เนื่องด้วย..บันทึกจากหุบเขาฝนโปรยไพร
บันทึกจากหุบเขาฝนโปรยไพร วิถีชีวิตไทย ส่อให้เห็น ตั้งแต่ เช้า - บ่าย - เที่ยง จรดเย็น ทุกๆสิ่งล้วนเป็นบุพกาล
กนกพงศ์ เล่าให้ฟังเหมือนดังว่า อันชีวานักเขียนน่าสงสาร ดิน ต้องดีจึงจะเกิดซึ่งผลงาน ท่านผู้เฒ่ากล่าวขานเช่นนี้มา
ยอมทิ้งตัวสู่หุบเหวอันไร้ก้น ยอมทิ้งตนจากความสุขอันหรูหรา เปลี่ยนชีวิตเป็นชาวบ้านธรรมดา อยู่กลางป่าชื่อว่า ฝนโปรยไพร
ณ คืนหนึ่งเป็นดั่งคืนจันทร์ฉาย ฟ้าสว่างวางวายแลสดใส ลมเย็นๆพัดเอื่อยๆเรื่อยๆไป ชาวหมู่บ้านสาวเท้าก้าวไปในกลางลาน
เสียงโหวกเหวกตะโกนถามไม่ไปหรือ กนกพงศ์ร้องฮือถามไปไหน ชาวบ้านตอบหน้าซื่อ โนราห์ ไง แล้วแกไซ่ไม่ยอมไปน่าสำราญ
อึกทึกกึกก้องต้องมนต์ขลัง ลองสดับรังฟังเสียงผสาน เสียงฉิ่งฉับกรับกลองก้องกังวาน เป็นลำนำกรองกานท์เรียกผู้ชม
คนเฒ่า-คนแก่ รีบนั่งท่าพับเพียบ ปูเสื่อผืนเรียบดูเหมาะสม เอกเขนกแหงนฟ้าท้ารับลม ได้อารมณ์แห่งนาฎลีลา นอกอ - นากา มาวรรคแรก บทกาศครูปลายแพรกล้วนใฝ่หา พระนิพพานจุดสูงสุดของโนห์รา เข้าถึงชีวาด้วยธัมโม
โนราห์เฒ่าร่ายรำด้วยสำนึก กรีดกรายดูล้ำลึกนึกอักโข ปานเทวาสรรค์สร้างด้วยเจตโน ดวงตาโตเบิกโพลงราวอัศจรรย์
แปลกไหมเล่า!!นั่งได้นานปานสะกด แม้หลังขดหลังแข็ง..ไร้แรงนั่น กลับสนใจสิ่งตรงหน้าพิศาพลัน ไม่เคยหวั่นแม้ฟ้ารั่วรดสรรพางศ์
นี่แหละหนอ!เอกลักษณ์แดนทักษิณ ช่างสมจินต์แสนโปรดมีมีหมาง อ่านชีวิตเล่มนี้ไม่อยากวาง อ่านแล้วตั้งไม่ลง..คงเข้าใจ..