ในที่สุดก็แหกมันออกไปเป็นแฟนตาซี(หรือเปล่าหว่า)

by queer @19 ก.พ.48 23.08 ( IP : 203...6 ) | Tags : กระดานข่าว

บทนำ ส่วนที่1 บทเรียนกลางสนาม ใต้ท้องฟ้าอันแสนสดใสในเช้าวันจันทร์  เด็กกลุ่มใหญ่ นั่งรวมกับนพื้นหญ้ากลางสนามไกลออกมาจากตึกทรงโกธิค  ทั้งหมดอายุราว 6-7 ปีเท่านั้น  พวกขากำลังตื่นเต้นกลับกองไฟที่เด็กชายคนหนึ่งจุดไว้บนมือตัวเอง เป็นไงล่ะ  พ่อฉันสอนให้เองล่ะ  ฉันเป็นสายไฟที่มีพลังสูงสุดๆเลยเด็กชายกล่าวโอ่ พลางแกว่งมือที่ลุกเป็นไฟไปมา เด็กคนอื่นจ้องมองกองไฟนั้นอย่างพิศวง  ทันใด กองไฟก็พลันดับวูบลงทันที  พร้อมกับเสียงกระแอมเบาๆ  ชายกลางคนในเสื้อคลุมสีเขียว ยืนห่างจากกลุ่มเด็กเล็กน้อย  ทันทีที่เห็นเขา เด็กทุกคนก็นั่งลงทันที การจุดไฟในชั้นเรียนฉันไม่ใช่เรื่องผิด  แต่การโออวดในสิ่งที่ตัวเองไม่มีความรู้ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย รู้ไหม เขากล่าว ขอต้อนรับเข้าสู่ชั้นเรียนศิลปะการต่อสู้แห่ง Camper ฉันจะขอทวนความจำพวกเธอเสียหน่อย  พวกเธอมาที่นี่เพื่อจะเติบโตไปเป็นกำลังสำคัญของบ้านเมืองตัวเอง  เพราะฉะนั้นสิ่งที่พวกเธอต้องทำก็คือเชื่อฟังคำพูดของฉัน.....และอย่าจุดไฟในชั้นเรียนฉันอีกพ่อหนุ่ม เขาตวาดก้องพร้อมชี้นิ้วไปที่เด็กชายที่นั่งด้านหลัง  เปลวไฟบนมือของเด็กคนนั้นดับวูบลงทันที อาจารย์ทำได้ไงฮะ? เด็กคนหนึ่งยกมือถาม อาจารย์ดับไฟได้ไงฮะ ไฟที่จุดด้วยArtใช้น้ำก็ดับไม่ได้นี่ฮะ เด็กอีกคนเสริม นั่นเป็นเรื่องที่เราจะเรียนกันในวันนี้  พื้นฐานของศิลปะการต่อสู้  หรือที่มักจะเรียกสั้นๆว่า Art สิ่งแรกที่พวกเธอต้องทำความเข้าใจ นั่นคือ พื้นฐานของทุกสิ่งในโลกนี้ พื้นฐานของมันคือความว่างเปล่า  ความไม่มี  ฉันอยากให้เธอจำเอาไว้  ทุกสิ่งเกิดจากความว่างเปล่า  และมันจะกลับสู่ความว่างเปล่า  Artก็เช่นกัน  สิ่งที่ดับไฟในมือของเธอก็คือArtเช่นกัน  เพียงแต่Artของฉันกลับสู่ความว่างเปล่าไปแล้ว  เช่นเดียวกับArtขั้นสูงทั่วไป รอยยิ้มน้อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาเมื่อเห็นเด็กๆตั้งใจฟัง เอาล่ะ ใครจะบอกฉันได้บ้างว่า Art คืออะไร? เด็กคนหนึ่งยกมือขึ้นก่อน ตอบ Art คือความสามารถในการต่อสู้โดยใช้ธาตุในกายฮะ ธาตุอะไร?ผู้เป็นครูถามต่อ ดิน น้ำ ลม ไฟ และอากาศค่ะเด็กหญิงอีกคนตอบ คำตอบของพวกเธอถูกต้องแต่ยังไม่ทั้งหมด  Artไม่ใช่การใช้ธาตุในกายต่อสู้  แต่มันเป็นธาตุในโลกนี้  เพียงแต่คนเรามีความสามารถในการดึงดูดธาตุต่างๆได้ไม่เท่ากัน  บางคนดึงธาตุไฟได้มาก แต่ไม่สามารถดึงธาตุลมได้ ส่วนอีกคนดึงดูดธาตุไฟไม่ได้ แต่กลับดึงดูดธาตุน้ำได้ดี  นี่คือสาเหตุที่มีการเเบ่งเป็นสายขึ้น  จำเอาไว้ให้ดี Artมาจากความว่างเปล่า ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ ทั้ง5นี้ถูกเรียกว่า 5 สายหลัก แต่ในความจริง Artก็ไม่ได้มีเพียง 5 สาย  จริงๆแล้ว Art มีนับพัน นับหมื่นสาย  เพียงแต่ในเราสามารถดึงธาตุทั้ง 5 ได้มากกว่าธาตุอื่น ฉันขอให้พวกเธออย่าแปลกใจหากต่อไปเธอต้องเจอกับArtสายMachanic หรือสายเครื่องยนต์ อาจารย์ครับ  เครื่องยนต์คืออะไรครับ เครื่องยนต์เป็นผลพวงจากวิทยาศาสตร์ แต่วิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่ไม่ถูกยอมรับนี่ฮะ ถูกต้อง ในโลกของเรา เราไม่ยอมรับวิทนาศาสตร์ แต่อย่าได้ดูถูกพลังของมันเชียว  เท่าที่ฉันรู้มา  วิทยาศาสตร์  สามารถสร้างสิ่งที่มีพลังได้อย่างไม่ยากเย็น เอาล่ะ เราจะมาเข้าเรื่องกันต่อ  โดยปกติ ผู้คนธรรมดาจะมีArt 5สายหลักอย่างที่เธอรู้ แต่ในความเป็นจริง อากาศ หรือที่เรียกกันว่าAirrial จะมีอยู่ในทุกตัวคน  และ Airrial  เป็น Artสายเดียวที่ไม่ส่งเสริมการต่อสู้โดยตรง  นั่นคือ เธอไม่สามารถจะใช้ Airrial โจมตีใครได้ มันจะช่วยเพียงเสริมสมรรถภาพของร่างกายเธอเองเท่านั้น  แต่อย่าได้มองข้ามมันไป  หากเธอมีAirrial ที่ดี  เธอจะเป็นแบบนี้ ทันใดนั้น ร่างของเขาก็พลันลอยสูงขึ้นจากพื้น  และค้างอยู่กลางอากาศ  เด็กนักเรียนล้วนส่งเสียงชมเชย
ต่อไป เราจะมาพูดกันถึงสายรอง  สายรองก็คืออาร์ตที่เราเลือกที่จะฝึกฝน  มีใครรู้ไหมว่าสายรองมีประโยชน์ยังไง? มันสามารถช่วยเพิ่มโอกาสที่จะได้ชัยชนะในการต่อสู้ได้ค่ะ ใช่แล้ว  ในการต่อสู้หากเธอเป็นสายไฟ  เธอจะพบกับงานหนักในการเจอกับสายน้ำ  สายน้ำเองก็จะยากลำบากในการพบกับสายดิน  สายรองจึงเป็นทางออก ที่เราฝึกฝนเพื่อจะแก้ปัญหาตรงนี้  สายหลักคือพรสวรรค์ สายรองคือพรแสวง ร่างเขาร่วงลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวล  เมื่อเท้าแตะพื้นและยืนมั่น เขาจึงกล่าวต่อ ในการต่อสู้ที่แท้จริง  ไม่มีใครรู้หรอกว่าคู่ต่อสู้เป็นสายอะไร  เพราะมันเป็นสิ่งที่จะชี้ชัยชนะได้ในพริบตา และมันก็ยากลำบากที่จะสังเกตจากสิ่งแวดว่าคู่ต่อสู้Artสายใด  เพราะเวลาเธอสู้กับสายไฟ หมัดของเขาไม่ได้มีไฟลุกพรึ่บแบบที่เธอทำกัน อย่างมาก หมัดของเขาก็แดงกว่าปกติเท่านั้น  สิ่งที่พวกเธอต้องเรียนรู้จึงมีอีกมากนัก ก่อนจะจบคลาสของฉันในวันนี้ ฉันจะขอบอกอะไรพวกเธอไว้อย่างหนึ่ง  จงสงบเสงี่ยมเอาไว้  ยิ่งเธอรู้มากขึ้นเท่าไหร่  ยิ่งต้องสงบเสงี่ยมเอาไว้  แม้ว่า Art จะเป็นสิ่งพิเศษที่มีในคนไม่กี่คน  แต่ในสนามรบ  ทหารธรรมดาที่ไม่ประสีประสา  ก็สามารถฆ่าสุดยอดนักสู้ที่มีArtได้เช่นกัน  คลาสครั้งหน้าเราจะมาฝึกการสายรองของทุกคนกัน  เลิกเรียนได้

ส่วนที่2 บทเรียนประวัติศาสตร์ว่าด้วยสงคราม 50 ปี เสียงพูดคุยในห้องในห้องเงียบลงทันที เมื่ออาจารย์หนุ่มก้าวเข้ามาในห้อง  เขาเป็นคนร่างเล็กที่คล่องแคล่ว  เสียงของเขากังวานไปทั่วห้อง สวัสดีนักเรียนทุกคน  เตรียมพร้อมจดโน๊ตกันให้ดี  ฉันจะไม่พูดพร่ำทำเพลงล่ะนะ เขากล่าวพร้อมดึงแผนที่โลกลงมาจากขอบบนของกระดานกำ เอาล่ะ  หัวข้อของเราในวันนี้คือสงคราม 50 ปี  บรรยายโดยฉัน  Dr.Elmer  Lucius สงคราม 50 ปีเริ่มเมื่อปี273 และจบลงอย่างเป็นทางการเมื่อ 4 ปีที่แล้ว  สงคราม 50 ปี ไม่ใช่เป็นการรบที่ยาวนาน 50 ปี  แต่ในช่วง 50 ปีนี้มีการรบเกิดขึ้นนับพันครั้ง ต่างฝ่ายกันออกไป  นับเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของประชากรบนโลกของเรา  สงคราม50ปีเป็นสงครามที่ประหลาดอย่างยิ่ง  แม้มันกินเวลาถึง 50 ปี  แต่มันกลับกลืนประเทศหายไปเพียง 4 ประเทศเท่านั้น จากกว่า30 อาณาจักรที่เข้าร่วมสงคราม  นักประวัติศาสตร์เราแบ่ง สงคราม 50 ปีออกเป็น3ช่วง  นั่นคือ  ช่วงเริ่มแรก ตั้งแต่ปี273-283 ยาว10ปีด้วยกัน  ตามมาด้วย ช่วงการปะทะ ช่วงนี้ยาวนานมากถึง37ปี  มาสิ้นสุดเมื่อปี320  และช่วงสุดท้ายคือ ช่วงแห่งชัยชนะ  ยาว3 ปี จบเมื่อปี 323  คาบนี้ฉันจะพูดคร่าวถึงสงครามตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วเราจะมาลงรายละเอียดกันในคาบต่อไปนะ สาเหตุของสงคราม 50 ปีนั้นอันที่จริง เกิดจากความอ่อนแอลงของสหพันธ์  อย่างที่พวกเธอทราบดี  โลกของเราประกอบด้วย 5 มงกุฏ กับ 4 อาณาจักร  ได้แก่  เมอริเซียร์ ผู้ครอบครองมงกุฏแห่งไฟ  ฟีเลเซีย มงกุฏแห่งลม  โซดินัม มงกุฏแห่งดิน  อวาเรียส มงกุฏแห่งน้ำ  และสหพันธ์ ซึ่งรักษามงกุฏแห่งฟ้าเอาไว้  เดิมทีนั้น มงกุฏแห่งฟ้าคือสัญลักษณ์ของกษัตริย์ผู้ปกครองโลกใบนี้  แต่เมื่อสหพันธ์รักษามันไว้โดยไม่มีผู้ครอบครองมาหลายพันปี  ทำให้เจ้าผู้ครองมงกุฏอื่นๆ ต่างยึดถือตัวเองเป็นเอกราช  แม้จะปากจะยังให้ความเคารพต่อสหพันธ์ในฐานะ ผู้ปกครองสูงสุด แต่ในการปฏิบัติ สหพันธ์ไม่มีตัวตน ในขณะที่สหพันธ์อ่อนแอลง อาณาจักรต่างๆก็ยิ่งใหญ่ขึ้น  รวมถึงอาณาจักรเล็กๆต่างๆด้วย  จนในปี 273  เดอลส เป็นอาณาจักรแรกที่ประกาศไม่มาประชุมในการประชุมประจำปีของสหพันธ์อีกต่อไป  นั่นทำให้เดลอสถูกประกาศว่าเป็นกบฏทันที  การที่เดลอสกล้าประกาศออกไปเป็นเพราะท่าทีของโซดินัมต่อสหพันธ์ในเวลานั้นไม่ค่อยดีนัก เดลอสจึงคิดว่าโซดินัมจะให้ความช่วยเหลือหากแตกหักกับสหพันธ์ แต่ทว่า ทันทีที่ถูกประกาศว่าเป็นกบฏ  กองทัพเมอริเซียร์ก็เข้าขยี้เดลอสทันที  โดยที่โซดินัม ไม่ได้ช่วยเหลือแต่อย่างไร  เหตุการณ์  ทำท่าจะสงบลง  แต่วันที่19 สิงหาคม 273 ทหารกองหน้าของเมอริเซียร์กว่า 2หื่นนายก็ลุกเข้าดินแดนของโซดินัม  กองทัพโซดินัม เปิดการศึกที่แม่น้ำริบัสและสามารถหยุดยั้งกองทัพเมอริเซียร์ไว้ได้ที่ริมแม่น้ำ  นี่คือการศึกครั้งแรกของสงคราม 50 ปี เสียงลากปากกาดังไม่หยุดขณะที่ผู้สอนหันไปจิบน้ำจากแก้วประจำตัว
หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย ดึงให้อาณาจักรต่างๆเข้าร่วมสงครามเต็มตัว  บางคร้ง อาณาจักรนั้นรบกับอาณาจักรนี้  อาณาจักรใหญ่บุกอาณาจักรเล็ก  บ้างก็บุกอาณาจักรใหญ่ด้วยกัน  เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ไร้ขื่อแปจริงๆ  มีการรบสำคัญๆเกิดขึ้นกว่า 200 ครั้งในช่วง 50 ปีนี้ และมีการรบย่อยๆนับไม่ถ้สนทีเดียว  แต่ส่วนสำคัญของสงครามอยู่มี่ ช่วงชี้ชัยชนะ ในตอนปลายของช่วงแห่งการประทะ ประมาณปี 318-319  อาณาจักรใหญ่ทั้ง4แห่ง  ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำครั้งใหญ่  ต่างฝ่ายต่างได้เด็กรุ่นราวคราวเดียวกันขึ้นเป็นผู้นำกองทัพ  ฉันภูมิใจที่จะบอกว่า พวกเขาเคยนั่งเรียนในห้องนี้เช่นเดียวกับพวกเธอ  พวกเขาคือศิษย์ Camper ในตอนนั้นทางโรงเรียนเราก็เปลี่ยนแปลงไป เราหันมารับเฉพาะเด็กที่ถูกคัดว่าเป็นอัจฉริยะ ปีละไม่ถึง10คนเพื่อพัฒนาให้เป็นผู้นำกองทัพอย่างแท้จริง เนื่องจากทุกอาณาจักรต่างกำลังขาดแคลนนายทหารเพราะสงครามยืดเยื้อเกินไป  และการผลิตแม่ทัพสักคนนั้นก็ยากกว่าทหารปกตินับร้อยนับพันเท่า เข้าเรื่องกันต่อนะ  ในช่วงชี้ชัยนะ มีการรบครั้งใหญ่กว่า10ครั้งในช่วง 3 ปี  การรบครั้งใหญ่ที่สุด คงเป็นที่หาด อาบาโม ในแดนของอวาเรียส  ที่นั่น กองทัพอวาเรียสได้ทำลายกองทัพเมอริเซียร์กว่า200,000นายในการรบที่ยาวนานถึง10วัน
การรบครั้งนั้นคือจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดสงคราม  เมื่อเมอริเซียร์เวียกำลังส่วนใหญ่ไป  ต่อมา ดินแดนที่พวกเขาเคยยึดครองไว้ก็เริ่มโดนตีคืนไป  เพราะทหารร่อยหรอลงนั่นเอง  แต่ด้วยความสามารถของ Inon Sepovit ผู้พิทักษ์มงกุฏแห่งไฟ ผู้นำกอทัพเมอริเซียร์  ทำให้เมอริเซียร์ไม่สูญเสียดินแดนที่เคยครอบครองอยู่ก่อนสงครามจะเริ่มเช่นกัน .......................................................................................... ตอนเขียนรู้สึกมันแปลกๆกว่าเคยนะฮะ  มันเหมือนไปแบบง่ายๆไม่ต้องคิดไรมาก  เพราะมันเป็นแฟนตาซีกระมัง

Comment #1
Posted @19 ก.พ.48 23.09 ip : 203...6

คิรี  อาจเป็นญาติกับนกกระจอกเทศ  ญาติที่ตัวใหญ่กว่ามาก  มันเป็นสัตว์แรงงานที่นิยมที่สุดของโลกใบนี้เพราะความเชื่องเชื่อ  เรี่ยวแรงมหาศาล และความเร็วที่หาตัวจับได้ยากของมันนั่นเอง  ความเร็วของคิรีนั้นหากวิ่งชนกับคนตรงๆอาจจะทำให้ถึงตายได้ทีเดียว  นั่นคือเหตุผลที่กฏเหล็กของการขับขี่คิรีในเมอริเซียร์คือ  ห้ามปล่อยคิรีวิ่งในเขตเมืองเป็นอันขาด!
แต่ยามดึกสงัดที่ไร้ผู้คนผู้คนในคืนนี้  คิรีตัวหนึ่งวิ่งอย่างรวดเร็วผ่าถนนใจกลางเมืองหลวงอันมีชื่อเดียวกับอาณาจักร ตรงไปยังวังหลวงแห่งไฟที่ตั้งตระหง่านกลางเมือง  ทันทีที่เข้าใกล้ประตูวัง  ทหารยามก็รีบผลักประตูบานยักษ์แหวกเป็นช่องให้คิรีทั้ง3วิ่งผ่านเข้าไปสู่เขตตัวตึกทันที หน้าตัวตึกทหารยามและมหาดเล็ก2-3 คนรีบเข้ามาจับคิรีให้อยู่นิ่ง  เมื่อคนขับโดดลงจากหลังคิรีก่อนร้อง
รายงานลับต่อArch
เพียงชั่วคณะ  ประตูตึกหน้าก็เปิดแง้มออก  ชายหนุ่มในเสื้อคลุมสีดำก้าวสะพายก้าวออกมาอย่างรวดเร็ว  คนส่งสารณ์ถลันเข้าหา ก้มตัวต่ำอย่างน้อบน้อม ชูจดหมายฉบับหนึ่งเหนือศีรษะ รายงานลับต่อ Arch รบกวนแม่ทัพรายงานด้วย ไปพัก ชายหนุ่มหยิบจดหมายแล้วก้าวกลับเข้าตึกทันที .......................................................................................................................... 01 ยามเช้าของCeledon ผมไม่ชอบเช้าวันอาทิตย์จริงๆแล้วหนึ่งในสิ่งที่ไม่น่าพิสมัยที่สุดในชีวิตของผม ก็คือการลืมตาตื่นก่อนเวลาอันควรในเช้าวันอาทิตย์  เสียงปึงที่ประตูส่งให้มือขวาคว้าไปที่ด้ามดาบคู่กายที่ใต้หมอนตามสัญชาติญาณ  แต่มันยังช้าเกินไป  ปลายดาบ 3-4 เล่มทักทายกับร่างผมก่อนก่อนเสียแล้ว
อรุณย์สวัส Celedon Marquias
เสียงดังขึ้นพร้อมร่างในชุดคลุมสีดำก้าวมายืนตระหง่านที่ปลายเตียง
ออกจะเป็นการทักทายที่แปลกประหลาดไปหน่อย  ในนามของกองทัพเมอริเซียร์ต้องขออภัยด้วย สายตาข้ากลอกไปทั่ว  ชุดทหารเมอริเซียร์ยืนกันเต็มห้อง  ดูจะเป็นการเลือกโรงแรมที่ผิดมหันต์  อีกฝ่ายดูจะมีอารมณ์ขันดี  สถานการณ์คงไม่เลวร้ายถึงชีวิตหรอก
นั่นสินะ  เป็นอารมณ์ขันที่เยี่ยมมากเลยผมตอบช้าๆ ชายคนนั้นยังคงยิ้ม  ผมดันตัวเองลุกขึ้นเล็กน้อย  ปลายดาบเขยิบออกเปิดทางให้ผมนั่งได้สะดวก  พวกมันคงไม่ได้ต้องการฆ่าผมจริงๆนั่นแหละ
กองทัพเมอริเซียร์จมูกไวเสมอผมค่อนแคะ เฉพาะหน่วยพิเศษน่ะชายคนนั้นดูจะไม่สนใจกับคำค่อนแคะสักเท่าไหร่ โอ้  ฉันมีค่าขนาดนี้เชียว หน่วยพิเศษเป็นคำที่ไม่ดีเลย  เป็นเช้าวันอาทิตย์ที่ห่วยแตกจริงๆ Radius แห่งเมอริเซียร์  ชายคนนั้นแนะนำตัวอย่างมีมารยาท ยินดีที่ได้รู้จัก นั่งสิผมแค่นเสียงตอบ เรามีงานมาให้ท่าน Cledon  เราตื่นเต้นกันมากเมื่อรู้ที่อยู่ของท่านเมื่อคืนนี้  จริงๆแล้วเราตามหาท่านมานานเลยทีเดียว ผมลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องน้ำ  ล้างหน้าช้าๆ  พยายามพิจารณาทางหนีทีไล่  ทุกส่วนในห้องเต็มไปด้วยทหารเมอริเซียร์  ประตูแน่นเอี๊ยด  ที่ระเบียงประมาณ5-6คน  อาจจะมีนอกโรงแรมอีก ฉันไม่ได้รับงานแล้ว โอ้  น่าเสียดายจริงๆ  เราเชื่ออย่างที่สุดว่างานนี้เหมาะกับท่านมากๆ งานที่เหมาะกับฉันเหรอ? ใช่  งานที่เหมาะกับนักฆ่าอันดับ 2 อย่างที่สุด ผมถอนหายใจ  นักฆ่าอันดับ2 ไม่ใช่คำที่ผมชอบเอาซะเลย
ฉันไม่รับงานแล้วผมย้ำคำเดิมอีกครั้ง พ่อของท่านเคยทำงานกับเรา ปู่ของท่านด้วย  พวกเขาทำงานกับเราเยอะมากในช่วงสงคราม50ปี เรามั่นใจว่าพวกเขาจะช่วยยืนยันในความซื่อสัตย์ของเราได้ ฉันไม่มีพ่อ  ไม่มีปู่  ขอโทษที ผมพูด อ้อ ตระกูลMarquias  มักเป็นเช่นนี้เสมอล่ะ  ตระกูลนักฆ่าชื่อดังที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางครอบครัว  น่าสรรเสริญ แน่นอน  เรามีข้อเสนอให้ท่าน Celedon  ค่าแลกเปลี่ยนสำหรับงานนี้  นอกจากเงินแล้ว  เรายังจะคืนพี่ชายของท่านให้แก่ท่านด้วย ผมจ้องหน้ามัน พี่ชายฉันเหรอ มันพยักหน้าน้อยๆ  ยิ้มอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า ฉันไม่มีพี่ชายว่ะ  โทษทีนะ  รอยยิ้มของมันสลายไปจากหน้า ผมยิ้มออกมาบ้าง ฉันก็คิดอยู่ตั้งนานว่าทำไมพวกแกถึงไม่ฆ่าเขาซะ  ข้อหาฆ่าคนระดับเสนาบดีแห่งเมอริเซียร์  นี่มันน่าจะประหารชีวิตไปแล้ว  ที่แท้ก็คิดจะเก็บมันไว้ขู่ฉันนี่เอง  เสียใจว่ะ  ถ้าคิดจะเอาหมอนี่มาขู่แกต้องไปขู่พ่อฉันโน่น ผมคว้าดาบที่หัวเตียง คว้าเสื้อคลุมที่พนักเก้าอี้  เดินตรงไปที่ประตูห้อง มันก้มหน้านิ่ง  สองมืออยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุม  ชั่วครู่จึงกล่าวอย่างแผ่วเบา เรารู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย  ที่จะบังคับให้มือสังหารอันดับ 2 ของโลกรับงานจากเรา  แต่เราก็รู้ดีว่าเราอาจต้องกลับไปพร้อมคำปฏิเสธ ชั่วขณะผมคิดว่ามันกำลังปรับทุกข์ให้ผมฟัง
ถ้าท่านไม่รับงานนี้ผู้ที่จะรับงานแทนก็คือ Angelena Maquias ผมหันขวับไปหามันทันที งานอะไร  ทำไมAngelถึงออกมารับงาน? รอยยิ้มของมันเผยออกมา เห็นได้ชัดว่าตระกูลMarquiasยังคงมีความผูกพันทางครอบครัวกันอยู่ ผมชักดาบจ่อไปที่มัน  เสียงเช้งดังไปทั่ว  ดาบนับสิบถูกจ่อมาที่ผมรอยยิ้มของมันยังไม่หายไป เพราะเรารู้จักครอบครัวท่านดีไงล่ะ Celedon  ถ้าจะขู่ท่านต้องใช้น้องสาวท่าน  และมันง่ายมากๆกับการเอาพี่ชายท่านไปแลกกับการให้น้องสาวท่านรับงานจากเรา ผมนิ่งคิดชั่วขณะ  ก่อนถามออกไป พ่อสินะ? ถูกต้อง  ดูเหมือนพ่อของท่านจะยอมทุกอย่างเพื่อให้ได้ลูกชายคนโตคืนไป  ตอนแรกเขาจะรับงานเองเสียด้วยซ้ำ  แต่เราต้องการน้องสาวท่านมากกว่า แผนแกเยี่ยมมากผมเก็บดาบกลับเข้าฝัก ขอบคุณ ขอบคุณมันโบกมือเล็กน้อย ดาบทุกเล่มที่จ่อมาที่ผมก็ถูกดึงกลับไป งานอะไร? ฆ่าคน คนหนึ่ง มีใครที่หน่วยพิเศษเมอริเซียร์ฆ่าเองไม่ได้บ้าง? เยอะทีเดียวล่ะ ผมทรุดลงนั่งบนเตียง  ก่อนจะพูดเบาๆ ว่าไป ตำนานบทที่โด่งดังที่สุดจากสงคราม50ปีก็คือ  Killing night คำKilling night  เหมือนฟ้าผ่าลงที่ผม
พ่อต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ งานที่น้องสาวท่านรับไปก็คือ  ฆ่า Bath The Stampeace มันหยุดเล็กน้อยก่อนจะถามต่อ ต้องการข้อมูลไหม? ต้องการ Bath The Stampeace เป็นเด็กกำพร้าพ่อชาวเรเซียร์  อาณาจักรเล็กๆที่เกี่ยวข้องกับสงคราม 50 ปีโดยอ้อม  ปกติชาวเรเซียร์จะไปเป็นทหารรับจ้างตามอาณาจักรที่เกิดสงคราม....... เอาเรื่องที่ฉันไม่รู้จะได้ไหม เรื่องที่ท่านไม่รู้มีแน่นอน  ทุกคนทราบดีว่าBath  ออกจากเรเซียร์ไปตอนอายุ 6 ขวบ  หายตัวไปอย่างลึกลับ  และปรากฏตัวอีกครั้งในฐานะทหารรับจ้างของฟีเลเซียร์  สิ่งที่เรารู้ก็คือว่า  Bathอยู่ใน Camper  ในช่วงที่เขาหายไป  เขาอยู่ในรุ่นเดียวกับเหล่าอัจฉริยะที่มาปรากฏเป็นผู้นำของอาณาจักรต่างๆในเวลานี้ Camperเหรอ  รุ่นเดียวกับ อัจฉริยะคนอื่น  รุ่นเดียวกับ Inon อย่าได้เรียก Arch ของเราอย่างไร้ความเคารพเช่นนั้น Celedon  Bath  ถูกชักนำเข้ากองทัพ ฟีเลเซียร์โดยตรงจากการติดต่อของ Stephen Arch of  Felesia อัจฉริยะอีกคนผมถอนหายใจ  เรื่องนี้ออกจะหนักเกินไปแล้ว ถูกต้อง  เมื่อกองทัพของเราปะทะกับอควาเรียสในเดือนมกรา  ทหารของเรากองหนึ่ง  บุกเข้าเรเซียร์  จริงๆแล้วมันไม่ได้อยู่ในแผนของเรา แต่ในสงครามที่รบติดพันเรามักจะควบคุมทหารได้ลำบาก ฉันก็ว่างั้นแหละ เราทำลายเรเซียร์ภายในคืนเดียว  ตั้งค่ายไว้ 3 แห่ง  ทำหน้าที่ส่งเสบียงให้ทัพหน้าในอควาเรียส  และ Killing Night ก็เกิดในอีก5วันต่อมามันหยุดเล็กน้อยก่อนกล่าวต่อ Bath ฝ่าค่ายของเรา3ค่าย  สังหารคนของเราไป 1001คน  1ในนั้นคือแม่ทัพประจำเรเซียร์ของเรา ล้างแค้นให้แม่ผมกล่าว ก็คงใช่มันยอมรับ ฉันไม่มั่นใจ ฉันบอกแกไว้ก่อน เราก็ไม่มั่นใจ  แต่ใครเล่าที่จะฆ่ามือสังหารอันดับ 1 ได้  คนที่น่าจะมีโอกาสดีที่สุดก็ต้องมือสังหารอัยดับ 2 น่ะสิ คนที่ฆ่าอัจฉริยะได้ก็ต้องเป็นอัจฉริยะ  Inon น่าจะมีโอกาสดีกว่าฉันนะผมกล่าวไป แน่นอน  Archของเราอาจจะเป็นคนเดียวที่สามารถฆ่าBathได้  แต่จะบอกให้ว่าทำไม เราต้องมาหาท่าน Celedon มันพูดพลางยื่นหน้าเข้ามาหาผม  แล้วแค่นเสียงออกมา เพราะArch มีค่ามากเกินกว่าจะมาเสี่ยงภัยเช่นนั้น ผมยิ้มออกมา
นั่นสินะ  มีค่ามากเหลือเกิน หน้าที่ของท่านเริ่มแล้ว Celedon  คนของเราสืบได้ว่าBath กำลังจะเข้าสู่หุบเขาฟีเลเรียส เหนือสุดของฟีเรเซียร์ในอีก3วัน  ถ้าท่านรีบอาจจะได้พบมันภายในหุบเขาได้ ผมผุดลุกขึ้นพลางพูด อย่ายุ่งกับน้องสาวฉัน  แล้วก็อย่าบอกใครว่าฉันรับงานนี้ มันนั่งลงที่ปลายเตียง  ยิ้มให้ผมอีกครั้ง  เป็นรอยยิ้มที่แสนน่าเกลียดในความรู้สึกผม เราสัญญา ...............................................................................

Comment #2
Posted @19 ก.พ.48 23.11 ip : 203...6

Radius  ก้าวผ่านประตูห้องริมสุดของปีกตะวันออกอย่างเงียบเชียบ  ในห้องมีเพียงโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ 1 ตัวและเก้าอี้วางระเกะระกะ  ชายหนุ่มในชุดเข้ารูปสีขาวนั่งหันหน้าออกไปยังระเบียง  เสื้อคลุ่มยาวสีขาวพาดอยู่ที่ท้าวแขน Radius  เดินตรงไปที่เขา  หยุดยืนด้านข้าง  ก้มตัวแล้วเรียกอย่างน้อบน้อม
Arch ว่าไปชายหนุ่มตอบรับเบาๆ ฝ่าบาทต้องการพบพระองค์ในวันพรุ่งนี้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้ารับรู้  จึงกล่าวต่อ Celedon  เข้าสู่ฟีเลรียสแล้ว  เราอาจได้ข่าวในวันพรุ่งนี้ เร็วมาก  นายทำงานได้เร็วเสมอนะRadius เป็นเพราะพระองค์วางสายงานไว้เป็นอย่างดี  กระหม่อมเพียงปฏิบัติตามRadiusกล่าวอย่างถ่อมตนจากนั้นจึงกล่าวต่อ แต่กระหม่อมไม่คิดว่าเราจะได้รับข่าวดี อืม  แต่Celedonก็มีดีไม่ใช่เหรอ กระหม่อมเห็นว่าArchมั่นใจกลับมันมาก Celedon เป็นหมากทดลอง  ทดลองว่าBathยังเป็นBathที่ฉันรู้จักหรือเปล่า Radiusเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
Bathเปลี่ยนไป? มันเป็นแค่ลางสังหรณ์ของฉัน  ทุกครั้งที่ได้ข่าวมัน  ฉันมักรู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม  ไม่ใช่Bathที่ฉันรู้จักผู้ถูกเรียกว่าArchกล่าว แล้วหากมันเปลี่ยนไปจริง? ถ้ามันเปลี่ยนไปจริง  วันตายของมันก็คงมาถึงล่ะมั้ง ............................................................................................................................................ 02 ลมหายใจของCeledon ผมนั่งอยู่ในกระท่อมสำหรับเช่าในหมู่บ้านริมชายเขา  ทุกตารางนิ้วแถบนี้เต็มไปด้วยหิมะ  ไม่มีอะไรดีไปกว่า  การนั่งอยู่ในห้องที่อบอุ่นเช่นนี้ ผมหยิบกระดาษจากซองสีเทาออกมาอ่านอย่างรวดเร็วอีกรอบ  ก่อนโยนมันเข้าไปในเตาผิงที่มีไฟลุกโชติช่วง  หูตาของเมอริเซียร์ทำให้ผมกลัว  แม้แต่ในเขตที่ลึกที่สุดของอาณาจักรคู่แข่งอย่างฟีเลเซียร์  ผมก็ยังได้รับจดหมายทุกวัน  จดหมายแจ้งรูปลักษณ์และความเคลื่อนไหวของBath The Stampece
ผมนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ใกล้เตาผิงหยิบเอาดาบคู่กายออกมา  เอาผ้าชุบน้ำยาสำหรับทำความสะอาด  เช็ดลงบนตัวดาบเบาๆ  พลางนึกทบทวนถึงข่าวที่ได้รับ Bath The Stampeace  สูงประมาณ180  ไม่มีหนวดเครา  เสื้อคลุมน้ำเงินเข้ม  สะพายถุงสำภาระใบเล็กสีเดียวกัน ดูซอมซ่อ  เงียบขรึมและเดินช้า  อยู่ที่ใดที่หนึ่งในหุบเขาไม่ไกลจากที่นี่  และไม่มีสิ่งใดแสดงว่าพกพาอาวุธ สิ่งเดียวที่ผมสงสัยตอนนี้ก็คือ  Bath มาที่นี่ทำไม  ทำไมมันถึงมาเดินตากหิมะอยู่ในหุบเขาโดยไม่มีเหตุผล  แล้ววูบหนึ่งผมก็นึกไปถึงคำพูดของRadius
Bath The Stampeace เป็นเด็กกำพร้าพ่อชาวเรเซียร์.....   Bath  ออกจากเรเซียร์ไปตอนอายุ 6 ขวบ..... ปรากฏตัวอีกครั้งในฐานะทหารรับจ้างของฟีเลเซียร์......   Celedon  Bath  ถูกชักนำเข้ากองทัพ ฟีเลเซียร์โดยตรงจากการติดต่อของ Stephen Arch of  Felesia&..

เมื่อกองทัพของเราปะทะกับอควาเรียสในเดือนมกรา  ....... มกรา.....เดือนนี้ก็เดือนมกรา  ผมลุกขึ้นคว้าเสื้อคลุมแล้วเดินออกจากกระท่อมไปทันที  กระท่อมของลุงเจ้ากระท่อมที่ผมเช่าอยู่อีกฝั่งหนึ่ง  เขาเป็นอดีตพรานป่าและหันมาปลูกกระท่อมให้นักเดินทางพักก่อนจะเข้าไปในหุบเขา  ชายชราต้อนรับผมด้วยวิสกี้อุ่นๆ  ก่อนถาม มีอะไรรึพ่อหนุ่ม? ลุงเคยเข้าไปในหุบเขาบ่อยไหม? โอย  สมัยก่อนเข้าทุกวันนั่นละนอกจากวันไหนมีพายุก็ต้องงด  เพิ่งมาเลิกเอาเมื่อ2ปีก่อน ในหุบเขามีหลุมศพไหม? ............................................................................................................................................. ท้องฟ้ายังไม่สาง  เสียงลมพัดดังกึกก้องเมื่ออยู่กลางหุบเขาเช่นนี้  แต่ในใจผมสงบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบหลายวัน ผมยืนอยู่หน้าแผ่นหินแผ่นหนึ่งกลางหุบเขา  ลองเอาดาบปักลงไปบนหิมะหร้าแผ่นหิน  มันจมลึกลงไปเกือบครึ่ง  เเต่บนแผ่นหินกลับไม่มีหิมะแม้แต่น้อย  วูบหนึ่งผมหวนคิดถึงชัยชนะผมคุกเข่าลงหน้าแผ่นหิน  ลูบไปบนนั้นช้าๆ
Bilovka  Karanis Mother Of  Bathymias  Karanis ผมลูบไปบนชื่อ Bathymias Karanis  ก่อนจะลงมือขุดช้าๆ ............................................................................................................................................ หลังจากที่ผมล้มตัวลงนอน  พยายามกำหนดลมหายใจให้สงบ  นึกขอบคุณความโชคดีของตัวเองที่ไม่มีหิมะตกตอนนี้  แต่ความหนาวเย็นก็ยังแทรกลึกเข้าไปถึงกระดูก หิมะละลายเป็นน้ำและเริ่มซึมเข้ามาถึงเสื้อคลุมชั้น2  ตลอดเวลาผมไม่เคยคิดอยากจะเจอตัวBathเลย  แต่ตอนนี้ผมอยากให้เขามาเร็วๆเหลือเกิน
เนิ่นนานหลังจากล้มตัวลงนอน  เสียงฝีเท้าก็ดังแทรกผ่านที่ปิดหูเข้ามา  มันดังแผ่วๆและเชื่องช้า  เหมือนเสียงครวญครางอันแผ่วโหยของคนไรเรี่ยวแรง  ผมสูดลมหายใจลึกๆ  มือขวาแขม็งเกร็งสุดล้า  ความหนาวเย็นหายไปจากตัว  ผมคำนวนระยะในใจ 10ก้าว ........ 8ก้าว ........ 6ก้าว ........ 4ก้าว ........ 3ก้าว . 2ก้าว . ก้าวเดียว. . คุกเข่า! ผมปล่อยลมหายใจยกมือขวาสวนวูบขึ้นไป  มือซ้ายตบพื้นตัวลอยวูบขึ้น ฉึบ! ชัยชนะ!วินาทีนั้นผมรู้สึกถึงชัยชนะ ผมบิดมือขวาตามสัญชาติญาน น้ำเหนียวคาวไหลลงบนหน้าผม    ผมลืมตาขึ้น  สูดลมหายใจ  ใช้Arialบังคับตัวเองให้ลงพื้นแต่ภาพที่เห็นทำให้ผมตกใจ หิมะบนพื้นถูกย้อมสีแดงเป็นหย่อมๆ  ดาบผมปักอยู่ที่ไหล่ของชายคนหนึ่ง  เสื้อคลุมสีน้ำเงินเก่าค่ำของเขาก็ถูกย้อมด้วยเลือดสีแดงสดเช่นกัน  ห่างออกไป ถุงสำภาระเล็กๆสีน้ำเงินที่เก่าพอกันตกอยู่ห่างออกไป  จากการคำนวนเขาคือ  Bath The Satmpeace  เขาเหมือนข้อมูลที่ผมได้รับมาทุกประการ  ยกเว้น...........แววตาที่ไร้ความรู้สึก  ไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย  แวบหนึ่งผมรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คน  ผมสูดลมหายใจด้วย  กลิ่นของความผิดพลาดลอยมาแตะจมูก ทันใด  ผมเห็นเขายกขาวูบ  แล้วผมก็โดนกระแทกเข้าที่ท้องอย่างแรง  เวลาเดียวกันผมกำดาบแน่น บิดและกดมันลงอย่างรวดเร็ว ตัวผมลอยห่างออกมา  พร้อมดาบที่ถูกดึงออกจากร่างเขาตามแรง  ความหวานพุ่งวูบขึ้นมาในลำคอ  เลือด 2 ลำพุ่งขึ้นไปบนฟ้า  ก่อนที่หลังผมจะกระแทกเข้ากับอะไรสักอย่างอย่างแรง  รู้สึกเหมือนใกล้จะหลับเต็มทน  ผมพยายามจะฝืน  เบิ่งตามองเขา  ชั่วพริบตานั้นทุกสิ่งในโลกดูจะหมุนช้าลง  เขาค่อยๆทรุดลงช้าๆ  คุกเข่า มือกุมอยู่ที่อกขวาและในที่สุดเขาก็ล้มลง  ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง  ความรู้สึกแห่งชัยชนะกลับมาหาผมอีกแล้ว
ผมมารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อหิมะกองใหญ่หล่นจากใบไม้ลงมาบนหัว  เหนือตัวผมถูกสุมด้วยหิมะที่หล่นลงมาจากต้นตามแรงกระแทก  ผมใช้ดาบยันตัวเองลุกขึ้น  ฟ้าใกล้มืดแล้ว  บนพื้นหน้าแผ่นหินมีเพียงเลือด 2-3กองที่ใกล้แห้ง  ทุกที่เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน  ผมส่ายศีรษะน้อยๆด้วยความผิดหวังผิดหวัง  ที่ท้องยังระบมอยู่  เป็นเท้าที่หนักจริงๆ  จริงๆแล้วเท้านั้นก็เพียงพอที่จะฆ่าคนได้เลยทีเดียว ผมใช้ดาบช่วยพยุงเดินช้าๆไปยังทิศกลับหมู่บ้าน  เมื่อผ่านแผ่นหินผมหันไปมองชื่อเขาอีกครั้งเขาอีกครั้ง ฉันต้องฆ่านายให้ได้ Bathymias  Karanis ...................................................................................................................................

Comment #3
queer (Not Member)
Posted @20 ก.พ.48 10.40 ip : 58...251

รอยเลือดงั้นเหรอ ขอรับ ดูท่าCeledonจะน่าสนใจจริงนะRadius
คนของเรายังหาทั้ง2คนไม่เจอ  อาจจะตายแล้วRadiusคาดหวัง หรือมันจะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆInonกล่าวอย่างเลื่อนลอย .................................................................................................................................................... 03 วันธรรมดาของRose เขาตื่นขึ้นมาตอนที่ฉันเอาผ้าออกไปตากหลังจากสลบไปเกือบ2วัน  ฉันทักทายเขา  เขาไม่ตอบ  มองไปรอบๆหยุดที่เสื้อคลุม และเสื้อชั้นในของเขาที่ฉันตากเอาไว้บนราว  ฉันไล่เขากลับเข้าไป  ถามเขาว่าไม่หนาวหรือไงที่ออกมาทั้งที่ไม่ใส่เสื้อ  เขาไม่ตอบมองไปรอบๆอีกครั้งก่อนที่จะหยุดที่ตัวฉัน  ชั่วครู่ฉันรู้สึกว่าสายตาของเขาช่างไร้ความรู้สึก  มันเหมือนไม่ใช่สายตาของมนุษเอาซะเลย  มันทำให้ฉันตกไปในความรู้สึกกังวลอย่างแปลกประหลาด  มารู้สึกตัวอีกทีเขาก็กลับเข้าไปในกระท่อม ฉันตากผ้าต่อจนเสร็จ  แล้วเดินเข้าไปในกระท่อม เขานั่งอยู่บนเตียงก้มหน้านิ่ง ฉันจะหาเสื้อเก่าของพ่อให้ใส่ก่อนนะ  ทนใส่ไปก่อนแล้วกัน  วันนี้แดดดี สักบ่ายๆเสื้อคุณคงแห้ง ไม่มีเสียงตอบจากเขา  ฉันเริ่มรู้สึกว่าเขาไร้มารยาทเสียแล้ว  ฉันอุตส่าห์แบกเขากลับมาจากกองหิมะอีกฝั่งของหุบเขา แท้ๆเชียว ฉันส่งเสื้อของพ่อให้เขา  แล้วแนะนำตัว ฉันชื่อRose เขายังคงเงียบ อยากกินอะไรไหม  หิวหรือยัง เขายังเงียบ คุณสลบไป2วัน ยังเงียบ ฉันเจอคุณอีกฝั่งหนึ่งของหุบเขา เงียบ ฉันจะไปหาอาหารมาให้ ...........   ฉันหันหลังจะออกไปยังห้องเตรียมอาหารแต่ในที่สุดก็หันกลับไปถาม คุณได้ยินฉันไหม? เขาพยักหน้า  อย่างน้อยเขาก็ยังรับรู้ล่ะนะ คุณพูดได้ไหม?ฉันถามต่อ เขานิ่งไปชั่วขณะแล้วเขาก็ส่ายหน้าส่ายหน้า ตายจริง  ขอโทษด้วย... ฉันเดินไปยังห้องเตรียมอาหาร  หยิบเอาของแห้งที่เตรียมไว้เวลามีพายุใส่จาน  แล้วยกออกมา ฉันส่งจานให้เขา  นั่งมองเขารับประทานอาหารช้าๆจนหมดจาน ฉันจะสื่อสารกับคุณยังไงดีฉันถามเบาๆเมื่อเขารับประทานทานเสร็จ เขามองหน้าฉัน  แล้วมองไปรอบๆ  ก่อนจะเดินไปหยิบฟืนท่อนหนึ่งจากเตาผิง  ดับไฟที่ยังครุอยู่ก่อนจะขีดมันลงบนพื้น สวัสดี  ผมBarthymias โอเค  ฉันเข้าใจล่ะ   ฉันร้องแล้วเดินเข้าไปในห้องเก็บของ  หยิบเอากระดาษปึกหนึ่งกับปากกาเก่าๆของพ่ออกมาส่งให้เขา ดูเหมือนคุณต้องพกมันไว้ตลอดนะ  เอาไปเลย เขาเขียนกลับมา ขอบคุณ ไม่เป็นไร  ฉันยิ้ม อยากคุยกับผมเหรอเขาถาม ฉันมองหน้าเขาอย่างประหลาดใจก่อนตอบไป ใช่สิ  จริงๆแล้วฉันไม่ค่อยได้คุยกับใครตั้งแต่คุณพ่อเสีย  ไม่ค่อยมีใครผ่านมาแถบนี้เท่าไหร่น่าเหงาเอาการทีเดียวล่ะ ขอบคุณที่รักษาผมนะเขาเขียนต่อไป ไม่ใช่ฉันหรอก  คุณหมอDelosต่างหากล่ะที่รักษาคุณ หมอ? ฉันพยักหน้ารับเขาแปลกใจอะไร  หรือไม่รู้จักหมอ แถบนี้ไม่ได้ร้าง? ไม่เชิงหรอก  พรานหลายคนเข้ามาอาศัยในนี้นานแล้ว  คุณหมอDelosก็เข้ามาได้ เกือบ20ปีแล้วล่ะมั้ง  ก่อนฉันเกิดเสียอีกนะนั่น  ท่านเข้ามาตอนที่พวกเมอริเซียร์บุกโจมตีเรา  เข้ามาช่วงใกล้เคียงกับปู่ของฉัน เขาพยักหน้ารับแล้วลงมือเขียน ยังไงก็ขอบคุณ ฉํนยิ้มก่อนจะถามบ้าง แล้วคุณล่ะมาทำอะไร? มาหาแม่ อ้าว  แม่คุณอยู่ที่นี่แล้วทำไมถึงคิดว่าแถวนี้ร้างล่ะ? ไม่  แม่นอนอยู่ที่นี่ ฉันไม่เข้าใจเสียแล้ว  เขาอาจจะเขียนคำแสลงอะไรสักอย่าง เอ่อ  ขอโทษนะฉันไม่เข้าใจน่ะ  แม่คุณนอนอยู่ที่นี่?  คือฉันเรียนไม่สูงนักหรอก  เป็นปู่สอนให้ แล้วฉันก็รู้สึกเหมือนเห็นเขายิ้ม  วูบนั้นฉันสาบานได้ว่าเขายิ้มจริงๆ แม่ผมเสียแล้ว  ผมฝังท่านที่อีกฝั่งของหุบเขา ฉันพยักหน้ารับ
เสียใจด้วย ฉันหยุดเล็กน้อยก่อนถามต่อ แล้วทำคุณถึงบาดเจ็บได้ล่ะ? เขาก้มหน้าไปครู่ใหญ่ก่อนจะเขียน โจร อ่อ  แปลกไม่เคยได้ยินว่าแถบนี้มีโจรมาก่อนเลย ฉันมองออกไปด้านนอก  เงาแดดเริ่มหดสั้น  คงใกล้เที่ยงแล้ว
เอาล่ะ เอ่อ Bar..... เรียกBathก็ได้ เขาเขียนตอบมาแล้วเขียนต่อไป ทุกคนเรียกผมว่าBath  แต่แม่ผมเรียกBarthy อ่อ  แล้วคุณอยากให้ฉันเรียกว่าอะไรล่ะ Barthy ฉันยิ้ม  และเขาก็ยิ้มตอบกลับมา เอาล่ะBarthy  ฉันจะไปเตรียมอาหารกลางวันนะ  คุณหมอจะมาดูอาการเธอตอนบ่าย3  ระหว่างนี้เธอก็ตามสบายเลย.......เอ้อฉันลืมไป ฉันวิ่งเข้าไปในห้องของพ่อ  แล้วหยิบเอาถุงสัมภาระใบเล็ก  และดาบยาวกว่าปกติเล่มหนึ่งมาส่งให้เขา นี่ของคุณ  หูถุงมันขาด  ฉันซ่อมให้แล้ว เชาขีดเส้นใต้คำ ขอบคุณ  2ครั้งก่อนจะหงายให้ฉันดู .................................................................................................................................................... คุณหมอDelosก้าวออกจากระท่อมช้าๆ  หันไปพูดอะไรกับBarthyสองสามคำ  แล้วก็เดินตรงไปที่คิรีที่ท่านผูกไว้ที่ต้นไม้น่ากระท่อม  ฉันเดินตรงไปหา เป็นยังไงบ้างคะหมอ? อ่อ  เธอดูแลได้เก่งมากRose  เปลี่ยนผ้าพันแผลไปเรื่อยๆนะ  ถ้าไม่มีอะไรแทรกซ้อน  อีกสักอาทิตย์ก็คงหายสนิทละท่านพูดช้าๆ ดีที่แผลไม่โดนจุดสำคัญนักด้วย  ถึงอีกฝ่ายจะพยายามคส้านให้มัลึก  แต่มันก็ยังไกลหัวใจอีกแยะเชียวแล้วท่านก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี แล้วเรื่องเสียงของเขา? อ่อ  หมอรองดูแล้ว เขาไม่ได้เป็นใบ้นะ  ร่างกายเขาสมบูรณ์  แต่ที่พูดไม่ได้นี่  อาจเป็นเพราะจิตใจมากกว่า จิตใจเหรอคะ? อืม  เรื่องนี้หมอคงแก้ได้ลำบากนะ  ต้องหาสาเหตุว่าเพราะอะไรเขาถึงไม่พูด  อาจจะมีเหตุการณในอดีตที่ฝังใจ  ประมาณนี้ ค่ะ  ขอบคุณหมอมากนะคะ ไม่เป็นไรๆท่านกล่าวก่อนจะขึ้นนั่งคิรีและขี่เข้าไปในดงสน ฉันฉันอุ้มเอาที่นอนอันเก่าของพ่อที่ตากเอาไว้ขึ้น  แล้วยกเข้าไปในกระท่อม  เขาทำท่าจะมาช่วย แต่ฉันร้องห้าม ไม่ต้องหรอกBarthy  คุณยังไม่ควรออกแรงตอนนี้ ฉันวางมันในห้องนอนของพ่อ เอาล่ะ  ทีนี้คุณก็มีห้องนอนแล้ว เขายื่นกระดาษมาข้างหน้าฉัน คุณแข็งแรงมาก  อายุเท่าไหร่? 18  ขอบคุณที่ชมนะ ขอบคุณสำหรับห้องนอนเช่นกันเขาเขียนตอบกลับมา ......................................................................................................................................................... อาการของ Barthy ฟื้นเร็วอย่างที่คุณหมอบอกเอาไว้  แค่4วันหลังจากนั้นเขาก็เข้าไปช่วยฉันเก็บแอบเปิ้ลมาเก็บไว้และทำน้ำไซเดอร์  และยังช่วยฉันดูแลคิรีของฉันด้วย  ดูเหมือนเขาจะชำนาญมากทีเดียว  ต่างกับฉันที่รู้เพียงวิธีขับขี่และดูแลอย่างผิวเผินเท่านั้น  พ่อเคยบอกว่าการดูแลคิรีเป็นหน้าที่ของผู้ชาย คืนนั้นเขาถามฉันขณะที่กำลังชุนเสื้อให้เขา พ่อคุณไปไหน? ไม่รู้สิ  เมื่อ2ปีก่อนท่านเข้าไปในป่าแล้วก็ไม่กลับมา ดูคุณร่าเริงมากเขาเขียนต่อ ฉันจะเศร้าไปทำไมล่ะ  ทุกวันนี้ฉันยังแอบคิดเลยว่า  สักวันพ่ออาจจะเดินกลับออกมาแล้วก็บอกฉันว่าท่านหลงทางนานไปหน่อยแล้วฉันก็หัวเราะ เขายิ้มแต่แล้วก็ดูเศร้าลง รู้ไหมคุณมี18ปีที่งดงามมากในหุบเขานี้เขาเขียนขึ้น ฉันไม่เข้าใจเขาหมายถึงอะไรกัน ถ้าอยู่ข้างนอก  คุณอาจต้องเจอกับนรกเลยล่ะ โลกภายนอกน่ากลัวมากเหรอฉันถาม เขาพยักหน้ารับ ฉันนิ่งเงียบ  เขาก็ไม่เขียนต่อ  ดูเหมือนความเศร้าจะเริ่มกลืนเราทั้งคู่  ในที่สุดฉันก็ทำลายความเงียบ พรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปที่หมู่บ้าน  เอาแอบเปิ้ลไปขาย  แล้วก็จะซื้อของด้วย  คุณ...อือ....ฉันว่าคุณอย่าเพิ่งไปดีกว่านะ  คุณยังไม่ฟื้นดี เดินทางไกลเดี๋ยวจะเป็นไข้ เขาพยักหน้ารับ &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&& ฉันเดินตรงไปยังกระท่อมของลุงAl  หลังจากขายแอปเปิ้ลให้กับนายหน้าจนหมด  ลุงAlเป็นอดีตพรานป่า  แต่หันมาปลูกกระท่อมให้คนเดินทางพักแทน  และยังคอยหาของที่ไม่จำเป็นมาขายด้วย ในกระท่อมมีชายหนุ่มท่าทางอ่อนล้าคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย  ฉันขอซื้อกระดาษปึกหนึ่งและปากกา  ลุงAlถามขณะหยิบของส่งให้ เอาไปทำอะไรรึโรส จะเขียนจดหมายหรือไง? ไม่ใช่หรอกค่ะ  พอดีไปเจอกับคนบาดเจ็บคนหนึ่งน่ะค่ะแล้วเขาพูดไม่ได้  ก็เลย...ฉันตอบ บาดเจ็บรึ  คงไม่ใช่เจอกับโจรเข้านะลุงAlถามพลางหันไปมองดูชายหนุ่ม เขาก็ดูจะสนใจฉันเช่นกัน ค่ะ  เขาเจอกับโจรมา ดูเหมือนจะมีคนร่วมชะตาเดียวกับคุณแล้วสิพ่อหนุ่มลุงAlหันไปบอก ชายหนุ่มคนนั้นถามฉันทันที เขาชื่ออะไรเหรอครับ  บางทีอาจจะเป็นคนที่นัดพบกับผม Barthymiasค่ะ  แต่ไม่เห็นเขาบอกว่านัดกับใครไว้นะคะฉันตอบไป ชายหนุ่มคนนั้นพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะผุดลุกขึ้น
ไม่ใช่คนที่จะพบกับผมหรอกครับ  ผมกลับกระท่อมก่อนนะครับลุงเขาเดินไปที่ประตูแล้วหันกับมา ผมCeledon  ยินดีที่ได้พบเป็นอย่างยิ่งครับ Rose .................................................................................. ข้อเสียของแฟนตาซีคือันบีบเรื่องไม่ค่อยได้แฮะ  ยาวเปร๋น-"-

Comment #4
หมี่เป็ด ไอ้รูปหล่อ (Not Member)
Posted @26 ก.พ.48 17.11 ip : 203...12

555555


ยาวแต่น่าอ่านนี่  วางโครงเรื่องหลวมๆไว้แล้ว  ต่อตอนต่อไปหรือยัง?

แสดงความคิดเห็น

« 1430
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง

งานเขียนของข้าพเจ้า

personมุมสมาชิก

Last 10 Member Post

Web Statistics : online 0 member(s) of 22 user(s)

User count is 2426829 person(s) and 10160172 hit(s) since 14 พ.ย. 2567 , Total 550 member(s).