งานศพของขอทาน
๑.
นภาแต้มดาว ลมหนาววูบไหวใบไม้โรยรา&.
เสียงคลื่นของใบไม้ร่วงพัดเป็นระลอกตามสายลมหนาวไปตามทางทราย ต้นไม้ยืนทอดกิ่งเดียวดายเหงาซึม เฝ้ามองการพรากจากของก้านใบ สลัวลางในม่านน้ำค้างยามสิ้นฤดูเก็บเกี่ยวหอมฟางข้าวฟุ้งฟ้า เสียงแคนจากใครหนอหวนครวญกล่อมฟ้าป่าดาว กระดิ่งคอควายเล่าก็ลั่นกระทบ เสียงเขาโค้งกระเทือนคอกกึกกัก ยืนผิงไฟไล่หนาว สายลมเหมือนคมมีดกรีดผ่าน หอบเอาเสียงสะอื้นจากศาลาพักศพในป่าช้าเข้าไปในหมู่บ้าน
เบื้องหน้าของนางเล่าคือร่างของชายร่วมทุกข์ร่วมสุขมาเกือบชั่วชิวิตอันขมปร่า สองวันแล้วที่นางนั่งเฝ้าศพเพียงลำพัง ดวงตาของนางบอดโลกความจริงของนางมืด แต่น้ำตาของนางก็เป็นเยี่ยงเดียวกับคนอื่น มันกลั่นออกมาจากหัวใจที่ผากแห้งและกร่ำทุกข์
อย่าโทษข้าเลยเฒ่าแสง ข้าไม่มีเงินนิมนต์พระมาสวดส่งวิญญาณให้เอ็งดอก
เสียงของนางผสมสะอื้นกลืนความโศกเข้าไปในอก กลิ่นธูปกำจายลอยวกยักเยื้อง มือของนางยังคงคลำหาธูปเพื่อจุดหน้าฐานพระ
คืนนี้ข้าจะจุดให้เอ็งตลอดคืน ขอให้ควันธูปนี้พาเอ็งไปสู่สวรรค์ชั้นฟ้าเถิด
นางพนมมือก้มกราบครั้งแล้วครั้งเล่า รูปพุทธองค์ยังคงสงบงาม พระเนตรที่มีเมตตานั้นมองดูนาง ทว่านางกลับมองไม่เห็นความเมตตานั้น
๒.
เสียงเพลงธรณีกรรแสงจากหมู่บ้านดังสะท้อนไปทั่วท้องทุ่ง สลับเสียงสวดมนต์ของพระสงฆ์องค์เจ้าที่ถูกนิมนต์มาหลายสิบรูปเพื่อส่งวิญญาณของกำนันให้สู่สวรรค์ชั้นดาวดึงค์ รูปของกำนันในกรอบทองตั้งอยู่โดดเด่น เบื้องหลังกระถางธูปใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นธูปปักแน่นถนัด จนไม่มีพื้นที่ให้ธูปดอกอื่นได้ลงร่วม บางคนเล่าก็ปักกันทีละกำมือใหญ่ ลูกหลานของกำนันที่มาจากเมืองกรุงฯ จึงต้องเวียนเก็บก้านธูปเก่าออกไม่ว่างมือ ชาวบ้านชุดดำ ดวงตาหม่นซึมทั่วถ้วนใบหน้า ก้มปักธูปเป็นคนสุดท้ายต่อจากข้าราชการ
น้ำตาของนางเองก็ไหลไม่ต่างกัน อาจเป็นเพราะดอกเบี้ยที่กู้ยืมกำนันก็หลายอยู่ ชาวบ้านทุกคนล้วนพึ่งพิงอำนาจเงินจากกำนันแทบทั้งสิ้นไม่ว่าจะเรื่องปุ๋ย เรื่องขายข้าว แทบทุกเรื่องที่ต้องจับจ่ายกำนันเป็นต้องแบกรับให้เสมอ พระคุณเลิศแล้วพ่อกำนันเอ๋ย&.
ไหนจะพวงหรีดหลากหลายรูปแบบจากผู้คนที่มาร่วมไว้อาลัยประดับให้งามพร้อม พวงหรีดอันใหญ่สุดนั่นสะดุดตาผู้คน เป็นของ ส.ส. ผู้ที่กำนันเคยหาเสียงให้คราเลือกตั้งสมัยก่อน ส่วนอีกอันใหญ่โตไม่แพ้กันจากผู้ว่าประจำจังหวัดและของนายอำเภอไล่เลียงมาถึงของผู้ใหญ่บ้านในตำบล ทั้งห้อยแขวนระโยงระยางเต็มเต้นท์ โลงศพของกำนันนั้นก็ใหญ่โตสมเกียรติ เป็นโลงแอร์เย็นฉ่ำเช่ามาคืนละหลายพันบาท ชาวบ้านได้แต่เพ่งมอง
ชั่วชีวิตไม่เคยได้ตากแอร์ให้ปอดชื้น มีแต่ตากแดดตากฝนไม่ต่างโคควาย ได้แต่อิจฉากำนันไปตามๆ กันว่าไปสวรรค์ตั้งแต่ตายเชียว เต้นท์หลายหลังถูกกลางรอบๆ บ้าน วัวหลายตัวถูกฆ่าเพื่อเลี้ยงญาติพี่น้อง ชาวบ้านใกล้ บ้านไกลผู้มาร่วมงาน ต่างอิ่มหมีพลีมันไปตามกัน ไหนจะมีเหล้ายาปลาปิ้งเลี้ยงต้อนรับตลอดงาน
ยามดึกเล่า อิเล็คโทนวงใหญ่จากในอำเภอ ถูกจ้างมาเพื่อกล่อมศพไม่ให้เดียวดาย ทั้งนักร้อง หางเครื่องโชว์เว้าแหว่งอาบแสงหลอดไฟหลากสีดูมีเสน่ห์นัก บนโต๊ะถูกจัดอาหารจากเนื้อวัวตัวผอมที่ถูกฆ่า ทั้งลาบ ทั้งต้มเครื่องใน แกงอ่อม ผัดหมี่ อาหารหลากชนิดเหล้าเบียร์พร้อม คนที่มาร่วมงานนั่นเล่าก็สวมเสื้อผ้ากันเอี่ยมใหม่ เพราะนอกจากชาวบ้านย่านถิ่นแล้ว นายอำเภอ นายตำรวจ ข้าราชการต่างๆ ก็มาร่วม ทั้งร่วมทำบุญด้วยซองขาวที่แน่นนูนด้วยธนบัตรสีสะดุดตา โต๊ะจึงถูกจัดเป็นพิเศษปูผ้าแดงเพื่อต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง
ส่วนชาวบ้านก็หากินกันเองตามท้ายครัวหรือจะห่อกลับไปฝากทุกคนที่บ้านก็มีถุงพลาสติกไว้บริการเสร็จสรรพ ร้านขายของชำก็เทียวลำเลียงเหล้ายามาส่งไม่ขาดสาย เมื่อแขกสำคัญทยอยกันกลับ เสียงเพลงยิ่งกระหึ่มดังขึ้นไม่เกรงใจพระสงฆ์องค์เจ้าที่จำวัด หางเครื่องนั่นเล่าก็เต้นสะบัดก้นเห็นกางเกงในสีแดงฉูดฉาด ไอ้เฒ่าตามบ้านเห็นเนื้ออ่อน เหล้าแทบกระฉูดออกปาก หัวเราะกันเกรียวเผยฟันแทบนับซี่ได้ บางพวกก็ลุกขึ้นไปส่ายฟ้อนให้คึกครื้น
นักเลงพนันทยอยกันมา วงไพ่ ,ไฮโล, กุ้งไก่ จับจองสถานที่กันแล้ว ชาวบ้านผู้มาเป็นเพื่อนเจ้าของงานศพ ต่างแยกย้ายกันไปตามกลุ่มนักพนันซึ่งมันก็อยู่ในสายเลือดของพวกเขา มือไฮโลมักเป็นนักพนันมืออาชีพที่มาจากต่างบ้านทำมาหากินด้วยการสั่นไฮโลในงานศพ ไม่ว่าจะอยู่ไกลปานใดพวกนี้จะเสาะแสวงหาจนเจอ เสียค่าตั้งวงให้กับเจ้าของงานแล้วก็หาทำเลได้เลย
ยิ่งเป็นคืนสุดท้าย ชาวบ้านต่างแน่นขนัดตลอดคืนไม่ต่างจากตลาดสดมากนัก รถก็จอดออกันเต็มสองฝั่งทางตั้งแต่ดาวพระศุกร์ขึ้นจนคล้อยต่ำเมื่อรุ่งสาง ก็ไม่ได้ทำให้นักพนันรู้สึกถึงกาลเวลาไม่ เสียงโห่เสียงเชียร์ ยังคงแว่วไหวจนพระมาสวดโน่นแหละถึงเลิกลา
๓
ศพของเฒ่าแสงยังคงนอนอยู่บนผืนเสื่อขาด แกไม่ได้นอนในโลงแอร์ นอกจากสายลมหนาวเท่านั้นที่ผ่านมาให้รู้สึกถึงความเย็น ชั่วชีวิตค่อนวัยชรา ลูกหลานไปแสวงหางานทำที่เมืองกรุงฯ ต่างไม่เคยกลับมาเยี่ยม แสงสีดูดเอาลูกของแกให้จมปลักอยู่กับสังคมเมือง จนมันอาจคิดไปว่าเกิดมาจากโรงงาน ลืมไปเลยว่ามีพ่อแม่ที่แก่เฒ่าเฝ้ารอคอย เฒ่าแสงไม่มีไร่นาแกรับจ้างเขามาตลอด ยิ่งแก่ตัวจะไปทำงานรับจ้างเหมือนเก่าก่อนนั้นร่างกายก็ไม่อำนวย มันขบมันล้าไปทั้งเอ็นกระดูกจะนั่งพักสังขารนายก็ด่าทั้งหักค่าแรง หาว่าทำงานเงอะงะ จนสุดท้ายเลิกจ้าง
ดวงตาของเมียคู่ยากบอดสนิทตั้งแต่อายุห้าสิบกว่าๆ ด้วยว่าไม่มีเงินพอไปหาหมอบำบัดรักษาให้ถูกวิธี นางจึงตกอยู่ในโลกมืด มีเพียงมือของเฒ่าแสงเท่านั้นที่จูงนางมาเป็นระยะเวลาหลายปี เฒ่าแสงยังพอมองเห็นฟ่าฟาง ก็พาเมียคู่ยากเดินเท้าเปล่าไปตามถนนยางมะตอยตั้งแต่ตีสี่ตีห้า เพื่อเข้าไปขอทานในเมือง ได้เศษตังค์จากผู้ใจบุญเล็กน้อย พอได้ซื้อกล้วยน้ำว้าสักหวี มากินกับข้าวเหนียว เฒ่าแสงได้แต่เฝ้าภาวนาอย่าให้ตนตายก่อนเมียคู่ทุกข์เพื่อว่าจะได้อยู่ดูแล แต่คำภาวนาก็ไร้ผล แกหลับใหลไม่ตื่นตอนค่อนรุ่ง ปล่อยเมียตาบอดให้อยู่บนโลกหนาวเหน็บเพียงลำพัง ไม่มีมืออุ่นจะจูงเดินต่อไปอีกแล้ว
เสียงสวดจากในหมู่บ้านยังคงแว่วมา&. นางได้แต่พนมมือฟังเสียงพระสวด และอธิฐานจิตให้ผัวไปสู่แดนสวรรค์เช่นกัน คำอธิฐานยังไปไม่ถึงครึ่งทางต้องพรัดหล่นจากฟากฟ้าเสียก่อน เมื่อรถกระบะตอนครึ่งทางจอดสงบอยู่ไม่ไกลนัก จากศาลาพักศพของวัด เสียงฝีเท้านั่นเดินตรงเข้ามา นางยิ้มบนแก้มเหี่ยวย่น
หลวงพ่อหรือ นิมนต์สวดส่งวิญญาณให้เฒ่าแสงหน่อยเถิด นางพนมมือผอมเหนือเส้นผมขาวโพลน
ไม่ใช่หรอกยาย ผมจะมาบอกให้ยายเคลื่อนศพเฒ่าแสงไปไว้ท้ายป่าช้าโน่น เขาจะเอาศพพ่อกำนันมาไว้ที่นี่ ก่อนทำพิธีเผา พวกผมมาเตรียมผูกผ้าประดับศาลา
ขอให้มันได้อยู่ชายคาศาลาได้หรือเปล่า จะได้ฟังพระสวด เอาไว้มุมใดมุมหนึ่งก็ได้ ข้าอยากให้มันไปสวรรค์ ชาติหน้าจะได้ไม่ทุกข์ยาก
ยิ่งไม่ได้ใหญ่ พวก ส.ส. ผู้ว่าฯ หรือข้าราชการต่างๆ แขกเหรื่อมากมายเขาก็มาร่วมมันจะดูไม่งามตาเอา
เสียงของเด็กหนุ่มคล้ายฉุนขึ้น
ข้าอยากให้มันไปสวรรค์ น้ำตาของนางไหลอีกแล้ว
ชายหนุ่มหลายคนยกศพของเฒ่าแสงราวทำกับขยะสิ่งปฏิกูล จริงแท้ความจนคือสิ่งปฏิกูลของสังคม มันวางศพลงหลังรถดังกระแทกจนนางได้ยินขอร้องให้เบามือ มันจูงมือนางให้ขึ้นไปนั่งบนหลังรถ แล้วตะบึงเหยียบคันเร่ง ไม่ถนอมทั้งคน,ศพ สู่ท้ายป่าช้า ร่างของนางโยกคลอน หัวใจนางโยกคลอนกว่า
งานศพของขอทานเฒ่าถูกจัดอยู่ท้ายป่าช้า บนเสื่อผืนขาดและกระถางธูปเล็กๆ นั่นก็มีเพียงธูปดอกเดียวของนาง ผู้ที่มาร่วมงานศพเห็นเป็นเหล่าแมลงวัน มันบินเสียงดังราวพัดลมแก่คราง ไหนจะแมลงอื่นๆ อีกเล่า ต่างหลั่งไหลกันมา แมลงวันวางไข่เหนือศพ เหมือนประหนึ่งมอบดอกไม้จันสีขาว ตัวแล้วตัวเล่า มืออันเหี่ยวหยาบของนางโบกผ้าผืนมอซอไล่อยู่ไม่ว่างมือ นางใช้มือคลำไปบนร่างของเฒ่าแสงเพื่อเก็บขี้แมงวัน กลัวว่าการหลับไหลของเฒ่าคู่ยากจะถูกกวน
๔.
หลังสิ้นพิธีสงฆ์ในช่วงเพล ขบวนรถถูกจัดประดับประดาด้วยผ้าผูกเป็นรูปดอกไม้งามตา ดูเหมือนมีเพียงงานศพกำนันเท่านั้นที่จัดได้ยิ่งใหญ่ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา รถจอดต่อแถวยาวตั้งแต่หัวบ้านจรดท้ายบ้าน ไหนจะขบวนชาวบ้านที่เดินเท้าอีกเล่าทอดยาวขยายแนวออกไปสุดลูกหูลูกตา โลงแอร์ถูกยกออกเปลี่ยนเป็นโลงไม้ลายทอง มีเทพเทวดาประดับงามหลาย ลายกนกราวเถาวัลย์ให้เกาะดึงขึ้นสวรรค์ โลงถูกยกเบามือไม่ให้กระเทือนการนอนของกำนันจากเพื่อนพ้องชาวบ้านที่เป็นชาวนา ยกขึ้นรถประดับดอกไม้ ที่โยงต่อสายสิญจน์เอาไว้ด้วยกัน ปลายสายสิญจน์คือผู้ชักนำวิญญาณไปสู่สุคติสุขในภพชาติ ต่อแถวยาวทั้งลูกหลานที่บวชหน้าไฟอีกเกือบยี่สิบ ไหนจะพระที่นิมนต์มาครบทั้งตำบล ต่อแถวยาวจีวรเหลืองพลิ้วสะบัดล้อลมหนาวยามบ่าย มุ่งไปสู่ป่าช้าจุดนัดหมายแห่งความตาย
รถเคลื่อนเสียงดนตรีส่งท้าย ด้วยเพลงโศกแห่งชีวิต น้ำตาใครต่อใครเริ่มไหลไปตามกัน เมียกำนันสะอื้นจนเป็นลม ลมบ้าหมูหมุนวกเป็นลูกข่างพัดเอาเศษฟางในทุ่งกว้างปลิ้วคว้างเต็มฟ้าจาง ขบวนแถวงานศพขยับย้ายไปบนทาง
ศาลาพักศพถูกเปลี่ยนเป็นคล้ายวิมาน ด้วยผ้าผูกและดอกไม้ประดับตบแต่งมันน่าจะเป็นคฤหาสน์มากกว่าศาลาพักศพธรรมดา โซฟาบุนวมวางยาวให้แขกคนสำคัญได้พักก้น เครื่องดื่มประเภทไร้แอลกอฮอล์ก็ถูกเรียงรายมาจากเด็กสาว บนแก้วพลาสติกบรรจุน้ำแข็ง ดื่มให้เย็นคอดับร้อนได้ดีแท้ ส่วนทิวแถวขบวนศพก็วกอ้อมศาลา พร้อมโยนดอกเงินดอกทองในห่อกระดาษแก้วหลากสี เด็กน้อยลูกคนยากวิ่งหัวชนกันแทบปริเพื่อแยกเม็ดเงิน บางเอาตีนดำเหยียบตะครุบ บางกระโดดเกือกกลิ้งทับ เม็ดเงินถูกหว่านไปทางไหนทายาทชาวนาก็จะวิ่งไปทางนั้น ให้พวกคนเมืองแอบหัวเราะกันอยู่ในลำคออันอ้วนกลม
ศพถูกยกมาวางบนศาลาอีกครั้ง โยงได้สายสิญจน์ให้พระในพิธีสวดส่ง เสียงพระเกือบห้าสิบองค์นั้นสวดโดยพร้อมเพรียง ดังกระหึ่มถึงเพดานสวรรค์ ตบท้ายด้วยการชักผ้าบังสกุลและให้พร รับจตุปัจจัยโขอยู่ พิธีกรรูปหล่อในงาน ออกมายืนท่ามฝูงชนประกาศเกียรติคุณความดีงามของกำนันชนิดละเอียดยิบตั้งแต่เกิดจนตาย ทั้งชีวิตของกำนันไม่เคยทำบาปเลยเป็นเทวดาโดยแท้ ในนั้นไม่มีเรื่องของดอกเบี้ย,ไม่มีเรื่องของราคาข้าว,ไม่มีเรื่องของการจำนองที่นา, และอีกหลายเรื่องที่ชาวบ้านไม่รู้
ลูกหลานของกำนันต่างร้องไห้เมื่อเสียงอันทรงเสน่ห์ของพิธีกรดึงและเล่นล้อกับอารมณ์เศร้าได้อย่างน่านับถือ ทุกคนตั้งใจฟังและไม่มีใครจะแย้งได้ เมื่อกล่าวจบลง ทุกคนต่างยืนไว้อาลัยโดยพร้อมเพรียงเพลงปี่พาทย์ถูกขับขึ้นผสมลมหนาวกล่อมป่าใบไม้แห้ง หนาวเยือกถึงวิญญาณ พลุหลากดวงถูกจุดก้องกระหึ่ม ใบไม้หล่นกราว แผ่นดินสะเทือน เทวดาจำเป็นต้องตื่นขึ้นมารับรู้ และเพ่งมองเครื่องเซ่นอันหอมยวน
แถวพระขึ้นวางดอกไม้จันเหนือร่างกำนัน แล้วตามด้วยลูกหลานเครือญาติ แขกบ้านแขกเมือง ตามลำดับความสำคัญทางชนชั้นจนมาถึงชาวบ้าน กว่าจะวางดอกไม้จันเสร็จก็กินเวลายืดยาว ไม่นานไฟก็ถูกจุดพรึบขึ้น ร่างของกำนันก็ไม่ต่างจากร่างของคนอื่นไม่ทนไฟและต่างกลับกลายเป็นเถ้าธุลี
๕. นางพนมมือรับฟังเสียงพระสวดจากงานศพฟากป่าช้า ด้วยหัวใจอันปลื้มปีติเพียงลำพัง มือของนางสั่นเมื่อพระสวดยถาฯ เพื่อให้พร นางคลำหาขวดน้ำที่เตรียมมาหยาดในถุงหมาก มือของนางสั่นรินน้ำลงผืนดิน อีกมือก็ไล่แมงวันที่บินวนเกินสามรอบ น้ำตาของนางไหล ปากเหี่ยวของนางขยับพูด เอ็งขึ้นสวรรค์แล้วเฒ่าแสงเอ๊ย ยังแต่ข้าละทีนี้