดเข้าท้ายหมู่บ้าน ให้สนรีบกลับไปดูยาย
สนไม่รู้ตัวหรอกว่าสนวิ่งกลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่
รู้แต่ว่าบ้านไม่เป็นบ้านอีกต่อไป เหลือเพียงเสาเรือน สี่ต้น ไม่มีแม้แต่ก้อนหินสี่ขา
ที่สนก่อไฟหุงข้าวให้ยายเมื่อเช้ามืด
สนวิ่งตามหายาย ล้มลุกคลุกคลานเพราะโคลนที่ถูกพัดมากับน้ำป่า
สภาพชุลมุนวุ่นวายที่เกิดขึ้น ไม่มีใครสนใจใคร แม้สนจะเพียรวิ่งถามคนโน้นคนนี้
แต่ไม่มีคนตอบสนได้แม้สักคน รู้แต่ว่าสนกระเซอกระเซิงมาจนถึงบ้านพ่อผู้ใหญ่
คนในบ้านเยอะกว่าปกติ ทุกคนหันมามองสนเป็นตาเดียว
พ่อผู้ใหญ่ก้าวเท้าออกมาดึงสนไปกอดก่อนที่สนจะอ้าปากถามอะไรออกไป
สนเอ๋ย เอ็งไปใหนมา
ยายเอ็งรออยู่บนบ้านแนะ ขึ้นไปหายายหน่อยไป๊
สนเดินตามพ่อผู้ใหญ่ขึ้นไปบนบ้านอย่างงงๆ สนเห็นแล้ว สนจำผ้าถุงที่ยายชอบนุ่งได้
ยายนอนอยู่บนเตียง มือเหี่ยวๆ ที่เคยลูบหัวสนเวลาสนงอแง
ไม่เคลื่อนไหวอีกต่อไป ยามสนก้มหน้าไปเกลือกกลิ้งที่ตัก
สายตาอ่อนโยนหลังเปลือกตาย่นๆ ของยายปิดสนิท
ผมขาวของยายถูกโคลนเกาะเกรอะกรัง
ยาย ทำไมไม่รอสนก่อน สนซื้อกุนเชียงกับยาแก้ไอมาให้ยายด้วยนะ นี่ไง
ยายไม่ต้องไปหาปลาหาผักอีกแล้วนะ เราจะทอดกุนเชียงกินด้วยกันไงจ๊ะยาย
หลายคนบนเรือนผู้ใหญ่บ้าน ปล่อยให้น้ำตาร่วงลงมากับภาพที่อยู่ตรงหน้า
ภาพเด็กชายตัวเล็กๆ ดึงแขนยายให้ลุกขึ้นมาโต้ตอบกับตนกับน้ำตาที่รินไหลเต็มแก้ม
สองมือกระหวัดพยายามยัดเยียด ถุงอาหารให้ผู้เป็นที่รักดั่งเคยทำทุกเมื่อเชื่อวัน. &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
ข่าวน้ำป่า ไหลหลากท่วมบ้านเรือนมีให้เห็นแทบทุกวันในช่วงฤดูฝนแบบนี้
อาจเพราะทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลายมากมาย..
อาจเพราะความเห็นแก่ตัวของมนุษย์กลุ่มหนึ่ง
ที่สุขและสบายอยู่บนตึกหรู กลางเมืองสวรรค์
ใหนเลยจะรับรู้ซึ่งพิษภัย และความสูญเสียที่เกิดจากความเห็นแก่ตัวแห่งตน
และหากสิ่งที่สูญเสียไปมิใช่มีค่าเพียงทรัพย์สมบัติ แต่เป็นคุณค่าสูงสุดของจิตใจ
อะไรเล่าจะทดแทนสิ่งที่หายไป&&&