เมื่อเชลล์ไดรฟ์ .. ดึงเรา เข้าหากัน
สายตาของผม ลากไล่ไปตามมือ
มือที่ถือแปรงทาสีขนาด 4 นิ้ว แปรงทาสีที่ไม่ได้ทาสี แต่เปียกชุ่มไปด้วย
เชลล์ไดรฟ์น้ำยารักษาเนื้อไม้กลิ่นฉุนจมูก ปาดป้ายไปบนไม้กระดาน
หน้ากว้าง 18 นิ้ว หนา 2 นิ้ว และ ... ยาว 8 เมตร
บอกตรง ๆ ครับ ตั้งแต่ผมเรียนจบสถาปัตยกรรมจบออกมาทำมาหากิน
ผ่านงานใหญ่ งานเล็กมาก็ไม่ใช่น้อย
ให้ตายเหอะ ... ผมไม่เคยเห็นไม้กระดานบ้านไหน ใหญ่โตมโหฬาร
ปานนี้มาก่อนเลยในชีวิต
ลายเสี้ยนไม้เต็งที่ปรากฏบนผิวไม้กระดาน ดูเด่นชัดประหนึ่งลายบนฝ่ามือ
มันดูเรียบลื่นจากการผ่านการใช้งานในสภาพสิ่งปลูกสร้างมายาวนาน
แต่ตอนนี้ มันถูกแยกสภาพกลับกลายมาเป็นวัสดุก่อสร้างอีกครั้ง และไม่ใช่แค่
แผ่นเดียวซะด้วยสิ เพื่อนพ้องน้องพี่ของเขา กองเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย
สูงแทบจะถึงหน้าอกผมอยู่ที่เบื้องหลัง
" สมัยนี้ จะไปหาไม้กระดานแผ่นใหญ่ ๆ ขนาดนี้ได้จากที่ไหน โอ๊ย .. ไม่มีหร๊อก
สมัยที่ปู่แกปลูกเรือนน่ะนะ โน่น .. เขาไปเอามาจากเพชรบูรณ์โน่น กว่าจะล่องน้ำ
มาถึงเสาไห้ ไอ้เลื่อยไฟฟ้าก็ยังไม่มี พวกล่อเลื่อยยาวเกือบ 2 เมตร แบบที่ใช้
2 คนกระชากหัวท้ายนั่นแหละ กว่าจะออกมาเป็นกระดาน แหม .. พูดถึงเมื่อก่อนนะ
แม่น้ำป่าสักหน้าบ้านปู่แกนี่ ปลากระโห้ตัวเท่าคน ปู่แกเคยไปดักได้แถวหัวคุ้งน้ำ
หน้าวัดสมุหโน่น อู๊ย .. กว่าจะลากเข้าฝั่งได้ .............. "
พ่อผมที่กำลังทาเชลล์ไดรฟ์อยู่ที่ปลายไม้กระดานอีกข้าง เล่าเรื่องราวยาวยืด
ของที่มาที่ไปของไม้กระดานแผ่นนี้ ขณะที่ผมกำลังทาไล่ไปจากปลายไม้กระดาน
อีกข้างหนึ่ง ถ้าต่างคน ต่างทาไปแบบนี้ เดี๋ยวเราจะมาเจอกันตรงกลางไม้กระดาน
กลิ่นฉุน ๆ ของเชลล์ไดรฟ์ ทำให้ผมคิดอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อย
ทำไม ... มันต้องมีช่องว่าง ระหว่างพ่อกับผม
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
หลังจากเกษียณอายุในรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง ผมเริ่มสังเกตุว่าพ่อเริ่มพูดอะไรต่อมิอะไร
มากขึ้น ภาพความทรงจำวัยเด็กที่ผมจำได้พ่อจะเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยจะบอกเล่าอะไร
สักเท่าไหร่ ยกเว้นแต่เวลาที่เพื่อน ๆ ของพ่อมาตั้งวงกินเหล้ากันที่บ้าน ช่วงเวลานั้นแหละ
ที่พ่อถึงจะดูสนุกสนาน ชวนคุย ชวนเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ เสียงหัวเราะเฮฮาจากวงสุรา
มักจะดึงให้ผมเขาไปป้วนเปี้ยนอยุ่แถว ๆ นั้นตลอด วิ่งไปซื้อน้ำแข็งให้บ้าง โซดาบ้าง
บางทีก็เดินถือจานผัดกระเพราที่แม่ผมเป็นคนปรุงจากในครัวมาส่งให้
... ผมจำได้ว่าผมเคยสะกิดถามพ่อ ตอนที่เห็นมีขาเทียม 2 ข้าง ตั้งอยู่ข้าง ๆ วงเหล้า
" พ่อ .. พ่อ .. ขาใครอ่ะ ? "
เสียงหัวเราะจากผู้ใหญ่ 4-5 คนดังลั่น ก่อนที่พ่อผมจะชี้มือไปที่อานิตย์
" ขาของอานิตย์น่ะลูก อานิตย์ขาขาด ตอนไปรบที่เขาค้อ "
เจ้าของขาเทียมคู่นั้น ยักคิ้วให้ผมอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะถลกกางเกงขายาวขึ้นมาถึง
หัวเข่า ให้ผมดูเนื้อมน ๆ ที่เหลืออยู่อีกครึ่งท่อน
" อานิตย์ .. แล้วเวลานั่งอึ อานิตย์ทำไงอ่ะ ? " ผมถามอานิตย์ ตอนที่เอามือลูบ ๆ ตรงหัวเข่า
อีกแล้วครับ เสียงหัวเราะร่วนจากเพื่อน ๆ พ่อในวงดังกันเอิ๊กอ๊าก ลุงณูบอกให้
อานิตย์พาผมเข้าห้องน้ำ แล้วอึให้หลานมันดูหน่อย ..
ทีนี้เสียงหัววเราะดังไปสามบ้านแปดบ้าน
พ่อผมเคยเป็นทหาร เพื่อนพ่อก็เป็นทหาร ที่ทำงานพ่อก็เป็นรัฐวิสาหกิจในเครืออุตสาหกรรมทหาร
เรียกได้ว่า ผมโตมาในวงล้อมของทหาร เรื่องราวและภาพลักษณ์บางประการค่อย ๆ ซึมซาบ
เข้าไปในมโนสำนึกของเด็กผู้ชายตัวน้อย
แต่ผมก็ยังจำได้อยู่ดีแหละว่า ปรติพ่อเป็นคนเงียบขรึม ...
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ผมพยายามหาคำตอบ ว่าทำไมช่วงหลัง ๆ นี่ พ่อช่างบอกช่างเล่าอะไรละเอียดจัง
แต่ละเรื่องล้วนมีที่มาที่ไปทุกอย่าง แม้กระทั่งการเดินไปซื้อลิ้นจี่ที่ตลาด
ที่พ่อต้องเล่าขนาดว่า เดินข้ามถนนยังไง ขึ้นสะพานลอยไป เดินวนไปดูปลาทูก่อน
แต่มันดูตัวเล็กไปหน่อย เลยไม่ซื้อ หันหลังกลับมาเห็นลิ้นจี่ โลละ 15 สองโล 25
แล้วเรื่องอะไรต้องไปซื้อมันโลเดียววะ เอามันสองโลเลย แม่ค้าแทนที่มันจะเอาไอ้ที่อยู่บน ๆ
สวย ๆ มันดันไปหยิบที่ล่าง ๆ กองที่มันดำ ๆ ไอ้เราเลยหยิบออกจากถุง แล้วเอาไอ้บนกองสวย ๆ
ใส่แทน
แน่ะ .. จ่ายตังค์ให้มันดันมาทำปากขมุบขมิบ นี่มาซื้อนะโว๊ย ไม่ได้มาขอ ...
แม่ผมบอกว่า หลัง ๆ มานี่ พ่อแกพูดม๊าก .. พูดมาก
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
แผ่นไม้กระดานดูแคบลง เมื่อเราต่างคนต่างทาเชลล์ไดรฟ์ไล่เข้าหากันจากปลายแต่ละด้าน
เหลือความกว้างอีกเพียง 4 เมตร ผมเหลือบตาไปดูพ่อ
...
พ่อดูชราภาพลงไปมาก ปีนี้ พ่ออายุ 67 แล้ว ผมที่หงอกขาวทั่วศรีษะ ผิวหนังที่ดูจะย่น ๆ เหี่ยว ๆ ลง
พ่อต้องเข้าทำการรักษาโรคเส้นเลือดในหัวใจ พ่อต้องไปหาหมอบ่อย ๆ ..
พ่อซื้อที่ดินไว้ย่านบางพลี หลังจากเกษียณ พ่อเอาเงินส่วนหนึ่งมาทำห้องเช่า เป็นตึกคอนกรีต 2 ชั้น
มี 16 ห้อง พ่ออยู่ดูแลที่นี่ ขณะที่แม่ ยังพักบ้านพักข้าราชการแถว ๆ สี่แยกยมราช ถึงแม้ว่า
แม่จะเกษียณอายุราชการแล้ว แต่ทางต้นสังกัดยังต่ออายุราชการให้ เพราะยังหาใครมาทำหน้าที่อันหนักหนา
แทนแม่ไม่ได้
หยดเหงื่อไหลซึมบนใบหน้าของพ่อ ...
" พ่อ .. ไปนั่งพักกินน้ำเหอะ ที่เหลือนี่เดี๋ยวผมทำเอง "
พ่อเงยหน้ามามองผม ก่อนจะเดินไปวางแปรงทาสี มือหนึ่งดึงงอบที่สวมใส่อยู่มาพัดโบก
" แก่แล้วนี่มันไม่มีอะไรดีเลยว่ะ .. ทำอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เหนื่อยแล้ว เมื่อก่อนไปเกี่ยวข้าว
กับปู่แกตั้งแต่เช้ายันเย็น ยังไม่รู้สึกเหนื่อยอย่างนี้ พูดถึงทำนา เมื่อก่อนนะ ปู่แกทำได้ไร่ละ
เจ็ดเกวียน แปดเกวียน ชาวบ้านแถวนั้นสู้ไม่ได้ ไอ้เราก็หาบข้าวจนหลังแอ่น กว่าจะได้ขาย
ได้ตังค์ เมื่อก่อนว่าหาเงินยากแล้ว เดี๋ยวนี้มันยิ่งยากเข้าไปอีก เมื่ออาทิตย์ก่อนนะ พ่อ ไป ....... "
...
พ่อเล่าอะไรยืดยาวไปเรื่อย ตอนที่ไปเปิดกระติกกินน้ำ เสื้อที่พ่อใส่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ผมเริ่มเข้าใจแล้วล่ะว่า ทำไมช่วงหลัง ๆ นี่ พ่อช่างบอกช่างเล่าอะไรละเอียดจัง
พ่อเหงา ...
พ่อชอบที่จะเล่าเรื่องโน้น เรื่องนี้ ให้คนที่พ่อชอบใจเท่านั้นฟัง ถ้าคนที่พ่อไม่ชอบขี้หน้า
อย่าว่าแต่พูดเลย มองหน้าพ่อยังแทบไม่มอง
แล้วถ้าแม้แต่แม่ ซึ่งเป็นคนที่พ่อรักที่สุด ยังไม่อยากฟังที่พ่อพูด
ใครจะฟังพ่อ ...
ใครจะเข้าใจ ว่าพ่อแค่อยากทำในสิ่งที่พ่อชอบ กับคนที่พ่อรัก
พ่อไม่สนใจหรอก ว่ามันจะดูน่ารำคาญหรือเปล่าที่ต้องมาเล่าอะไรยืดยาดมากมาย
พ่อแค่อยากเล่า
...
ผมเริ่มเข้าใจบางอย่างว่า ไอ้ที่ผมเขียนเรื่องสั้น เรื่องอะไรต่อมิอะไรได้ทุกวันนี้
ผมได้แบบอย่างมาจากใคร ใครที่เล่าเรื่องให้ผมฟังได้แบบมองเห็นภาพตามติดได้โดยตลอด
ใครที่สอนให้ผมรู้จักเรื่องพรรณนาโวหารจนแจ้งกระจ่างใจ
พ่อ .. เป็นคนสอน
...
ถ้าแม่ เป็นคนสอนให้ผมรักการอ่าน ให้ผมสนุกในโลกตัวอักษร ให้ผมได้อ่านอย่างไม่มีขีดจำกัด
แม้แต่ตอนที่ผมอายุ 5 ขวบ แม่ยังซื้อหนังสือประกอบภาพประวัติศาสตร์อพอลโล 11 เล่มหนาปึ๊ก
บันทึกเรื่องราวการเดินทางไปเหยียบโลกพระจันทร์ของมนุษย์เดินเดินคนแรก ที่ไปทิ้งรอยเท้าไว้ยัง
ไอ้ดวงกลม ๆ เหลืองนวลที่ลอยอยู่เหนือหัว ในราคาเล่มละ 500 บาท เมื่อปี พ.ศ. 2519 ...
สมัยที่ก๊วยเตี๋ยวชามละ 5 บาท
แม่ซื้อให้ผมอ่านโดยไม่เสียดายเงิน
... แม่ก็เป็นเหมือนภาคอินพุต ของผม
พ่อก็สอนให้ผมรู้จักเล่าเรื่อง ลำดับที่มาที่ไปของเรื่องที่ต้องการจะสื่อออกไป
มันต้องชัดเจน มันต้องละเอียด มันค่อย ๆ ซึมซาบเข้าไปโดยไม่รู้ตัวใน
ตอนที่ผมเปิดกระติกน้ำแข็งใส่แก้วของพ่อ ตอนที่พ่อนั่งกินเหล้ากับเพื่อน ๆ
... พ่อก็เป็นเหมือนภาคเอาท์พุต ของผม
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
นานแล้วนะครับพ่อ ที่เราสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกันสองคนแล้วทำอะไรที่มันดูแมน ๆ แบบนี้
ผมก็ไม่รู้ว่าครั้งสุดท้ายที่เราได้ใกล้ชิดกัน เราทำอะไรกันอยู่ แต่เท่าที่ผมจำได้ เมื่อก่อน
เราสนิทกันมาก เหมือนตอนที่พ่อพาผมไปดูมวยที่สนามหลวง ในงานวัน 5 ธันวามหาราช
อากาศเย็นเฉียบ ผมนั่งตักพ่อ ล้วงไปในกระเป๋าเสื้อแจ๊กเก็ตฟิลด์สีเขียวขี้ม้า ที่มีถุงถั่ว
ลิสงคั่วอยู่ในนั้นมายัดใส่ปาก แล้วคืนนั้นเรากลับบ้านกันตอนตี 3
ตอนนั้น ผมเพิ่ง 6 ขวบ ..
อย่างน้อย ในตอนนี้ ที่เราขยับเข้าใกล้กันเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าเชลล์ไดรฟ์มันจะไม่ใช่เหตุผล
ที่ทำให้เรากลับมาอยู่ใกล้ ๆ กันอีกครั้ง หรือไม้กระดานที่รื้อมาจากเรือนบ้านปู่ที่เสาไห้ ก็คงไม่
ใช่ปัจจัยที่ดึงเราเข้าหากันอีกหน
แต่ผมก็ดีใจ ที่ตอนนี้ ผมได้มาอยู่ใกล้ ๆ พ่อ จนอดขอบคุณกลิ่นฉุน ๆ ของไอ้น้ำยารักษาเนื้อไม้
ยี่ห้อนี้ไม่ได้ ...
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
" ทากันกระย๊อก กระแย๊ก สองคนแบบนี้ เมื่อไหร่มันจะเสร็จวะ ไม้มันก็ไม่ใช่น้อย ๆ
กว่าแม่แกจะปลูกบ้านไม่ปลายปีนี้เรอะ เงินก็ไม่ค่อยจะมี หาเรื่องยุ่งยากจังว่ะ แต่ถ้าไม่ทำ
ก็เสียดายไม้ ถ้าไปซื้อเขาเดี๋ยวนี้ไม่หมดเป็นแสนเรอะ .............. "
พ่อยังพูดอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อย ตอนที่เดินท่อม ๆ ไปดูลูกขนุนที่อยู่บนต้นข้าง ๆ ตึก
ตอนที่ผมยังลากไล่สายตาของผม ไปตามมือ
มือที่ถือแปรงทาสีขนาด 4 นิ้ว แปรงทาสีที่ไม่ได้ทาสี แต่เปียกชุ่มไปด้วย
เชลล์ไดรฟ์น้ำยารักษาเนื้อไม้กลิ่นฉุนจมูก ปาดป้ายไปบนไม้กระดาน
หน้ากว้าง 18 นิ้ว หนา 2 นิ้ว และ ... ยาว 8 เมตร
ที่ตอนนี้ เชลล์ไดรฟ์ได้ถูกทาทับหน้าไม้ มาบรรจบกันจนทั่วทั้งแผ่น
อย่างน้อย ในช่วงชีวิตของมนุษย์เราที่แสนสั้น อันมีช่วงคาบเกี่ยวของห้วงเวลา
ทาบทับครึ่งค่อนของชีวิตพ่อ และชีวิตผมอยู่ในขณะนี้
ผมได้ทำอะไรเพื่อพ่อบ้างสักครั้ง ...
เรายังถูกดึงเข้าหากัน ด้วยเหตุผลของเชลล์ไดรฟ์ หรือไม่ก็ตามทีเถอะ
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
แดดยามบ่าย ลดความร้อนแรงของดวงตะวันตามแนวขอบโลก
แสงเหลืองทอง ฉาบไล้บนร่างของผู้ชาย 2 คน คนหนึ่งอายุ 67
อีกคนหนึ่งอายุ 34 คนหนึ่งเดินไปพูดไป อีกคนหนึ่งเดินไปเก็บ
ข้าวของเครื่องมือทำงาน ก่อนจะเดินไปจับแขนคนที่บ่นปนเดินคนนั้น
" ไปหาข้าวกินกันเหอะพ่อ เดี๋ยวผมค่อย ๆ ทาให้มันหมดนี่แหละ อย่าบ่นนักเลย .... "