ในที่สุดก็แหกมันออกไปเป็นแฟนตาซี(หรือเปล่าหว่า)
บทนำ
ส่วนที่1 บทเรียนกลางสนาม
ใต้ท้องฟ้าอันแสนสดใสในเช้าวันจันทร์ เด็กกลุ่มใหญ่ นั่งรวมกับนพื้นหญ้ากลางสนามไกลออกมาจากตึกทรงโกธิค ทั้งหมดอายุราว 6-7 ปีเท่านั้น พวกขากำลังตื่นเต้นกลับกองไฟที่เด็กชายคนหนึ่งจุดไว้บนมือตัวเอง
เป็นไงล่ะ พ่อฉันสอนให้เองล่ะ ฉันเป็นสายไฟที่มีพลังสูงสุดๆเลยเด็กชายกล่าวโอ่ พลางแกว่งมือที่ลุกเป็นไฟไปมา
เด็กคนอื่นจ้องมองกองไฟนั้นอย่างพิศวง ทันใด กองไฟก็พลันดับวูบลงทันที พร้อมกับเสียงกระแอมเบาๆ ชายกลางคนในเสื้อคลุมสีเขียว ยืนห่างจากกลุ่มเด็กเล็กน้อย ทันทีที่เห็นเขา เด็กทุกคนก็นั่งลงทันที
การจุดไฟในชั้นเรียนฉันไม่ใช่เรื่องผิด แต่การโออวดในสิ่งที่ตัวเองไม่มีความรู้ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย รู้ไหม เขากล่าว
ขอต้อนรับเข้าสู่ชั้นเรียนศิลปะการต่อสู้แห่ง Camper ฉันจะขอทวนความจำพวกเธอเสียหน่อย พวกเธอมาที่นี่เพื่อจะเติบโตไปเป็นกำลังสำคัญของบ้านเมืองตัวเอง เพราะฉะนั้นสิ่งที่พวกเธอต้องทำก็คือเชื่อฟังคำพูดของฉัน.....และอย่าจุดไฟในชั้นเรียนฉันอีกพ่อหนุ่ม
เขาตวาดก้องพร้อมชี้นิ้วไปที่เด็กชายที่นั่งด้านหลัง เปลวไฟบนมือของเด็กคนนั้นดับวูบลงทันที
อาจารย์ทำได้ไงฮะ? เด็กคนหนึ่งยกมือถาม
อาจารย์ดับไฟได้ไงฮะ ไฟที่จุดด้วยArtใช้น้ำก็ดับไม่ได้นี่ฮะ เด็กอีกคนเสริม
นั่นเป็นเรื่องที่เราจะเรียนกันในวันนี้ พื้นฐานของศิลปะการต่อสู้ หรือที่มักจะเรียกสั้นๆว่า Art
สิ่งแรกที่พวกเธอต้องทำความเข้าใจ นั่นคือ พื้นฐานของทุกสิ่งในโลกนี้ พื้นฐานของมันคือความว่างเปล่า ความไม่มี ฉันอยากให้เธอจำเอาไว้ ทุกสิ่งเกิดจากความว่างเปล่า และมันจะกลับสู่ความว่างเปล่า Artก็เช่นกัน สิ่งที่ดับไฟในมือของเธอก็คือArtเช่นกัน เพียงแต่Artของฉันกลับสู่ความว่างเปล่าไปแล้ว เช่นเดียวกับArtขั้นสูงทั่วไป
รอยยิ้มน้อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาเมื่อเห็นเด็กๆตั้งใจฟัง
เอาล่ะ ใครจะบอกฉันได้บ้างว่า Art คืออะไร?
เด็กคนหนึ่งยกมือขึ้นก่อน ตอบ
Art คือความสามารถในการต่อสู้โดยใช้ธาตุในกายฮะ
ธาตุอะไร?ผู้เป็นครูถามต่อ
ดิน น้ำ ลม ไฟ และอากาศค่ะเด็กหญิงอีกคนตอบ
คำตอบของพวกเธอถูกต้องแต่ยังไม่ทั้งหมด Artไม่ใช่การใช้ธาตุในกายต่อสู้ แต่มันเป็นธาตุในโลกนี้ เพียงแต่คนเรามีความสามารถในการดึงดูดธาตุต่างๆได้ไม่เท่ากัน บางคนดึงธาตุไฟได้มาก แต่ไม่สามารถดึงธาตุลมได้ ส่วนอีกคนดึงดูดธาตุไฟไม่ได้ แต่กลับดึงดูดธาตุน้ำได้ดี นี่คือสาเหตุที่มีการเเบ่งเป็นสายขึ้น จำเอาไว้ให้ดี Artมาจากความว่างเปล่า
ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ ทั้ง5นี้ถูกเรียกว่า 5 สายหลัก แต่ในความจริง Artก็ไม่ได้มีเพียง 5 สาย จริงๆแล้ว Art มีนับพัน นับหมื่นสาย เพียงแต่ในเราสามารถดึงธาตุทั้ง 5 ได้มากกว่าธาตุอื่น ฉันขอให้พวกเธออย่าแปลกใจหากต่อไปเธอต้องเจอกับArtสายMachanic หรือสายเครื่องยนต์
อาจารย์ครับ เครื่องยนต์คืออะไรครับ
เครื่องยนต์เป็นผลพวงจากวิทยาศาสตร์
แต่วิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่ไม่ถูกยอมรับนี่ฮะ
ถูกต้อง ในโลกของเรา เราไม่ยอมรับวิทนาศาสตร์ แต่อย่าได้ดูถูกพลังของมันเชียว เท่าที่ฉันรู้มา วิทยาศาสตร์ สามารถสร้างสิ่งที่มีพลังได้อย่างไม่ยากเย็น
เอาล่ะ เราจะมาเข้าเรื่องกันต่อ โดยปกติ ผู้คนธรรมดาจะมีArt 5สายหลักอย่างที่เธอรู้ แต่ในความเป็นจริง อากาศ หรือที่เรียกกันว่าAirrial จะมีอยู่ในทุกตัวคน และ Airrial เป็น Artสายเดียวที่ไม่ส่งเสริมการต่อสู้โดยตรง นั่นคือ เธอไม่สามารถจะใช้ Airrial โจมตีใครได้ มันจะช่วยเพียงเสริมสมรรถภาพของร่างกายเธอเองเท่านั้น แต่อย่าได้มองข้ามมันไป หากเธอมีAirrial ที่ดี เธอจะเป็นแบบนี้
ทันใดนั้น ร่างของเขาก็พลันลอยสูงขึ้นจากพื้น และค้างอยู่กลางอากาศ เด็กนักเรียนล้วนส่งเสียงชมเชย
ต่อไป เราจะมาพูดกันถึงสายรอง สายรองก็คืออาร์ตที่เราเลือกที่จะฝึกฝน มีใครรู้ไหมว่าสายรองมีประโยชน์ยังไง?
มันสามารถช่วยเพิ่มโอกาสที่จะได้ชัยชนะในการต่อสู้ได้ค่ะ
ใช่แล้ว ในการต่อสู้หากเธอเป็นสายไฟ เธอจะพบกับงานหนักในการเจอกับสายน้ำ สายน้ำเองก็จะยากลำบากในการพบกับสายดิน สายรองจึงเป็นทางออก ที่เราฝึกฝนเพื่อจะแก้ปัญหาตรงนี้ สายหลักคือพรสวรรค์ สายรองคือพรแสวง
ร่างเขาร่วงลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวล เมื่อเท้าแตะพื้นและยืนมั่น เขาจึงกล่าวต่อ
ในการต่อสู้ที่แท้จริง ไม่มีใครรู้หรอกว่าคู่ต่อสู้เป็นสายอะไร เพราะมันเป็นสิ่งที่จะชี้ชัยชนะได้ในพริบตา และมันก็ยากลำบากที่จะสังเกตจากสิ่งแวดว่าคู่ต่อสู้Artสายใด เพราะเวลาเธอสู้กับสายไฟ หมัดของเขาไม่ได้มีไฟลุกพรึ่บแบบที่เธอทำกัน อย่างมาก หมัดของเขาก็แดงกว่าปกติเท่านั้น สิ่งที่พวกเธอต้องเรียนรู้จึงมีอีกมากนัก
ก่อนจะจบคลาสของฉันในวันนี้ ฉันจะขอบอกอะไรพวกเธอไว้อย่างหนึ่ง จงสงบเสงี่ยมเอาไว้ ยิ่งเธอรู้มากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งต้องสงบเสงี่ยมเอาไว้ แม้ว่า Art จะเป็นสิ่งพิเศษที่มีในคนไม่กี่คน แต่ในสนามรบ ทหารธรรมดาที่ไม่ประสีประสา ก็สามารถฆ่าสุดยอดนักสู้ที่มีArtได้เช่นกัน คลาสครั้งหน้าเราจะมาฝึกการสายรองของทุกคนกัน เลิกเรียนได้
ส่วนที่2 บทเรียนประวัติศาสตร์ว่าด้วยสงคราม 50 ปี
เสียงพูดคุยในห้องในห้องเงียบลงทันที เมื่ออาจารย์หนุ่มก้าวเข้ามาในห้อง เขาเป็นคนร่างเล็กที่คล่องแคล่ว เสียงของเขากังวานไปทั่วห้อง
สวัสดีนักเรียนทุกคน เตรียมพร้อมจดโน๊ตกันให้ดี ฉันจะไม่พูดพร่ำทำเพลงล่ะนะ
เขากล่าวพร้อมดึงแผนที่โลกลงมาจากขอบบนของกระดานกำ
เอาล่ะ หัวข้อของเราในวันนี้คือสงคราม 50 ปี บรรยายโดยฉัน Dr.Elmer Lucius
สงคราม 50 ปีเริ่มเมื่อปี273 และจบลงอย่างเป็นทางการเมื่อ 4 ปีที่แล้ว สงคราม 50 ปี ไม่ใช่เป็นการรบที่ยาวนาน 50 ปี แต่ในช่วง 50 ปีนี้มีการรบเกิดขึ้นนับพันครั้ง ต่างฝ่ายกันออกไป นับเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของประชากรบนโลกของเรา สงคราม50ปีเป็นสงครามที่ประหลาดอย่างยิ่ง แม้มันกินเวลาถึง 50 ปี แต่มันกลับกลืนประเทศหายไปเพียง 4 ประเทศเท่านั้น จากกว่า30 อาณาจักรที่เข้าร่วมสงคราม
นักประวัติศาสตร์เราแบ่ง สงคราม 50 ปีออกเป็น3ช่วง นั่นคือ ช่วงเริ่มแรก ตั้งแต่ปี273-283 ยาว10ปีด้วยกัน ตามมาด้วย ช่วงการปะทะ ช่วงนี้ยาวนานมากถึง37ปี มาสิ้นสุดเมื่อปี320 และช่วงสุดท้ายคือ ช่วงแห่งชัยชนะ ยาว3 ปี จบเมื่อปี 323 คาบนี้ฉันจะพูดคร่าวถึงสงครามตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วเราจะมาลงรายละเอียดกันในคาบต่อไปนะ
สาเหตุของสงคราม 50 ปีนั้นอันที่จริง เกิดจากความอ่อนแอลงของสหพันธ์ อย่างที่พวกเธอทราบดี โลกของเราประกอบด้วย 5 มงกุฏ กับ 4 อาณาจักร ได้แก่ เมอริเซียร์ ผู้ครอบครองมงกุฏแห่งไฟ ฟีเลเซีย มงกุฏแห่งลม โซดินัม มงกุฏแห่งดิน อวาเรียส มงกุฏแห่งน้ำ และสหพันธ์ ซึ่งรักษามงกุฏแห่งฟ้าเอาไว้ เดิมทีนั้น มงกุฏแห่งฟ้าคือสัญลักษณ์ของกษัตริย์ผู้ปกครองโลกใบนี้ แต่เมื่อสหพันธ์รักษามันไว้โดยไม่มีผู้ครอบครองมาหลายพันปี ทำให้เจ้าผู้ครองมงกุฏอื่นๆ ต่างยึดถือตัวเองเป็นเอกราช แม้จะปากจะยังให้ความเคารพต่อสหพันธ์ในฐานะ ผู้ปกครองสูงสุด แต่ในการปฏิบัติ สหพันธ์ไม่มีตัวตน
ในขณะที่สหพันธ์อ่อนแอลง อาณาจักรต่างๆก็ยิ่งใหญ่ขึ้น รวมถึงอาณาจักรเล็กๆต่างๆด้วย จนในปี 273 เดอลส เป็นอาณาจักรแรกที่ประกาศไม่มาประชุมในการประชุมประจำปีของสหพันธ์อีกต่อไป นั่นทำให้เดลอสถูกประกาศว่าเป็นกบฏทันที การที่เดลอสกล้าประกาศออกไปเป็นเพราะท่าทีของโซดินัมต่อสหพันธ์ในเวลานั้นไม่ค่อยดีนัก เดลอสจึงคิดว่าโซดินัมจะให้ความช่วยเหลือหากแตกหักกับสหพันธ์
แต่ทว่า ทันทีที่ถูกประกาศว่าเป็นกบฏ กองทัพเมอริเซียร์ก็เข้าขยี้เดลอสทันที โดยที่โซดินัม ไม่ได้ช่วยเหลือแต่อย่างไร เหตุการณ์ ทำท่าจะสงบลง แต่วันที่19 สิงหาคม 273 ทหารกองหน้าของเมอริเซียร์กว่า 2หื่นนายก็ลุกเข้าดินแดนของโซดินัม กองทัพโซดินัม เปิดการศึกที่แม่น้ำริบัสและสามารถหยุดยั้งกองทัพเมอริเซียร์ไว้ได้ที่ริมแม่น้ำ นี่คือการศึกครั้งแรกของสงคราม 50 ปี
เสียงลากปากกาดังไม่หยุดขณะที่ผู้สอนหันไปจิบน้ำจากแก้วประจำตัว
หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย ดึงให้อาณาจักรต่างๆเข้าร่วมสงครามเต็มตัว บางคร้ง อาณาจักรนั้นรบกับอาณาจักรนี้ อาณาจักรใหญ่บุกอาณาจักรเล็ก บ้างก็บุกอาณาจักรใหญ่ด้วยกัน เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ไร้ขื่อแปจริงๆ มีการรบสำคัญๆเกิดขึ้นกว่า 200 ครั้งในช่วง 50 ปีนี้ และมีการรบย่อยๆนับไม่ถ้สนทีเดียว แต่ส่วนสำคัญของสงครามอยู่มี่ ช่วงชี้ชัยชนะ
ในตอนปลายของช่วงแห่งการประทะ ประมาณปี 318-319 อาณาจักรใหญ่ทั้ง4แห่ง ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำครั้งใหญ่ ต่างฝ่ายต่างได้เด็กรุ่นราวคราวเดียวกันขึ้นเป็นผู้นำกองทัพ ฉันภูมิใจที่จะบอกว่า พวกเขาเคยนั่งเรียนในห้องนี้เช่นเดียวกับพวกเธอ พวกเขาคือศิษย์ Camper
ในตอนนั้นทางโรงเรียนเราก็เปลี่ยนแปลงไป เราหันมารับเฉพาะเด็กที่ถูกคัดว่าเป็นอัจฉริยะ ปีละไม่ถึง10คนเพื่อพัฒนาให้เป็นผู้นำกองทัพอย่างแท้จริง เนื่องจากทุกอาณาจักรต่างกำลังขาดแคลนนายทหารเพราะสงครามยืดเยื้อเกินไป และการผลิตแม่ทัพสักคนนั้นก็ยากกว่าทหารปกตินับร้อยนับพันเท่า
เข้าเรื่องกันต่อนะ ในช่วงชี้ชัยนะ มีการรบครั้งใหญ่กว่า10ครั้งในช่วง 3 ปี การรบครั้งใหญ่ที่สุด คงเป็นที่หาด อาบาโม ในแดนของอวาเรียส ที่นั่น กองทัพอวาเรียสได้ทำลายกองทัพเมอริเซียร์กว่า200,000นายในการรบที่ยาวนานถึง10วัน
การรบครั้งนั้นคือจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดสงคราม เมื่อเมอริเซียร์เวียกำลังส่วนใหญ่ไป ต่อมา ดินแดนที่พวกเขาเคยยึดครองไว้ก็เริ่มโดนตีคืนไป เพราะทหารร่อยหรอลงนั่นเอง แต่ด้วยความสามารถของ Inon Sepovit ผู้พิทักษ์มงกุฏแห่งไฟ ผู้นำกอทัพเมอริเซียร์ ทำให้เมอริเซียร์ไม่สูญเสียดินแดนที่เคยครอบครองอยู่ก่อนสงครามจะเริ่มเช่นกัน
..........................................................................................
ตอนเขียนรู้สึกมันแปลกๆกว่าเคยนะฮะ มันเหมือนไปแบบง่ายๆไม่ต้องคิดไรมาก เพราะมันเป็นแฟนตาซีกระมัง