วันคว้าดาว ๒
เมื่อคุณหมอบอกว่า อาทิตย์หน้าคลอดได้แล้ว จะเอาวันไหน ฉันตอบว่า
ขอเป็นวันพฤหัสค่ะ ที่เลือกวันพฤหัส เพราะผ่านการลงประชามติของสมาชิกทุกคนในบ้านแล้วว่า วันนี้เป็นวันดี
เมื่อถึงเวลา ฉันไปโรงพยาบาลแต่เช้า ติดต่อทำบัตรอะไรเรียบร้อย ก็ถึงเวลา
เดินเข้าสู่สนามรบจริง ๆ ล่ะทีนี้ ใจเต้นนิดหน่อย ด้วยไม่รู้ว่าจากนี้ไปจะเจออะไรบ้าง
พยาบาลพาฉันเข้าไปในห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำความสะอาดร่างกายและลำไส้
นึกในใจว่า เสียวว้อย!! กลัวไว้ก่อน ความจริง ไม่เจ็บหรอก
จากนั้นก็ไปที่ห้องรอคลอด ห้องนี้มีประมาณ 10 เตียง มีบรรดาคุณแม่ ๆ
มานอนรอประมาณ 5 คน พยาบาลมาเติมน้ำเกลือให้ โดยบอกว่าเป็นยากระตุ้นมดลูก
เริ่มเติมน้ำเกลือประมาณ 9 โมงครึ่ง ราว ๆ 10 โมง คุณหมอก็มาดู แล้วก็มาตรวจภายใน
และเจาะถุงน้ำคร่ำ ตรวจภายในทุกครั้งเจ็บทุกครั้งเลย เฮ่อ!! ต้องท่องไว้ในใจตลอดว่า
ทน ทน ทน& ระหว่างเติมน้ำเกลือ พยาบาลก็จะมาตรวจภายในดูเป็นระยะ
ว่าปากมดลูกเปิดกี่เซนต์ ตลอดเวลาที่อยู่ห้องรอคลอด ถูกล้วงไม่ต่ำกว่า 7 ครั้ง นึกในใจว่า กูเจ็บโว้ยยย!!!
น้ำคร่ำก็ไหลออกมาเป็นระยะ จนเริ่มรู้สึกเจ็บถี่ ๆ ขึ้น ตั้งแต่ประมาณ บ่าย 2 ปวดบีบแล้วก็คลาย เป็นอย่างนี้ตลอด นี่หรือรสชาติของการเจ็บท้องจะคลอด
พยายามกัดฟันทนไม่ร้องออกมา แต่บางทีไม่ไหวก็ โอ้ย! สักครั้ง ไม่งั้นจุก
อกตาย เตียงข้าง ๆ ก็ร้อง ..โอย โอย ไม่ไหวแล้ว& ทำเอาเราใจไม่ดีไปด้วย งานนี้ใครช่วยใครไม่ได้เสียด้วยสิ เจ็บนี้ของใครของมัน ตอนนี้คิดถึงแม่ คิดถึงยาย และคิดถึงผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ทุกคน พวกเธอต้องผ่านการเจ็บปวดแบบนี้ใช่ไหม คิดถึงสามีที่รออยู่หน้าห้องคลอด รู้มั้ยว่าฉันกำลังต่อสู้อยู่เพียงลำพัง (อยากให้ไปซื้อน้ำแข็งใสมาให้กินน่ะ คอแห้งจัง)
ฉันนอนบิดตัวเกร็งไปตามความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเป็นระยะนั้นอยู่จนถึง
6 โมงเย็น คุณหมอก็มาตรวจดูอีกครั้ง แล้วบอกว่า หัวลูกยังลอยเฉียง ๆ อยู่ ตอนนี้หมอ
ช่วยพลิกให้ลงมาที่เชิงกรานแล้ว รออีกนิดก็คลอด ร้องในใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ว่า
กูเจ็บว้อยยย!! ไม่อยากนอนเจ็บแบบนี้อีกต่อไปแล้ว อยากจะผ่าเสียให้รู้แล้วรู้รอดเลย
จนสามทุ่ม ความรู้สึกเจ็บมันเพิ่มมาอีกอย่างคือ ปวดเหมือนอยากจะเบ่ง
จึงบอกพยาบาล ตรวจภายในเป็นครั้งสุดท้าย ได้ยินว่า ปากมดลูกชิดแล้ว ได้เวลา
เข้าห้องคลอด!!!
ฉันนึกในใจว่า ความเจ็บปวดทรมานใกล้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ความกลัวที่จะคลอดเข้ามาแทน เสียงร้องของคุณแม่คนก่อน ยังก้องติดหู แล้วตูจะเจ็บมากเหมือนเขา
ไหมหว่า ทราบว่าคุณหมอเขาไม่บล็อคหลังให้ด้วยสิ คลอดเองสด ๆ เลยเหรอ
ฉีดแต่ยาชา ฉันจะตายไหมนี่ คิดอะไรไปสารพัด
ถึงเตียงคลอด แล้วขึ้นนอนพาดบนขาหยั่ง คุณหมอบอกว่า เอ้า..ช่วยกัน เดี๋ยวก็คลอดแล้ว ถ้าท้องแข็งให้เบ่งเลยนะ ฉันทำตามที่คุณหมอและพยาบาลบอก
เมื่อมดลูกบีบตัว และท้องแข็ง ก็เบ่ง เบ่งอยู่ 3-4 ครั้ง จนรู้สึกมีอะไรตุง ๆ อยู่ คุณหมอฉีด
ยาชาให้ตอนไหน ไม่รู้ตัวเลย ได้ยินว่าต้องใช้คีมคีบช่วย จนปวดเบ่งอีก 4-5 ครั้ง ก็ฮึดจน
เฮือกสุดท้าย แล้วก็รู้สึกมีอะไรอุ่น ๆ มาวางที่หน้าท้อง ฉันรู้โดยอัตโนมัติว่า ลูกคลอดแล้ว
สักพักพยาบาลก็เอาลูกมาวางไว้บนอก ฉันเห็นผมที่ยาวและดกดำเป็นสิ่งแรกเห็นจมูกของลูกมีจุดขาว ๆ เต็มเลย เห็นความพยายามที่จะลืมตาปริบ ๆ และได้ยินเสียงร้องไห้ ฉันเอื้อมมือไปลูบหัว แตะแก้ม ลูบแขน ลูบขา อย่างแผ่วเบา แล้วพูดเบา ๆ ว่า
ลูกจ๋า&.
สักครู่พยาบาลก็นำลูกไป คุณหมอก็เย็บแผลให้ ถึงจะฉีดยาชา แต่ก็ยังรู้สึก
แปล๊บ ๆ นิดหน่อย เฮ่อ!! เจ็บ(โว้ย) เย็บแผลเสร็จแล้ว ฉันถูกพาไปห้องพักฟื้น เกิดปัญหาขึ้นอีก คือพยาบาลบอกว่า มดลูกไม่แข็งตัว เกรงว่าจะตกเลือด จึงต้องฉีดยา
กระตุ้นมดลูกอีกเข็มหนึ่ง แล้วนอนรอดูอาการอีกพักใหญ่ ๆ
จนเที่ยงคืนเศษ จึงออกจากห้องพักฟื้น แล้วก็เจอแม่ และพ่อของเจ้าตัวเล็ก
ที่มารอหน้าห้องคลอด คุณสามีบอกว่า เก่งมาก คลอดเองด้วย ฉันยิ้มรับแล้วบอกว่า
เจ็บจะตายแน่ะ ถามไปว่า เห็นลูกรึยัง คำตอบคือ เห็นแล้ว ลืมตาปริบ ๆ ด้วย ลูกคนอื่นออกมาหลับตากันหมด มีเจ้าตัวเล็กนี่ล่ะที่ลืมตา ท่าทางเอาเรื่องแฮะ..
จากนั้นพวกเราก็เข้าพักในห้องพิเศษที่จองไว้ เขาไม่พาลูกมาให้สักที รอจนเช้าอีกวัน ถึงได้รู้ว่า ลูกมีอาการผิดปกตินิดหน่อย คือหายใจเร็ว คุณหมอจึงเอ็กซเรย์
พบว่าปอดติดเชื้อ อาจเป็นปอดบวม ต้องอยู่ฉีดยารักษา 7 วัน โธ่! ลูกฉัน เกิดมาก็ถูกเอ็กซเรย์ ถูกฉีดยาซะแล้ว อย่าเป็นอะไรมากนักนะลูก&
แน่นอน เมื่อลูกต้องอยู่โรงพยาบาล 7 วัน ตัวแม่ก็ต้องอยู่ด้วย เพื่อให้นมลูก
ฉันนอนติดสายน้ำเกลืออยู่จนถึงบ่ายอีกวัน คิดถึงลูกมาก เกิดมาเห็นกันแค่นาทีเดียว
จนป่านนี้ยังไม่เห็นอีกเลย ยังรู้สึกปวดแผลอยู่ แล้วฉันจะเดินไปหาลูกอีกฟากตึกนึง
ยังไงเนี่ย พยาบาลเข้ามาดูว่าน้ำนมไหลรึยัง เขามาบีบที่หัวนม จ๊ากกก..เจ็บอีกแล้ว
แต่ก็เห็นน้ำนมไหลออกมา ค่อยยังชั่วหน่อย ถ้าไม่ไหลอาจถูกเค้น ถูกคลึงให้น้ำนมไหล
เพราะถ้าเต้านมคัด แต่น้ำนมไม่ไหล เข้าใจว่านมจะระเบิด เอ้ย! ไม่ใช่ นมจะอักเสบ
ไข้ขึ้น ปวดนมตาย&
เมื่อถอดสายน้ำเกลือออกแล้ว ฉันเดินเกาะไหล่แม่ค่อย ๆ เดินไปหาลูก
เขานอนหลับอยู่ในเปล ที่มือมีหลอดสำหรับฉีดยาพันอยู่ ดูแล้วน่าสงสารจัง พยาบาล
บอกให้อุ้มลูกกินนม ก็ เก้ ๆ กัง ๆ อยู่นิดหน่อย ด้วยความเป็นมือใหม่ อุ้มเด็กแรกเกิด
ไม่เป็น กลัวหลุดมือ จัดท่าทางให้นมลูกดูดแล้ว ก็คาบปล่อย ๆ ยังไม่ยอมดูด พยาบาล
ก็บอกวิธีช่วยบีบให้น้ำนมไหล ลูกดูดไปได้นิดเดียว ก็ไม่เอาแล้ว ถือว่าให้นมลูกวันแรกยังไม่สำเร็จ และกว่าจะเข้าที่เข้าทางก็อีก 2 วันถัดมา เจ็บน่าดูเชียวล่ะ ทำไมมันถึงได้มีแต่
เจ็บกับเจ็บล่ะเนี่ย โอย&อะไรกันนักกันหนา&เจ็บเต้านมคัดนี่ก็สุด ๆ เหมือนกันเลย
ปัญหาอีกข้อหนึ่งต่อมาคือ ลูกตัวเหลือง ต้องเจาะเลือดไปตรวจ ดูว่าเหลือง
มากเกินไปหรือเปล่า หรือว่าเหลืองปกติ ถ้าเหลืองมากผิดปกติ ก็ต้องอบ ต้องเจ็บตัวอีกแล้วนะลูกแม่ เมื่อตรวจเลือดก่อนกลับบ้าน พบว่าเลือดปกติ แต่คุณหมอก็นัดมาดูอีกครั้งในอาทิตย์ถัดไป แต่ก็มีปัญหาอีกจนได้ ฉันคลำเจอก้อนเล็ก ๆ ที่บริเวณกรามของลูก
ตอนเกิดใหม่ไม่ทันสังเกตุ มาพบเอาทีหลัง หมอบอกว่าอาจเป็นซีส หรือพังผืด ต้องให้หมอศัลยกรรมเฉพาะทางดูอีกที ก็ภาวนาว่าอย่าเป็นอะไรมากอีกเลยนะ
ลูกแม่จ๋า&(ตอนนี้ให้หมอดูแล้ว บอกว่าเป็นก้อนไขมัน ถ้าจะให้หายคือต้องผ่าออก
ลูกเดียว ก็รอให้โตอีกหน่อย สัก 5-6 เดือน ค่อยผ่า เทวดาให้มาเกินเนาะ)
7 วันที่อยู่ในโรงพยาบาล เราต้องเรียนรู้กันและกัน ฉันได้เรียนรู้วิธีพันผ้าอ้อม
วิธีอาบน้ำให้ลูก ทำความสะอาดสะดือ เช็ดขี้ตาให้ลูก แล้วก็เจ้าตัวเล็ก ที่เดี๋ยวอึเดี๋ยวฉี่ ร้องเมื่อตัวเปียก ร้องเมื่อหิว สบายตัวแล้วก็หลับปุ๋ย อืมม์..เหนื่อยน่าดูเหมือนกัน
นี่เป็นแค่วันแรก ๆ เท่านั้น เวลาที่เราจะต้องศึกษากันและกันยังมีอีกมากมายนะลูกเอ๋ย&
และตอนนี้ขอพูดเพียงว่า แม่ดีใจที่มีลูกมาอยู่กับแม่จ้ะ<br />
รักหมดใจ&.แม่ ////
ครั้งหนึ่งในชีวิต ไม่ลองไม่รู้เน้อ..