สองวิถี .....................
เหงื่อคน ... นี่มันมีรส ... เค็ม
เมื่อสถาวะอุณหภูมิในร่างกาย สูงขึ้น กล้ามเนื้อถูกใช้งานไปทั่วร่าง
พลังงานจากข้าวกระเพราไข่ดาว อาหารสิ้นคิดของคนในสังคมเมือง
ถูกแปรผันมาเป็นแรงยกจอบขึ้นเหนือหัว พาดลงบนดินเป็นก้อน ๆ ...
ยามนั้นแหละ ที่หยาดเหงื่อที่แสนเค็มหยดนั้น ...... ไหลเข้าตาผม
แสบ ... ผมแสบตา
ไม่สิ .......
ผมแสบไปถึงใจ
ให้ตายเหอะ ... นี่มันอะไรกันว้า
ผมจบถาปัด' ถึงแม้มันจะเป็นเพียงแค่วุฒิ ปวส.
แต่มันก็สอนให้ผมคิดเป็น วิเคราะห์เป็น
มองโลกในสามมุม .. ศิลปะ .. การใช้งาน และ ... เงิน
( Art , Function and Money )
ไม่มีตรงไหนในตำรา ที่สอนผมว่า ผมต้องใช้ Power มหาศาลปานฉะนี้นี่หว่า
...
โอกาศ มาถึงคนไม่เท่ากัน
มันไม่เหมือนฝน ที่บางครังก็ตกไม่ทั่วฟ้า
แต่คนที่อยู่ในรัศมีห่างกันไม่เกิน 2 เมตร ก็ควรจะเปียกไม่มากไม่น้อยกว่ากันแน่
ผมกับน้องสาวผม .. คงใกล้กันมากกว่านั้น
แต่ผมจบ ปวส. น้องสาวผมจบปริญญาโท
เฮ้ย .. อะไรทำให้เราสองคนพี่น้องห่างกันขนาดนั้น
วิถีชีวิตของเรา หรือกระบวนการเรียนรู้ที่ต่างกันของเรา
หรือเป็น Operation System ของเราสองคนที่ต่างกัน
OS ของชีวิตน้องสาวผม เหมือน Windows ที่มีแอพพลิเคชั่นที่รองรับมากหลาย
มีเซอร์วิสที่ออนไลน์ได้ทุกเมื่อ
Os ของผม ... มันลีนุ๊กซ์
มันมีแต่ความแปลกใหม่ มันไม่รองรับวิถีชีวิตที่เป็นธรรมชาติของสังคมเมือง
แต่มันท้าทาย
...
ผมมองหลุมลึก 60 ซม. เบื้องหน้า
ก่อนจะค่อย ๆ ประคองต้นปรงต้นนั้น ลงไปในหลุม
ผมหวังว่า .. มันจะเจริญเติบโต
มันจะเป็นส่วนหนึ่งของงานจัดสวน ที่ผมแสนจะภาคภูมิใจ
งานที่ผมรัก .. สิ่งที่ผมศรัทธา
ผมอดคิดไม่ได้ว่า ในเวลาเดียวกันนี้ น้องสาวผม จะขับโตโยต้าวีออส ไปพรีเซ็นต์งาน
กับลูกค้า
มันดูจะเป็นสิ่งที่ผกผันกันเชิงสมการชีวิตของเราสองคนพี่น้อง
แต่ ......................
ผมคิดว่า OS ของชีวิตคน เปลี่ยนแปลงตามใจ แบบการเปลี่ยน OS คอมพิวเตอร์ไม่ได้
ชีวิตคน Format ใหม่ไม่ได้
มีแต่ Forward เท่านั้น
มันมีแต่การรุกคืบไปเบื้องหน้า ............................. เท่านั้น