บ่อน้ำในหุบเขา

by เดอะแหลม @27 ส.ค.47 21.35 ( IP : 203...111 ) | Tags : กระดานข่าว

เมื่อระฆังดังเหง่งหง่างบอกเวลาเลิกเรียนของทุกวัน นักเรียนจากทุกระดับชั้นมาเข้าแถวกันที่หน้าเสาธง  แบ่งแยกไปตามสายทางที่จะกลับบ้าน หัวแถวจะถือธงสีแดงมีเลขหมายติดเพื่อนำพวกเพื่อน,พี่ ที่เดินตามหลังไปสู่ประตูบ้านอย่างปลอดภัย จ้อยเด็กผู้ชายวัย 14 ร่างแคระแกร็นบ้านของเขาอยู่ไกลจากโรงเรียน 12  กิโลเมตรลึกเข้าไปในหุบ เส้นทางลูกรังพาดผ่านขุนเขาหลายลูกกว่าจะถึงบ้าน

จ้อยกับเพื่อนจึงมีจักรยานคนละคันเพื่อสะดวกในการเดินทาง เมื่อครูเวรบอกนักเรียนเดินแถวได้ จ้อยและพวกจะวิ่งตรงไปใต้ร่มต้นไม้ลาย ควบจักรยานคันเก่งของตัวเองและปั่นด้วยความเร็วเพื่อให้ถึงบ้านก่อนตะวันตกดิน  บนเส้นทางหินทุกก้อน หลุมทุกหลุมพวกเขารู้จักมันดีราวมิตรสหาย จ้อยอาจจะตัวเล็กแต่เขาแข็งแรงนั่นเป็นเพราะความจนทำให้บีน่องของเขาราวเหล็กหลอม จักรยานพุ่งโฉบลงหุบเขา

พวกเขาต้องเร่งปั่นมันแบบสายฟ้าแลบเพื่ออาศัยแรงส่งขึ้นเขาอีกลูกตรงหน้า ขบวนจักรยานตีคู่กันแต่จ้อยยังคงรั้งท้ายเพื่อนเหมือนทุกวันที่ผ่านมา  สะพานท้าทายที่สุดเห็นจะเป็นสะพานไม้ซุงมันมีเพียงขอนไม้พลาดผ่านเท่านั้น เบื้องล่างสะพานขอนคือลำห้วยสายเล็กมันสูงพอที่จะทำให้ทุกคนใจถอด แต่พวกเขาไม่  จักรยานเหยียบตรงกลางลำขอนอย่างชำนาญไต่ผ่านราวตีนตุ๊กแก  มีเพียงภูเขาเดียวที่นักปั่นน้อยๆ ไม่อาจพิชิตได้นั่นคือ

โนนหมาหอบ  มันสูงแบบเย่อหยิ่งอีกทั้งเทือกเขายาวต่อกันสองชั้น แม้จะพุ่งมาสุดแรงเกิดก็ยากที่จะผ่านด่านที่สองไปได้ บีน่องแทบปริ  จ้อยจำได้ว่าครั้งหนึ่งเขากัดฟันเพื่อพิชิตมัน สิ่งที่เขาได้รับคือความพ่ายแพ้อย่างขาดลอยพร้อมเม็ดเหงื่อโชกแผ่นหลัง จักรยานยี่ห้อจระเข้ไม่อาจปีนเขาได้ นอกจากดิ่งลงคลองเท่านั้น เขาพ่ายแพ้ทุกครั้งที่คิดจะปั่นข้าม

เมื่อกลับมาถึงบ้านสิ่งแรกที่จ้อยจะต้องทำ คือหาของกินลองท้องเขาชอบกินข้าวคลุกกับพริกป่น บีบมะนาว  ใส่ชูรสลงไป หั่นหอมโรยหน้า แกล้มกินกับผักกาดมันอร่อยแบบป่าๆ กินไปร้องไห้ไป  เขาถอดชุดนักเรียนแขวนรับลมไว้ข้างบ้าน แต่ยังคงใส่กางเกงนักเรียนตัวเก่า หน้าที่ประจำวันคือตักน้ำใส่โอ่งให้เต็มก่อนแม่จะกลับออกมาจากสวนในช่วงเย็นตะวันชิงพลบ เหตุที่ไม่กินน้ำฝนเพราะบ้านมุงหญ้าคา น้ำในโอ่งมันจึงกลายเป็นสีเหลืองคล้ายน้ำเยี่ยว และบางทีแมวหง่าวก็จะขึ้นไปขี้บนหลังคา มันกินในครัวแต่ขี้รดหลังคา  จ้อยเกลียดแมวเพราะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เขาได้ตักน้ำด้วย

ถังน้ำที่ใช้ตักนั้นเป็นถังปี๊บที่แต่ก่อนเคยใช้จุน้ำมันหมูหรือแม้กระทั่งหน่อไม้ดอง เขาจะเอามาตัดปากฝามันออกและเจาะรูเล็กๆ สองข้างร้อยเชือกเข้าไป  มันหนักสาหัสทีเดียวสำหรับเด็กชายร่างเล็กเพราะปี๊บนั้นมีขนาดใหญ่กว่าตัวเขา  แต่จ้อยไม่เคยท้อมันอาจบีบบ่า บนไม้คานที่ทำด้วยไม้ไผ่บ้าน แต่เขาจำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองมันอาจนำมาซึ่งความระบมเนื้อ อาจเป็นเพราะ ไอ้หนึ่งเพื่อนข้างบ้านร่างมันสูงใหญ่เกินเด็กวัยเดียวกันและมันหาบน้ำด้วยปี๊บ แม่มันมักจะยกย่องให้ จ้อยได้ยินเสมอว่า
เด็กรุ่นเดียวกันมีแต่ลูกป้านี่แหละหาบน้ำด้วยปี๊บได้

แต่แม่เขาบอกว่าไม่ต้องไปหาบน้ำปี๊บหรอกมันหนัก แถมลูกก็ตัวเล็กแบบนี้หาบถังเล็กๆ นั่นแหละเหมาะแล้ว  จ้อยเก็บความช้ำเหล่านี้เอาไว้ในใจ  มันเหมือนหัวใจมีแผล ทำไมเขาถึงหาบน้ำปี๊บไม่ได้  เมื่อเพื่อนรุ่นเดียวกันแถมเกิดหลังเขาอีกยังหาบได้  นั่นแหละเป็นเหตุให้จ้อย หันมาใช้ปี๊บที่หนักสาหัสกว่า เพื่อจะให้ทุกคนได้รับรู้ว่าเขาก็ทำได้

บ่อน้ำอยู่ในหุบเขา ต้องเดินห่างบ้านไปอีกราว 100  เมตร ไม่นับที่ดิ่งชันลงหุบเขาด้วยบันไดดิน  มีทั้งหมด 45 ขั้น  ในแต่ละขั้นห่างกันพอสมควร ขาลงไม่เท่าไหร่แต่ขาขึ้นนี่สิน้ำหนักน้ำบนบ่าจะถ่วงเท้า  สำหรับเย็นวันนี้เขาต้องตักน้ำกว่า 7 หาบ น้ำถึงจะเต็มโอ่งสามใบ เพื่อเอามากิน มาอาบ มาใช้ในการหุงต้มฯลฯ  และเป็นครั้งแรกที่เปลี่ยนจากถังธรรมดามาเป็นปี๊บใบใหญ่  จ้อยเดินเปลือยเท้าไปบนถนน  เขาไม่ชอบใส่รองเท้า ยามดินอุ้มแดดยามเย็นมันจะอุ่นที่ฝ่าเท้า และหินก้อนเล็กๆ นั่นก็คล้ายบีบนวดฝ่าเท้าไปในตัว  ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด น้ำที่กระเซ็นยามก้าวเดินนั้นจะทำให้รองเท้าลื่นง่ายต่อการหกล้ม  หนึ่งหาบน้ำมาหยุดพักยืนอยู่ครึ่งทาง เห็นจ้อยหาบปี๊บเปล่าใบใหญ่เช่นเดียวกับตนเดินใกล้เข้ามา ก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้
จ้อยข้าว่าเอ็งรีบกลับไปเอาถังใบเล็กมาหาบดีกว่า ข้าตัวใหญ่ขนาดนี้ยังหลังแทบหัก นี่เอ็งตัวเท่า หนึ่งหยุดคำและหัวเราะอีกครา
ข้าจะลองดูก่อน เอ็งยังทำได้ข้าก็ทำได้เหมือนกัน
ยิ่งทำให้หนึ่งเพื่อนร่วมรุ่นหัวเราะแรงขึ้น
เอ็งไม่มีทางทำได้หรอก

จ้อยไม่ได้ตอบอะไร แต่ค่อยก้าวเท้าลงยังหุบเขาเบื้องล่าง เขาคุ้นเคยกับเส้นทางสายนี้ บันไดดินเหล่านี้เขาต้องได้เหยียบมันทุกเย็นตั้งแต่หาบน้ำเป็น  เสียงปี๊บน้ำกระทบไปกับยอดหญ้าเสียดสีกันดังแสบโสต  บ่อน้ำในหุบเขายังคงใสประกายน้ำเป็นสีฟ้า และน้ำก็มีรสชาติหวานลิ้น มันเป็นบ่อขนาดไม่ใหญ่นักความกว้างประมาณ 2 ศอกและลึกลงไปพอประมาณ  บริเวณนี้เป็นตาน้ำ น้ำจะผุดขึ้นตลอดปีไม่เคยมีวันไหนที่ตาน้ำจะปิดตาย  มันเหมาะที่จะขุดเป็นบ่อ  มีเพียงยามหน้าฝนเท่านั้นที่น้ำไม่น่ากิน เพราะจะมีไส้เดือนเป็นสิบหรือมากกว่าลอยกระดืบเหมือนปลิงในบ่อ บางตัวนอนตายใต้บ่อเห็นตัวสีดำ สีขาวของมันชัดเจน  ยิ่งไส้เดือนภูเขาเสียด้วยแล้วตัวมันยาวเกือบศอกของจ้อย แถมเหนียวเด็ดไม่ขาดง่ายๆ เหมือนไส้เดือนทั่วไป    เขาต้องเสียเวลาล้างบ่อใหม่และรอน้ำให้ปริ่มขอบบ่อ

จ้อยมองน้ำในบ่อเห็นใบหน้าตัวเองระริกไหว ใบหน้าที่เคลื่อนคล้ายคลื่น  มันทำให้เขาดูดีอย่างประหลาดใบหน้าก็เต้นรำได้  เขาพับแขนเสื้อขึ้นแล้วเบ่งกล้ามแขน  มันนูนขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น  เกร็งน่องขาซ้ายขึ้นมาบีบดูอีกครั้งเพื่อพิสูจน์ความพร้อม มันแข็งโป๊กเขามั่นใจในสองเท้าของตัวเองว่าจะยันน้ำหนักตัวและน้ำขึ้นไปสู่ยอดหุบนั้นได้ในพริบตาตอนนี้เขาเหมือนม้าหนุ่มที่ผยองจะออกศึก  วินาทีสำคัญมาถึงเขาเอียงไหล่ข้างซ้ายลงเพื่อให้ปี๊บใบโตดื่มน้ำเข้าไปจนเต็ม จ้อยเกือบหัวทิ่มบ่อเมื่อดึงปี๊บขึ้นจากน้ำด้วยแขนลีบเล็กเพียงข้างเดียวมันหน่วงมือ แขนซ้ายเขาสั่นล้าปวดตามข้อและวิ่งเป็นระลอกบนกระดูกแผ่นหลัง เขากัดฟันแน่นเพื่อยกมันขึ้นมาให้ได้ แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด

จ้อยต้องปลดไม้คานออกจากบ่าด้วยอาการของคนแพ้และใช้สองมือดึงมันถึงเลิกพยศ  มันหนักเป็นสองเท่าของถังน้ำใบก่อนที่เขาเคยตัก เขาคิดถึงไอ้หนึ่ง คิดถึงคำของมัน และคิดถึงแม่ที่บอกว่าคนตัวเล็กเช่นเขาทำไม่ได้หรอก  พละกำลังดูเหมือนกลับมาอีกครั้งจากแรงบีบคั้นภายใน  หยิบไม้คานสอดเข้ากับเชือกและย่อตัวนั่งลงเหมือนนักยกน้ำหนัก หลับตาชั่วอึดใจหายใจเอาลมเข้าปอดจนเต็มและยกทันที....เชือกตรึง,ไม้คานโค้งราบเหนือบ่า  เป็นอย่างที่เขาคิดมันหนักเกินไป

ใบหน้าเขาสั่น ฟันเขากัด ลำตัวเกร็งเขม็งเหมือนน้าวธนูพร้อมที่จะยิง ดวงตาฉายแววมุ่งมั่นแต่มันไม่ยอมมุ่งขึ้นข้างบน  เขาวางหาบน้ำลงอีกครั้งพร้อมหอบเหนื่อย ใบหน้าแดงด้วยเลือดฉีด
เอ็งทำไม่ได้หรอก แว่วผ่านเข้ามาและดังกระทบไปตามหุบน้ำบ่อ
ทำไมข้าจะทำไม่ได้  จ้อยบอกตัวเองก้มลงอีกครั้ง เล็บมือทั้งสองข้างจิกจับไม้คานไว้แน่นจนเลือดขังเล็บ  แผ่นหลังเขาตรึง หัวใจเขาเต้นแรง  มีสิ่งเดียวที่เขาไม่ได้ด้อยไปกว่าคนอื่นนั่นคือหัวใจพร้อมที่จะสู้ต่างหาก

น้ำถูกยกขึ้นเหนือผืนดินแล้ว ร่างเขาเหยียดตรง แต่ขาทั้งสองข้างสั่น  ก้าวแต่ละก้าวเขาแทบล้ม เซไม่เป็นท่า แต่กระนั้นบันไดขั้นแรกก็ถูกเหยียบหยาม น้ำบนบ่าหน่วงไหล่ให้แสบเนื้อ เขาต้องหาบเฉียงเทน้ำหนักมาไว้ไหล่ข้างซ้าย เพราะมือขวาต้องคว้าจับหญ้าข้างๆ เพื่อดึงตัวขึ้นให้พ้นหุบเขา เขาก้าวขึ้นมาทีละขั้นด้วยความยากลำบากน้ำที่เต็มปี๊บนั้นกระเซ็นเปียกแผ่นหลังและไหลอาบลงเท้าทั้งสองข้างผสมเม็ดเหงื่อ จ้อยยังกัดฟันทน  ดวงตาเพ่งมองบนยอดหุบนั่นไม่กะพริบ  เล็บตีนจิกลงบนดินฉ่ำเมื่อถูกน้ำกระดอนใส่มันลื่นอย่างหน้าใจหายใจคว่ำราวเทียนอาบหน้าดิน

เม็ดดินดำจุกในซอกเล็บเมื่อแต่ละก้าวจะพยายามผ่าน เส้นเลือดทุกเส้นขยาย  กล้ามเนื้อทุกส่วนบิดเป็นเกรียวพร้อมที่จะสู้และพิสูจน์ตัวของมันเอง หัวใจของเขาหอบระรัวแต่ไม่มีสิ่งใดจะหยุดความมุมานะของจ้อยลงได้อีกแล้ว  คำว่าทำไม่ได้หรอก ดังแรงขึ้นในสมองมันคล้ายยากระตุ้นประสาท ทำให้เล็บตีนและบ่าที่ล้ามีแรงเหยียดขาจิกดินบันไดขั้นต่อไป  จ้อยเกือบหงายหลังอยู่หลายครั้ง น้ำหนักน้ำทำให้เขาต้องรักษาความสมดุลของร่างกายไว้ตลอดเวลา  ถึงขั้นที่ 40 แล้ว เหลืออีกเพียง 5 ขั้น ดินบันไดเท่านั้นเขาจะชนะมัน

แต่ขั้นที่ 41 ถูกขุดไว้ไกลกว่าขั้นอื่น ที่สำคัญตรงนี้น้ำมักจะกระเซ็นใส่เป็นพิเศษ มันจึงลื่นเหนือธรรมดา จ้อยดึงตัวขึ้นช้าๆ  อย่างระมัดระวังหัวใจเขาอยู่ที่ขั้นนี้ แต่ลืมไปว่าขั้นที่ 40 ก็มีส่วนสำคัญในการผลักเท้าขึ้นไป  ขาซ้ายจิกลงพื้น แต่ขาขวาที่เป็นแรงถีบนั้นลื่นเสียหลัก  เพียงเสี้ยววินาทีทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาคล้ายสูญเปล่า น้ำที่เขาตั้งใจหาบมาจากหุบเขาด้วยความยากลำบากเป็นเท่าตัวไหลคืนสู่หุบ

ดวงตาอยู่ที่ยอดหุบ มือเขาไขว่คว้า แต่เท้าเขาเลื่อนลอย จ้อยกลิ้งลงมาจุดเริ่มต้นอีกครั้ง เหลี่ยมปี๊บน้ำกระแทกหน้าขาเขาจนเลือดปริ่มบวมเขียว ไม่นับแผลถลอกปลอกเปิกตามข้อศอกเลือดซึม  น้ำตาจ้อยไหลอาบหน้าที่เปื้อนดิน ชุดเขาเลอะไปด้วยโคลน นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ในหุบ น้ำตาไม่ได้ไหลเพราะบาดแผลแต่เหนือสิ่งอื่นใดมันไหลเพราะแผลที่อยู่ในใจต่างหาก ทำไมเขาถึงไม่ตัวโตเหมือนเพื่อนเพื่อที่จะหาบน้ำให้พ้นหุบเขานี้ให้ได้  จ้อยลุกขึ้นด้วยความหัวเสียเตะปี๊บน้ำเสียงดังสนั่นที่สำคัญเขาดันเตะตรงเหลี่ยมอีก

หลังเท้าเขาบวมเปล่งร้อนผ่าว นั่งเอามือกุมเท้าด้วยความปวดบรมโคตร ทำไมเขาถึงโชคร้ายตลอดเวลา และทำไมเขาต้องเอาชนะขั้นบันไดนี้ด้วย  คิดได้ดังนี้ลุกขึ้นเดินกะเผลก  พร้อมที่จะกลับบ้านด้วยไหล่เปล่า  แต่เสียงของไอ้คนขี้แพ้ดังแว่วผ่านหุบเขามาอีกแล้ว พร้อมเสียงหัวเราะเยาะหยันของทุกคน เอ็งทำไม่ได้หรอก

มันดังอยู่อย่างนั้น และเสียงนั่นก็คล้ายปลายมีดแหลมกรีดผ่านเข้ามาในหัวใจ แล้วบรรจงหั่นหัวใจเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย  จ้อยมองเท้าและหน้าแข้งที่บวมเปล่งเลือดยังซึม อุปสรรคเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าตัว คือความสูงของบันได,น้ำหนักน้ำบนบ่าและบาดแผลตามร่างของเขา  อย่างไรหัวใจเขาพร้อมที่จะสู้อีกครั้ง  น้ำถูกตักขึ้นมาอีกรอบและเท้าที่บาดเจ็บเริ่มจังหวะก้าวของมันอีกครั้งแม้จะไม่มั่นคงนักแต่มันเริ่มเข้าใจคำว่าประคอง

ความเจ็บที่เท้าและหน้าแข้งทำให้ลืมความเจ็บเหนือบ่าที่แดงเถือกเพราะไม้คานข่ม  แต่อย่างไรเขาต้องก้าวผ่านให้ได้  ยิ่งเจ็บเท่าไหร่ดูเหมือนจ้อยยิ่งพยายามมากยิ่งขึ้น หัวใจเขาขยายออก...มันเกือบเท่าภูเขาแล้ว  มาถึงขั้นที่ 41 อีกครั้ง มือขวารวบจับกอหญ้าคาด้านข้างเอาไว้แน่น  เท้าขวายัน เท้าซ้ายจิกลงดิน  มือขวาดึง มือซ้ายพยุง กระดูกหลังเหยียดดัน ฟันกระทบ หัวใจสะท้าน ดวงตาสะเทือนพร่า เหงื่อที่ไหลไม่ต่างน้ำมันที่ทำให้เขาฮึด  มือขวาที่กำหญ้าคาแสบแปลบด้วยคมหญ้าบาด แต่เขาไม่ปล่อยมือเด็ดขาด

เหนือหุบบ่อน้ำ จ้อยยิ้มเต็มใบหน้า เขาหอบหายใจอย่างมีสุข รสชาติของความพยายามแน่นอยู่ในอก เขาทำได้ หนึ่งเดินผ่านมาพอดี  อ้าวจ้อยเอ็งไปเล่นโคลนที่ไหนมา หรือว่าหิ้วขึ้นมาทีละถังว่ะ หนึ่งหัวเราะอีกแล้ว แม้ว่าเขาจะทำได้ เพื่อนรุ่นเดียวก็ไม่ยอมรับอยู่ดี เป็นการยากที่ใครสักคนจะยอมให้คนอื่นเหนือกว่า  หนึ่งผิวปากลงหุบเพื่อตักน้ำอย่างอารมณ์ดี เขามั่นใจในเท้าทั้งสองข้างและพละกำลังที่เหนือกว่าของตนเอง แต่เขาก็พลาดขั้นที่ 41 เหมือนกัน มันต่างที่ว่าเขาเป็นขาลง เสียงปี๊บเปล่ากระทบพื้นดังลั่นหุบ พร้อมร่างของหนึ่งที่กลิ้งไม่เป็นท่าลงหุบนั่น จ้อยได้ยินชัดเจน  มันทำให้เขาได้คิด  ขาลงตากหากที่อันตราย.....

เนินหมาหอบ  รถจักรยานของจ้อยไม่ได้หยุดจูงเหมือนก่อนเขาพุ่งตัวขึ้นเหนือยอดเขาราวนกนางแอ่นโฉบ เท้าเขาปั่นรอบเร็วถี่ และ....เขาก็พลาดหินก้อนเล็กเบื้องหน้า ทำให้ล้อจักรยานพลิกแถลบ ล้มลงอีกคราเสียงสนั่นดัง หัวเข่าแตกเป็นแผลเหวอะ  เสื้อเหนือหัวไหล่ช้ำรอยเลือดเป็นจุดด่างแดง  แปลกที่จ้อยไม่ได้ร้องไห้ เขาหัวเราะลั่น  เขาคิด เขาพลาดเพราะมั่นใจเกินไป  หนึ่งยังคงถีบจักรยานแซงผ่านไป พร้อมตะโกนใส่เขาด้วยเสียงอันดัง
เอ็งไม่มีวันชนะเนินหมาหอบได้หรอก นอกจากข้าโว้ย!!!
จ้อยลุกขึ้นได้โดยไวลืมความเจ็บปวด ดัดคอจักรยานให้เข้าที่  แล้วเริ่มปั่นตามหลังเพื่อนคนอื่นๆ ไป ดวงตาเขามองที่เป้าหมายขณะที่เท้าเขาเริ่มปั่น ยอดเนินหมาหอบยังอยู่อีกไกลลิบ แต่เขาไม่คิดกลัวเอาเสียเลย.....

Comment #1
ผีเสื้อปีกบางฯ (Not Member)
Posted @28 ส.ค.47 11.23 ip : 202...58

ชอบนะท่าน

อยากถามว่า "ท่านชนะ  เนินหมาหอบได้หรือปล่าว" 55555555555

ผีเสื้อก็เคยชนะ "เขาแด่น"  ที่เพชรบุรี "เขาสามหลั่น" ที่สระบุรี  แต่คงไม่ยากลำบากเท่า "เนินหมาหอบ" ของท่านแน่นอน

Comment #2
ปุถุชน (Not Member)
Posted @28 ส.ค.47 15.45 ip : 202...6

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก เหินมหานอบ

Comment #3
บ.ก.หนวดรูปงาม (Not Member)
Posted @28 ส.ค.47 16.38 ip : 203...7

ไม่เลวเลยสำหรับหนุ่มคนนี้  อ่านแล้วคิดถึงนักเขียนรุ่นเก่าที่เก๋าอย่างมนัส จรรยงค์  ฉับพลัน

ขอแก้คำบางคำเล็กน้อยให้นะ

ปลีน่อง    ต้องใช้คำนี้    และ

เขาก็พลาดหินก้อนเล็กเบื้องหน้า ทำให้ล้อจักรยานพลิกแถลบ มันต้องเป็น  แฉลบ  นะ


ดูท่าบอร์ดนี้กำลังได้รับเกียรติคนที่จะเป็นนักเขียนมีชื่อในอนาคตไม่นานนี้หลายนามเลยทีเดียว

Comment #4
เดอะแหลม (Not Member)
Posted @28 ส.ค.47 20.59 ip : 203...72

ผีเสื้อปีกบางฯ ยังไม่ชนะเลยครับ อิๆๆ  ขอให้ค้นตัวเองพบเมื่อไหร่ผมจะชนะเนินหมาหอบแน่นอน จาวตาลนักปั่นที่น่าจับแก้มมอง  ฮา  โอลิมปิคที่ประเทศจีนขอสนับสนุน จาวตาลเพื่อเป็นเจ้าเหรียญทอง ฮา

ปุถุชน ยินดีครับที่ได้เจอกัน  เอาไว้จะพาไปเยี่ยมชมเนินหมาหอบ มันสูงจริงๆ นะ ฮา

บก.หนวด ต้องขออภัยท่านพี่บ.ก. ไอ้เรื่องคำผิดนะครับ ผมสับสนอยู่เหมือนกันบางทีเขียนไปแล้ว คำง่ายๆ ก็ยังผิดครับ มันคิดไม่ออกเอาเสียเลย ฮา
ขอบคุณนะครับที่ช่วยแก้คำผิดให้ผมอีกวาระหนึ่ง ด้วยความนับถือเช่นเคย

Comment #5
ame (Not Member)
Posted @28 ส.ค.47 23.27 ip : 203...9

ขอบคุณ

Comment #6
Six's (Not Member)
Posted @30 ส.ค.47 9.54 ip : 203...44

อ่านสนุก ได้อารมณ์ ต้อง The แหลม
ช๊อบ ชอบจริงๆ ฉันชอบเธอฉันชอบจริงๆ

Comment #7
ผู้มาจากฟ้ากว้าง (Not Member)
Posted @30 ส.ค.47 15.36 ip : 203...79

O.O

เดอะแหลม  หอบมั้ย

Comment #8
เดอะแหลม (Not Member)
Posted @30 ส.ค.47 21.17 ip : 203...72

วันนี้รู้สึกจามทั้งวันและหน้าแดงผิดปรกติตั้งแต่เช้า นึกอยุ่ว่าต้องมีไรสักอย่าง พอเข้ามารู้เลย มีคนบอกชอบ  55555  พูดเองเออเอง นี่แหละความสามารถเฉพาะตัวของผม  ขอบคุณนะครับคุณ  Six's วันหลังบอกอีกนะครับ ฮา

ผู้มาจากฟ้ากว้าง ถ้าหอบจะตักน้ำเย็นๆ มาให้ดื่มหรอครับ ฮา ล้อเล่น งานนี้ต้องหอบอยู่แล้ว แม้แต่สุนัข (สุภาพ) ยังหอบเลยครับ

เอเอ็มอี ขอบคุณไรครับ ผมมิเข้าใจ

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 47 user(s)

User count is 2427400 person(s) and 10163090 hit(s) since 15 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).