ป า น สี แ ด ง ! ! ๑ ( แ ป้ ง ใ น ถั ง น ว ด )

by หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก @28 พ.ย.47 17.24 ( IP : 203...120 ) | Tags : นิยาย
photo  , 250x165 pixel , 8,077 bytes.

แป้งในถังนวด

๑). ถัดจากกองร้อยสารัตรทหารไปทางขวามือ    เป็นห้องแถวที่สร้าง ด้วยไม้จำนวนหกหลัง    ล้วนแล้วแต่รูปทรงเดียวกันทั้งสิ้น    ชั้นเดียวหลังคาลาดปูด้วยกระเบื้องแดง    กว้างห้าเมตรยาวยี่สิบ    ฟุตบาธลาดซีเมนต์ฉาบผิว
มีคูระบายน้ำคั่นกลางระหว่างบ้านกับถนนใหญ่    ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงเรียนเด็กเล็ก    อยู่ในพื้นที่พอจะปลูกอาคารไม้สองชั้นสักสองห้อง    โดยไม่เบียดชิดกันนักกับลานเอนกประสงค์ และซุ้มเฟื่องฟ้า    ถัดไปทางซ้ายมือโรงเรียนอีกสองห้องเป็นบ้านป้าจวน    หญิงชราผิวดำสนิทผู้ชอบสะสมกล่องกระดาษและหนังสือพิมพ์ที่เก็บได้    แล้วตัวแกเองออกมากินอยู่ตามฟุตบาธหน้าบ้าน    ถึงแม้ไฟฟ้าจะมีใช้ทุกหลังคาเรือนมานานแล้ว    แต่ป้าจวนก็สมัครใจจะให้บ้านแกมืดมิดอยู่งึมงำ ผิวกูจะกร้าน เป็นหญิงชราที่ชอบหมกตัวในความมืดยามค่ำคืน  และมีความสุข กับการนับกล่องกระดาษอันพะเนินเทินทึก

ข้ามถนนกลับมาทางฝั่งเดิม    บ้านครูรับอยู่ติดกับห้องแถวเป็นหลัง สุดท้าย    ต้นไม้ร่มครึ้มมีอาณาเขตรั้วลวดหนาม    ครูรับเกษียณมาอยู่คนเดียว    เมียตายเมื่อสามปีก่อนและไม่มีลูกหลานสักคน  ความที่เป็นครูสอนคนทำให้แกได้รับความเชื่อถือไว้วางใจจากคนละแวกนั้น    ทุกเย็นแกจะเดินไปตามทางถนน      ก้าวเดินของแกจะมีเสียงไม้เท้าเคาะพื้นตามจังหวะเท้า  ไม่นานและไม่เหนื่อยนักก็จะถึงวัดใกล้บ้าน    ทำวัตรเย็นร่วมกับคณะสงฆ์    ฟังเทศน์ฟังธรรมอยู่คุยกับเจ้าอาวาส    จนเห็นว่าน่าจะได้เวลากลับบ้านแล้ว      แกไม่มีนาฬิกาข้อมือ    และไม่เคยดูนาฬิกาลูกตุ้มในกุฏิเจ้าอาวาส    แกมีความรู้สึกว่าควรกลับได้แล้ว    เมื่อเจ้าอาวาสขานตอบด้วยเสียง  อือ  ยาวๆในลำคอ บ้านหลังที่หกเช้าวันนั้น    ลมเย็นชื้นของฤดูฝนแผ่วอยู่เบาบาง ผ้าแพรหลากสีที่โอบพันศาลพระภูมิสั่นไหวอยู่น้อยน้อย    ควันธูปที่ใกล้จะหมดก้านลอยกลิ่นตามลม    ภายในบ้านเงียบเชียบ    มีเพียงเสียงฝีเท้าก้าวเดินไปมาของแม่    อุ้มทารกผู้ชายแนบทรวงด้วยดวงตาตระหนก  แกว่งแขนต่างเปลปลอบประโลมให้ลูกน้อยหายสะอื้น    แม่ถอนใจอยู่เป็นระยะ    ได้ยินเสียงรถสามล้อผ่านมาก็ชะเง้อมองด้วยความหวัง    เตี่ยของเด็กน่าจะกลับมาจากขายของได้แล้ว    คันแล้วคันเล่าผ่านไปลมชื้นก็ยังคงระบัดเงียบเหงา    ทารกร้องไห้มาตลอดคืน  ตัวร้อนผ่านด้วยพิษไข้    มีรอยยุงกัดเป็นจุดตามวงหน้าและลำแขน    แม่กอดลูกน้อยไว้นิ่ง  นึกสงสัยว่าทำไมป่านนี้เตี่ยของเด็กยังไม่กลับ    เขาเป็นคนเอาการเอางาน  ไม่เคยเที่ยวเตร่เถลไถลไปไหนโดยไม่บอกให้รู้

อาการของทารกทำให้แม่ว้าวุ่น    เริ่มด้วยไม่ยอมกินนม    เอาแต่ร้อง ไห้    และตามมาด้วยการถ่ายอย่างต่อเนื่อง    จนเมื่อราวๆตีหนึ่งก็เหมือนแม่อุ้มเหล็กเผาไฟแดงสุกเอาไว้    ได้แต่เอาผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดเนื้อเช็ดตัวไปตามเรื่องตามแกน    ชะเง้อคอยเสียงจักรยานสามล้อจะฝ่าสายฝนมาจอดหน้าบ้านสักคัน
นับชั่วโมงๆเลยทีเดียวกว่าทารกจะหยุดร้องไห้เพราะเหนื่อยหอบ    มีแต่อาการสวะอื้นและตัวที่ร้อนผ่าวเท่านั้น  ที่บอกว่าอาการไม่ได้ทุเลาลงเลย คงติดฝนที่ไหนสักแห่ง แม่คิด กระชับผ้าผืนหนาให้ลูกน้อย    ทารกหยุดถ่ายเพราะไม่มีอะไรจะ เหลือให้ถ่าย  ฟ้าใกล้สางเต็มที  แต่มืดเมฆนั้นมัวหม่นเกินจะกะเวลาได้  มีแต่เสียงหยาดฝนหยดลงหลังคา  และต้นตะขบกราวใบเล่นลม  แม่นั่งอุ้มลูก  เฝ้าคอยสามล้อจะไปโรงพยาบาลสักคัน    ธูปหมดก้านไปนานแล้ว    ฝนเริ่มซาเม็ด  ฟ้าเริ่มสาง    แม่จึงอุ้มเหล็กเผาไฟสุกแดงเดินไปตามทาง    แม่จะพาลูกไปโรงพยาบาลที่ไกลแสนไกล

เหมือนเส้นทางไปโรงพยาบาลนั้นไกลแสนไกล  และนานเนิ่น นับเดือนนับปีกว่าเตี่ยจะนั่งสามล้อสวนกลับมาเจอระหว่างทาง  ท่าทางเหนื่อยอ่อนของสามีทำให้แม่ไม่กล้าต่อว่าอะไรรุนแรง    แม่รู้ว่าเขาไม่ใช่คนเหลวไหล  แต่เป็นคนรักลูกเมียอย่างที่สุด    เตี่ยรับทารกมาอุ้ม    เหมือนจะมีเสียงฉ่าดังมาทันที    บริเวณแขนที่เปียกฝนของเตี่ยระเหยความเย็นไปจนหมดสิ้น  รับรู้ความร้อนผ่าวของเนื้อนิ่มนั้นอย่างวิตก    เตี่ยไม่พูดอะไรแม้คำเดียว  รีบอุ้มทารกขึ้นรถสามล้อไปโรงพยาบาลทันที ลื้อทำใจดีดีไว้    เด็กไม่สบายเรายังมีหมอ    ไอ้ตี๋เป็นผู้ชาย มันจะต้องแกร่งอย่างที่ผู้ชายจะเป็น      ลื้อต้องนอนให้อิ่ม  อย่าให้ไม่สบายอีกคน

แม่มาอยู่ที่นี่เมื่อสามปีก่อน    จากผู้หญิงบ้านนอกผิวเกรียมแดด มาทำงานสารพัดตั้งแต่ขายของหน้าร้าน    ตลอดจนเลี้ยงลูกเถ้าแก่เจ้าของร้านขายของชำแห่งหนึ่ง  เพราะมาจากครอบครัวชนบทที่อยู่ในกรอบจารีตประเพณีเก่าแก่    และเพราะการสั่งสมถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นถึงวัฒนธรรมอาวุโส    แม่จึงเป็นคนงานที่เป็นที่รักของครอบครัวเถ้าแก่    เถ้าแก่เป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่    อพยพมาปักหลักตั้งฐานหนีความยากลำบากของแผ่นดินเกิด  ซึ่งภาวะสงครามดูเหมือนจะมิเคยสิ้นสุดลงไปสักที    จากคนเดินเร่ขายของตามตลาด  ก็เขยิบมาเป็นลูกจ้างร้านขายรองเท้าส่ง    ติดรถไปตามต่างจังหวัดบ้างเป็นบางครั้ง  ความที่เป็นคนขยันการงานขันแข็ง  เรียนรู้งานได้เร็ว    มีความทะเยอทะยานในการงานเสมอ  เถ้าแก่จึงได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้เฝ้าดูแลร้านรองจากเจ้าของ  ครั้นกิจการก้าวหน้าและมีคนงานช่วยเจ้าของร้านได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย    เถ้าแก่ก็ลาออกจากงาน    ด้วยเหตุผลต้องการที่จะทำอะไรก็ได้ที่เป็นของอั๊วเอง    จึงเงินเดือนที่เจ้าของร้านเพิ่มให้อีกเกือบเท่าตัว  ไม่สามารถยุดยื้อไว้ได้ เจ้าของร้านมอบเงินให้จำนวนหนึ่ง    สำหรับเป็นทุนใช้จ่ายในการ ทำอะไรก็ได้ที่เป็นของอั๊วเอง  พร้อมแนะนำให้เถ้าแก่เปิดร้านขายของชำ    ถึงจะเก็บเล็กเก็บน้อยแต่ก็ได้เก็บทุกวัน    อดทนอดออมเอาไว้  สักวันหนึ่งความตั้งใจจริงจะส่งผลให้ปรากฏ

เถ้าแก่อายุมากกว่าแม่หลายปี    เลี้ยงดูแม่เหมือนเป็นพี่น้องสกุลเดียว กัน    สั่งสอนอบรมในสิ่งที่แม่ควรเรียนรู้    ตำหนิติเตียนในสิ่งที่แม่ไม่พึงปฏิบัติ    เถ้าแก่เนี้ยเป็นชาวจีน    สวยและเรียบร้อยราวว่าฟ้าได้สร้างคนทั้งสองให้มาคู่กัน      ลูกน้อยเพศหญิงอ้วนจ้ำม่ำ  มีเค้าว่าจะสวยเหมือนแม่

เตี่ยเป็นเพื่อนกับเถ้าแก่    ไปมาหาสู่จิบน้ำชาคุยกันอยู่เสมอ    เตี่ย มักจะสวมเสื้อผ้าที่ตัดจากร้านชาวจีน    สวมหมวกแบนๆดึงปีกหน้าลงต่ำมาปรกคิ้วซ้ายนิดๆ    มักจะมองดูแม่ด้วยอาการนิ่งเงียบ  ครั้นแม่สบตาก็จะผงกหัวช้าๆทักในอาการครุ่นคิด      สีหน้านั้นเรียบเฉยเสียจนทายใจไม่ถูก  เตี่ยจะมาหาเถ้าแก่เดือนละครั้งสองครั้ง    แล้วร่นมาเป็นอาทิตย์ละครั้ง    เหมือนแม่จะรู้ความนัยอะไรบางอย่าง    จึงทุกครั้งแม่จะพยายามเลี่ยงไม่อยู่ในบริเวฯสายตาเตี่ย    ผ่านไปสี่เดือนเตี่ยก็เริ่มมาทุกวัน      กระทั่งวันหนึ่งเป็นการพูดคุยที่ยาวนานกว่าปกติ  ลักษณะท่าทางยิ้มแย้มหัวเราะและหลอกล้อของเถ้าแก่มีมากกว่าทุกครั้ง    เตี่ยกลับไปพร้อมรอยยิ้มที่มอบให้แม่เต็มๆเป็นครั้งแรก

คืนนั้นเถ้าแก่เรียกแม่ไปคุย    มีเถ้าแก่เนี้ยนั่งอุ้มคุณหนูใกล้ๆ    แม่ ทำอะไรไม่ถูกเมื่อเถ้าแก่บอกว่า    เพื่อนที่มาหาทุกวันได้สู่ขอแม่เมื่อยามเย็น อั๊วยินดี  แต่ก็ต้องแล้วแต่ลื้อและทางพ่อแม่ของลื้อ    เพื่ออั๊วมีไม่กี่ คนหรอกที่คบหาสนิทใจ  แต่แต่ละคนอั๊วเลือกเอาไว้เป็นเพื่อนสำหรับจะตายแทนกัน    อาเหลียงเป็นคนแรกที่อั๊วคิดถึง  แม่จึงได้รู้ว่าเพื่อนของเถ้าแก่คนนี้ชื่อ  อาเหลียง&

ปีกว่าๆที่แม่มอบชีวิตให้เตี่ย    ยืนยันความข้อนี้ของเถ้าแก่ได้เป็น อย่างดี      จากคนหาบข้าวต้มเป็ดยังชีพ    เตี่ยก็มาเปิดร้านบะหมี่เป็ดตุ๋นโต้รุ่งในซอยหน้าโรงหนัง      สร้างเนื้อสร้างตัวมาด้วยลำแข้งของตน  จนเมื่อแม่มาช่วยอีกแรงจึงได้ขยับขยายจากล็อคเดียวเป็นสองล็อค    มีน้องๆของแม่มาช่วยอีกสี่คน    เช่าบ้านราคาพอประมาณไม่ไกลจากโรงหนังนักให้อยู่ต่างหาก    และไม่นานแม่ก็ท้องแรก

เตี่ยกลับจากโรงพยาบาลอย่างอิดโรยเต็มที  แต่สีหน้านั้นสดชื่นขึ้น มามาก    แม่รีบถลันออกมารับพร้อมรอฟังข่าวอาการไข้ของตี๋ ตี๋เป็นลำไส้อักเสบ    ไม่รุนแรงนัก    ลื้อต้องระวังเรื่องอาหารการ กิน    โดยเฉพาะเรื่องน้ำ  หมอบอกว่าปีนี้คนเป็นโรคลำไส้โรคกรพเพาะกันเยอะ    กางมุ้งให้เสี่ยวตี๋ด้วยนะ
ประโยคสุดท้ายเตี่ยสั่ง    ก่อนจะขอตัวไปพักผ่อน    แม่เห็นเตี่ย เหนื่อยมากว่าที่เคย  แม้จะอยากรู้ว่าเมื่อคืนที่หายไปของเตี่ยนั้น    เตี่ยไปทำอะไรที่ไหน  แต่แม่ก็อดใจรอเอาไว้ให้เตี่ยได้นอนเต็มตื่นเสียก่อน

เตี่ยตื่นมาเกือบเที่ยง    แดดเปรี้ยงเต้นเป็นตัวอยู่บนถนนราดยางหน้า บ้าน      ที่นี่ฝนตกเกือบทั้งปี    แต่แดดก็กล้าเปรี้ยงลงมาหลังฝนตกอยู่เป็นปกติเช่นกัน    หลังคากระเบื้องคายไอร้อนผ่าวอ้าวอบ    เตี่ยตัวเหนอะเหนียวไปด้วยเหงื่อ    รู้สึกเพลียเพราะนอนไม่เต็มอิ่มอีกทั้งอากาศก็ร้อนวับวับ    เห็นแม่หลับอยู่ข้างเสี่ยวตี๋ก็คิดคำนึงไปถึงการรับผิดชอบสองชีวิต    เตี่ยวรู้สึกผิดที่ปล่อยให้สองแม่ลูกอยู่กันเพียงลำพังตลอดคืน    ยิ่งเสี่ยวตี๋ไม่สบายก็เหมือนยิ่งเห็นแม่ทุกข์หนักเป็นภาพติดตา    หลับไปเมื่อครู่ก็ใช่จะหลับสนิทไม่      พะวงเป็นห่วงจนอยากจะลุขึ้นมาทำเส้นบะหมี่    แทนทดชดเชยกับเวลาที่ผ่านไปอย่างไร้ค่าของเมื่อคืน    ไร้ค่า?      ไม่เสียทีเดียวหรอก    อย่างน้อยเตี่ยก็ได้รู้จักเพื่อนคนหนึ่งได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกว่าเดิม

บนโต๊ะอาหารมีกับข้าวอยู่สองสามอย่าง    แม่ทำเอาไว้ก่อนจะหลับ
ยังอุ่นๆอยู่    เตี่ยปิดฝาชีครอบไว้ดังเดิม    เดินไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น    นุ่งกางเกงขาสั้นมีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดบ่า    แล้วเดินไปเข้าห้องแป้งทำเส้นบะหมี่ทันที เสียงเครื่องครางเบาๆแต่ก็พอจะปลุกให้แม่ตื่น    มองตี๋น้อยด้วยดวง ตาห่วงใย    นึกสงสัยว่ารอยยุงกัดเป็นจุดเล็กๆที่จางรอยไปเกือบหมดแล้วนั้น    ทำไมมีจุดหนึ่งสีแดงจัดและเม็ดใหญ่กว่าเม็ดอื่นๆอยู่ที่เปลือกตาข้างขวา    เอามือลูบดูก็ราบเรียบไปกับผิวหนัง    หรือจะเป็นปานแดง?  ชาติก่อนเคยเป็นลูกของใครหนอ    เขาจึงรักและอาลัยถึงกับป้ายปูนแดงหมายเอาไว้ในชาตินี้    เป็นเทวดาองค์น้อยจากดาวดวงใดกันเล่า    จึงมีรอยอันแสนวิเศษติดกำเนิดมา  ชาติเป็นลูกของแม่  ให้น่ารักน่าอาลัยเหมือนชาติก่อนเถิด    ให้น่าอุ้มชูสมกับที่มาจากดาวดวงโพ้น    มาอาศัยท้องแม่เกิดก็ขอให้เป็นคนที่ฝักใฝ่ในธรรมในบุญในกุศล    ให้เกิดมาเพื่อสร้างแต่ความดีงามสมกับที่เกิดเป็นลูกของแม่ แม่ลูบหัวตี๋น้อยเบาเบา    ทารกลืมตาตื่นมองแม่    ดวงตานั้นกลมใส ซื่อปานดวงตาวัว    ตี๋น้อยยิ้มจนตาหยี  อวดเหงือกสีชมพูว่างเปล่า    มือสองไขว่คว้ากลางอากาศ  แม่จับปลายนิ้วลูกจูบหลังมือแผ่วๆ ไอ้ลูกวัว  ไอ้ลูกวัวของแม่

เตี่ยกับน้ากำลังสาละวันอยู่กับการขายของ    เตี่ยเป็นเถ่าชิ่ว    น้าดี เป็นคนใส่กับ    เตี่ยเติมน้ำซุปลงถ้วยแล้วส่งไปข้างหลัง    น้าลาสรับแล้วเดินไปส่งตามโต๊ะ  น้าชาติกับน้ารูญเดินโต๊ะเรียกลูกค้า    บริเวณรั้รเจ้าของโรงหนังแบ่งเป็นสองฟาก  มีถนนสายเล็กๆสั้นๆตัดจากถนนใหญ่เข้าโรงหนัง    แต่ละฟากถูกซอยออกเป็นล็อคๆ    มีตาข่ายลวดเส้นใหญ่กั้นเขตแดน    เดินเข้าโรงหนังล็อคของเตี่ยอยู่ซ้ายมือเป็นล็อคที่ห้า    อีกสองล้อคถัดไปเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อกับข้าวมันไก่

เหมือนเป็นการไว้อาลัยต่อดาราภาพยนต์ผู้เป็นที่รักครั้งสุดท้าย แต่ละคืนจึงแน่นขนัดไปด้วยฝูงชนล้นหลาม    ที่หลั่งไหลกันมาดูหนังเรื่องสุดท้ายของ มิตร  ชัยบัญชา    รอบค่ำถึงรอบมิดไนท์ทุกที่นั่งเต็มเก้าอี้เสริมไม่พอ ตั๋วผีหน้าโรงขายดิบขายดีสำหรับผู้ที่ไม่อยากต่อคิวอันยาวเหยียด    และต้องการความมั่นใจในการได้ชมภาพยนต์ประวัติศาสตร์    ตำรวจต้องมาดูแลฝูงชนให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย    ป้องกันการทะเลาะวิวาทและอาชญากรรมต่างๆที่มักเกิดขึ้นได้ง่าย      น้าชีพ-สิบเอกแห่งกรมตำรวจ    เดินไปเดินมาหน้าร้านของเตี่ย      กวักมือเรียกลูกค้าให้เข้ามานั่งในร้าน    ดวงตาแดงก่ำด้วยดีกรี    กลิ่นละมุดหึ่งไปทั้งร่าง    ทว่าชุดตำรวจที่แกภูมิใจนักหนานั้นอยู่ในสภาพเรี่ยม    ไร้สิ้นรอยยับรอยย่นหือคราบสกปรกแต่อย่างใด    โดยเฉพาะปืนข้างสะเอว      วาววับพอๆกับรองเท้าที่สามารถส่องแทนกระจกได้เลยทีเดียว น้าชีพเป็นเพื่อนของน้าชาติ    รักใคร่สนิทสนมกลมเกลียวกันเป็นอัน ดี    เหมือนเป็นพี่น้องคลานตามกันมา      แม่มักเปรยๆเปรียบน้าทั้งสองว่า ผีแห้งกับโลงผุ  ด้วยเจอหน้ากันคราใดสนุกสนานคราใด  มักตามมาด้วยเรื่องให้แม่ปวดหัวบ่อยๆ    เก็บร้านเรียบร้อยและเตี่ยกลับบ้านแล้วเมื่อไหร่    สองสหายจะไปนั่งโจ้เหล้ากันในไนท์คลับที่เปิดจนสว่าง  ลงว่าน้าชีพอนุญาตละก็    เรื่องอื่นใดก็ไม่น่ากังวล

แต่ละคืนผ่านไปด้วยดี    เป็ดถูกฆ่าส่งมาตุ๋นวันละห้าสิบหกสิบตัว ลูกค้ามากมายต้องสั่งเอาไว้ล่วงหน้าจนกระทั่งหนังจบจึงออกมากิน    บางรายต่อคิวไม่ไหวก็ไปร้านอื่น    ชื่อของ  แป๊ะ  หมี่เป็ด  ขจรไปทั่วเมือง        นักท่องราตรีมักจะมาปิดท้ายแต่ละคืนด้วยบะหมี่เป็นตุ๋นคนละถ้วย    ถ้วยละเจ็ดบาท คืนที่ชื่อของ แป๊ะ  หมี่เป็ด  เป็นที่เลื่องลือยิ่งขึ้น    เป็นคืนที่น้าชีพ เมาแประอยู่ในชุดตำรวจกลับโง้ง  ดึกโข-อีกไม่นานบานประตูโรงหนังจะเปิดออก  ถ่ายเทผู้ชมรอบมิดไนท์กลับบ้านตน  และจะเปิดอีกครั้งก็ต่อเมื่อเที่ยงวันพรุ่งนี้    เป็นคืนสุดท้ายของ อินทรีทอง  แล้ว  มิตร  ชัยบัญชา  ก็จะเหลืออยู่แต่ในความทรงจำ    ขณะนั้นน้าชีพกำลังกรุ่มดีกรีที่โต๊ะหน้าร้าน ไม่มีโต๊ะว่างเหลืออีกเลย  คนคอยโต๊ะเป็นแถวยาว    ใครที่มาใหม่ เมื่อเห็นแถวยาวเหยียดก็หันเหทิศทางไปยังร้านอื่น      สามคนสี่คน  สิบคนสิบห้าคน    น้าชีพยังนั่งดื่มเหล้าอย่างมีความสุข  แทะกระดุกปีกเป็ดอย่างเอร็ดอร่อย    เกือบจะหมดขวดอยู่แล้วและเหลือตีนเป็ดอีกเพียงหนึ่งอัน  น้าชีพเรอเสียงลั่น    หยิบทิชชูเช็ดปากแล้วพันห่อรอบแก้ว    รินเหล้านิดเติมโซดาอีกหน่อย    ชงด้วยนิ้วชี้ข้าวขวาสามสี่วนแล้วดูดดังจ๊วบ    เตี่ยยืนลวกหมี่หมั่นไส้จ้องตาถมึง    แกก็หันมายกมือไหว้ประหลกๆแล้วซดต่อไป ลูกค้าขาประจำชุดใหญ่มา    ไม่มีโต๊ะว่างสักที่  หนำซ้ำยังมีตำรวจ ขี้เมานั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าซดเหล้าหน้าร้าน  รีรีรอรอพักใหญ่ก็โบกมือให้เตี่ย  เป็นสัญญาณว่าโอกาสหน้าค่อยมาใหม่
เตี่ยหันมาทางน้าชีพ    เสียงเต๊าะกระดูกเป็ดฟังแล้วยิ่งโมโห  เสียงชง เหล้าแก้วสุดท้ายเสียงน้ำแข็งกระทบแก้ว    และเสียงซี้ดปาก  เตี่ยยิ่งเดือดดาล ไอ้ชีพ!  แล้วเตี่ยก็เอาจวักตักน้ำร้อนสาดไปบนหัวน้าชีพ นับแต่นั้น  น้าชีพไม่เคยนั่งดื่มเหล้าหน้าร้านอีกเลย  หลังจากยิ้ม เจื่อนๆให้เตี่ยทำเกาเหลาตีนปีกหัว    แกก็จะยกไปนั่งแกล้มเหล้าหลังร้าน    ใกล้ๆคูน้ำที่ล้างถ้วย  และใกล้ๆเสี่ยวตี๋ มีน้ามาช่วยงานเพิ่มอีกสามคนขณะที่ตี๋น้อยก็เริ่มที่จะอุ้มไปไหนมา ไหนได้ด้วยแล้ว    รอยจุดคล้ายๆยุงกัดก็ลามขยายใหญ่เป็นสีชมพูเต็มเปลือกตา    จ่าแลง-สารวัตรทหารกองร้อยสารวัตรใกล้บ้าน    มักจะเรียกว่า ไอ้ตาแดง  ท่าทางที่ขึงขัง  พูดจากระโชกโฮกฮาก  บอกถึงความเป็นคนดุ    ร่างกำยำบอกกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่ง      ทำให้ตี๋น้อยที่พอจะเริ่มรู้เดียงสาถึงกับกลัว    และร้องไห้จ้าเสมอเมื่อจ่าแลงเข้ามาใกล้    จ่าแลงพูดเสียงดัง    ตาเข้มคิ้วขมวดไม่ค่อยยิ้ม    ชอบหยอกตี๋น้อยเจ็บๆ  แต่แม่รู้ว่านั่นคือการแสดงความรักของผู้ชาย คนหนึ่ง    เป็นผู้ชายดุที่ขมเกินกลืน    ทุกครั้งที่แม่ต้องไปธุระข้างนอก    และไม่สามารถพาเสี่ยวตี๋ไปด้วยได้  แม่จะฝากไว้กับจ่าแลง  อย่างน้อยที่กองร้อยก็มีทหารอยู่ประจำสี่ห้าคน    พอที่จะช่วยดูแลตี๋น้อยได้บ้าง    จ่าแลงจะเป็นคนแรกที่เข้ามาอุ้ม    แล้วตี๋น้อยจะพยายามดิ้นให้หลุดจากวงแขนกำยำ    เสียงร้องไห้ยิ่งดังก็ยิ่งถูกกอดรัดแน่นขึ้น  ยิ่งร้องไห้ปานสีชมพูก็ยิ่งเข้มเป็นสีแดงคล้ำ จนแม่กลับมารับกลับบ้าน    จ่าแลงจะเตะตูดเสี่ยวตี๋เบาๆ  แล้วให้จ่า มูลอุ้มไปส่งแม่ จากทารกที่เจ็บออดๆแอดๆ  ก็เติบโตเป้นเด็กชายจ้ำม่ำแก้มยุ้ยแขน ปล้อง    กำลังหัดเดินเตาะแตะๆรอบบ้าน  จ่าแลงมอบของขวัญเป็นสร้อยสแตนเลสเล็กๆ    มีพระหลวงพ่อทวดห้อยอยู่ ไอ้ตาแดงมันซนนัก  ให้หลวงพ่อปราบๆมันบ้าง

ตี๋น้อยเริ่มเดินได้คล่อง    ลูกค้าที่ร้านก็ยิ่งมีมากขึ้นทุกคืน  เตี่ยบอก อยากได้คนงานมาเพิ่มอีกสักคนสองคน    แม่ไม่เห็นด้วย    แม่ต้องการจะออกไปช่วยงานเอง  เสี่ยวตี๋ก็แข็งแรงพอแล้ว  จับใส่รถนั่งของเด้กแล้วผูกเอาไว้ใกล้ๆก็คงไม่กระไรนัก    เสี่ยวตี๋ไม่ใช่เด็กงอแง    ยิ่งเจอคนเยอะๆยิ่งชอบ    ครั้นเตี่ยถามถึงบ้านที่ไม่มีใครเฝ้า  แม่ก็บอกว่าฝากกับสารวัตรทหารก้ได้    พวกนี้อยู่ประจำทั้งวันทั้งคืน หรือจะให้ป้าจวนมาช่วยดูบ้าน?  แกยิ่งว่างๆอยู่  แม่พูดยิ้มๆ เอาเข้าจริงแม่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก    เพราะต้องคอยกังวลเสี่ยวตี๋ ที่งอแงจะเที่ยว    อีกทั้งต้องคอยระวังอย่าให้น้าชีพเอานิ้วจิ้มเหล้าให้เสี่ยวตี๋ดูด  ทุกครั้งที่แม่เอ็ดตะโร    น้าชีพจะยิ่งหัวเราะชอบใจแล้วขยี้หัวเสี่ยวตี๋แรงๆ

ฤดูฝนผ่าน  แต่ฝนปลายปียังคงโปรยปราย    ล็อคตรงข้ามที่เคยเป็น แผงขายข้าวหมูแดงเพื่อนของเตี่ย  บัดนี้มันถูกปิดด้วยประตูเหล็กมีกุญแจคล้อง  แม่สังเกตุเห็นมาหลายวันจึงถามเตี่ยได้ความว่า การมีชีวิตอยู่  เราจำเป็นต้องรู้คุณคน    ถึงจะไม่มีใครมาลำเลิก แต่เราก็ต้องจดจำเอาไว้ให้แม่นยำ เตี่ยหยุดนิดหนึ่ง  เหมือนจะคิดเฟ้นประโยคมาต่อความ และการเกรงใจคนก็เป็นเรื่องสำคัญ    ยิ่งใครที่เรารู้สึกดีด้วย สนิทชิดใกล้มากขึ้นเพียงใด    เราก็ต้องยิ่งเกรงใจเขาให้มาก    จะได้รักใคร่กันต่อไปนานๆ แม่รับฟังอย่างงงงง    ร้านเก็บแล้วนาฬิกาบอกเวลาตีสองกว่า    น้าๆ ช่วยกันล้างของร้องเพลงคลอวิทยุดังลั่น      เตี่ยหันไปปัดยุงให้เสี่ยวตี๋ที่นอนบนโต๊ะ    แล้วเดินไปหรี่เสียงวิทยุ คืนที่เสี่ยวตี๋ไม่สบาย  ลื้อจำได้ไหม?  เตี่ยฟื้นความจำแม่ เจ็งมันก็ไม่สบาย    อยู่ๆก็เป็นลมล้มหัวฟาดพื้น  อั๊วเห็นพอดีก็ ตะโกนให้เมียมันรีบพาส่งโรงพยาบาล    เมียมันร้องไห้ทำอะไรไม่ถูก  ลูกๆก็โตกว่าไอ้ตี๋มันไม่เท่าไหร่  ไอ้เจ็งมันจะเสียเพื่อนก็เพราะเมียนี่แหละ เตี่ยส่ายหน้าเบื่อหน่าย    จุดบุหรี่วาบแดงยาวๆแล้วเล่าต่อ เมียมันวิ่งมาหาอั๊วให้ช่วยพาส่งโรงพยาบาล    อั๊วกำลังขายของอยู่ ลูกค้าก็เยอะแยะ  ไอ้พวกนี้..  เตี่ยชี้ไปที่น้าๆ ไอ้พวกนี้ก็ยืนเป็นเถ้าชิ่วไม่ได้สักคน    อั๊วเลยบอกให้มันปิดร้าน เพราะดึกมากแล้วด้วย    ลูกค้ามันก็หมดแล้ว  มันกลับชี้หน้าด่าเอาเสียหาย เตี่ยมองหน้าแม่  อธิบายเหมือนกลัวแม่จะเข้าใจผิด อั๊วไม่ใช่พ่อไอ้เจ็งมันนะ  ลูกเมียอั๊วก็มีต้องดูแล    ลูกค้ากำลังเยอะ จะทิ้งไปได้ยังไงกัน    เขาเอาเงินมาให้  ไม่ใช่มาทำความเดือดร้อนอะไรสักหน่อย  ลื้อก็รู้อั๊วไม่ใช่คนเห็นแก่เงินจนลืมชีวิตใครต่อใคร    แต่มันคือหน้าที่  อั๊วเป็นคนขายลูกค้าเป็นคนซื้อ  อั๊วขายเพราะอั๊วมีหน้าที่ขาย อั๊วเลยไล่เมียมัน  ผัวมันจะตายอยู่แล้ว  ยังมาเท้าวสะเอวด่าคนอื่น อยู่ได้    เลิกร้านก็ตามไปดูที่โรงพยาบาล  เมียมันไม่ทักไม่เรียกสักคำเดียว  เจ็งมันเป็นอะไรก็เลยไม่รู้    แต่ก็อยู่เป็นเพื่อนเมียมันจนเช้านั่นแหละ  ก่อนกลับก็ช่วยค่ายาไปสามร้อย  ไม่มีขอบคุณแม้สักคำเดียว ลื้อรู้ไหมไอ้เจ็งขายข้าวหมูแดงได้อย่างไร  อั๊วเห็นมันเดินร้องไห้ มาหาที่บ้าน    ถามดูก็รู้ว่าลูกเมียมันจะอดตายเพราะไม่มีเงิน    ทำมาหากินอะไรก็ไม่เป็นอะไรสักอย่าง  อั๊วให้เงินไปก้อนหนึ่งพร้อมสอนให้ทำข้าวหมูแดง  แล้วเซ้งแผงตรงข้ามนั่นแหละให้มันได้ขายของ  ก่อนอั๊วจะแต่งกับลื้อได้ไม่นาน ดูเหมือนว่าฝนจะแล้งดีแล้ว  เตี่ยดีดก้นบุหรี่ไปกลางถนน  แม่อุ้มตี๋ ขึ้นซ้อนจักรยานเตี่ยกลับบ้าน    เสียงน้าๆเดินร้องเพลงแยกไปอีกฟากทาง  ไฟดวงสุดท้ายของโรงหนังปิดสนิท    และก้นบุหรี่ก็ยับไปด้วยเท้าเตี่ยจมน้ำที่เจิ่งตรงนั้น

แสดงความคิดเห็น

« 3575
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 4 user(s)

User count is 2275700 person(s) and 9052226 hit(s) since 20 เม.ย. 2567 , Total 550 member(s).