ด้วยบทกวีนี้ ฉันจารึกนามให้ท่านซีดีย์
ในยามตะวันสาดแสงทาทาบทั่วหมู่บ้าน หัวใจฉันสัมผัสผิวถนนสีขาวโรยด้วยกรวด ก้อนหิน และต้นหญ้าที่แซมขึ้นท่ามกลางทางเดิน ถึงกลิ่นยาสูบมอดไหม้ในมวนใบจาก และควันพวยพุ่งจากเตาเผาถ่าน โอ..กระท่อมน้อยแสนรักใต้ลังคามุงจาก วัยเยาว์อันแสนไกลพร่างพราวด้วยดวงดาว กระชากหัวใจฉันแทบหลุดจากร่าง ด้วยความอาลัยอาวรณ์คิดถึงเจ้า
ครั้นแล้วฉันเผายาเส้นอเมริกันชน จิตวิญญาณฉันกลับรำลึกถึงบรรพบุรุษ ผู้ล่วงลับซึ่งนอนกำบังร่างใต้สุสานชุมชน ซีดีย์*ผู้เฒ่าทูนหัวผู้เป็นที่เทิดทูนเคารพยิ่งของฉัน ผู้เดินทางไกลสู่สุคติซุกอยู่ในดวงใจแห่งธรณี
บนหลุมฝังศพที่ไร้การจารึกนาม มีเพียงเนินดินเป็นลอนคลื่น เขาผู้เป็นซีดีย์แห่งบ้านริมเขา สถิตธุลีสังขารสลายสู่ธาตุเดิม
วันที่เขาลาจากโลกไป ฉันผู้เป็นทายาทมิได้ร่วมไปส่ง ณ ราตรีนี้ฉันได้กลับไปเยี่ยมท่าน มิใช่ร่างอันอนิจจังที่เยือนสู่เหย้า แต่เป็นจิตวิญญาณอันนิรันดร์ กลับสู่อดีต ปัจจุบันและอนาคต
กลิ่นใบยาสูบจากสวนริมรั้วบ้าน ใบจากม้วนมอดไหม้ในปากท่าน ควันโขมงโรยตัวขึ้นสู่ฟ้าเบื้องบน ใบหน้าสุขุมและรอยย่นบนหน้าผาก ที่ดูครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา เสียงอลีฟบาตา*ก้องกังวาน โสตสดับสรรพสำเนียง คือความทรงจำเก่าที่เหลืออยู่
ฉันชงกาแฟถ้วยที่หมื่น จุดยาเส้นมวนที่ล้าน เสียงกลองรบระรัวดั่งสนั่น กาฬสมัย มิคสัญญียุค มาตุภูมิแสนรักของฉัน ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ลานกว้างหน้าสุเหร่า ไม่ใช่ที่ชุมนุมของเราอีกต่อไป
โอ..ดวงวิญญาณแห่งบรรพบุรุษ
ซีดีย์,ถ้าท่านยังอยู่เฉกเช่นวันวาร
การใดที่ฉันและผู้คนของเรา
ควรจักกระทำและไม่ควรกระทำ
อยู่หรือไป นั่นคือคำถาม (ที่น่าคิด)
ฉันนี้ ณ บัดนี้ หลงทางไปในป่า
แห่งภาพลวงและมายาฝัน
ทั้งมารร้ายตามมาหลอกหลอน
เผด็จการทรราชย์คร่าชีวิต
ไม่เหลือริ้วรอยแห่งความสุขสงบ
ขบวนพาเหรดตบเท้ากันเข้ามา
ใต้เงาจันทร์กระจ่างฟ้า
เสียงหมาหอนในหุบเขา
รถไฟที่แล่นไกลออกไป
ลมอบอ้าวในค่ำคืนที่มืดมิด
ด้วยความปรารถนาหิวกระหาย
ละโมบโทสันในอำนาจ
แต่ลมหายใจแห่งกวี
บุตรหลานผู้สืบวัฒนธรรม
จะบันทึกเป็นตำนานเล่าขาน
ให้คงอยู่ตลอดกาล
*ซีดีย์(อาหรับ) มาจาก ซัยยิดีย์ ใช้เรียกผู้เฒ่าที่เคารพในชนเผ่า
ซัยยิด(นายท่าน)+อีย์(ของฉัน) เมื่อรวมกัน ได้ ซัยยิดีย์ เวลาอ่านเร็ว จะเป็น ซีดีย์
**อลีฟบาตา คือพยัญชนะอักษรสามตัวแรกในภาษาอาหรับ