ทดแทนกันได้.....
เอ๊ย....!! โทรศัพท์...
ครับ...สายอะไรเหรอครับ... สาย 108 มั้ง..?? มึงก็ดูดิว่ะ...ว่าปุ่มไหนมีแสง.....รุ่นพี่ผมพูดพร้อมสายหน้าอย่างเบื่อหน่าย...เหมือนรำครานที่มีรุ่นน้องอย่างผม ผมทำเป็นไม่เห็น...เห็นไปแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไรได้.....ได้มากสุดก็แกล้งทำยิ้ม..แหะ แหะ....แล้วเอามือเกาหัว....(อืมมมมมม....สาย 3 นี้เอง....).....
.....ฮาโหล..... ฮาโหล....นี้เราเองนะ....เสียงหวานๆได้ดังออกมาจาก เครืองมือสื่อสารที่....สังคมปัจจุบันนิยมใช้กัน... อาาา...ว่าไง...เป็นไงบ้าง....ผมถาม เดียววันนี้...คงกลับดึกหน่อยนะ...จะไปแวะคอนโด...วิ...น่ะ... เสียงคนคุ้นหน้า...แต่ไม่สามารถเห็นหน้าได้ในเวลานั้นตอบ... เหรอ...ตามสบาย....แต่ยังไงก็โทรมาหน่อยก็ดี...จะได้รู้ว่าอยูที่ไหน... ผมพูดต่อ...และนึกเป็นห่วง.. อื่ออ...ได้...ไม่มีปัญหา...... โอเค....แค่นี้นะ...ขับรถอยู่... จ๊ะ....บ๊าย บาย... บทสนทนา...ที่โต้ตอบกันไปมาสั้นๆ...ก่อนที่จะเปิดปากพูดคำลาก่อน...เป็นภาษาอังกฤษ...
ผมวางโทรศัพท์ลง...แล้วหันหน้าไปพบกับเอกสารที่กองสูงกว่าหัวผม....
(โอยยย.....โคตรขี้เกียจเลย....
อยากไปนอนในเปลผ้าใบโดยมีคนรู้ใจอยู่ข้างๆ....ใต้ต้นมะพร้าว...ข้างทะเล...ริมหาดทราย...
.....นอนดูผื้นฟ้ากับท้องน้ำทะเลมาเจอกันที่เส้นขอบโลก....
ฟังเสียงเพลงลูกคลื่น...จากสถานีมหาสมุทร..ที่เปิด 24 ชั่วโมง...และทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ....
เส้นผมปลิวสบัด....หยอกเย้า...คลอเคลีย...เล่นกับสายลม...ดั่งมืออ่อนนุ่มของคนรู้ใจ...
ทรายน้อยเม็ดเล็ก...ดูดเอาแสงแดด..ไออุ่น...ละลายความเหนื่อยอ่อน...เมื่อยล้าที่เกาะรากฝังลึกในกาย...)
.................................................
อ้าว...ยังอยู่อีกเหรอ...จะหกโมงแล้วนะ....ยังไม่กลับอีกเหรอ... รุ่นพี่ผมเข้ามาถาม..
ครับ...พอดีแฟนไม่อยู่...กลับไปก็ไม่รู้จะไปหาใคร...เลยอยากจะเคลียนงานชุดนี้ให้เสร็จด้วย.... ผมตอบ...
อืมมมม....เหรอ..... รุ่นพี่ผมหาของในกระเป๋ากางเกง...เพื่อเช็คดูว่า...มีของทีต้องการครบหรือเปล่า...
ได้ข่าวว่า...จะแต่งงานกันแล้วใช่ไหม....คบกันกี่ปีแล้ววะ...รุ่นพี่ถามต่อ...
ก็เกือบ แปดปีแล้วพี่....ถ้าไม่แต่งกับคนนี้ผมก็ไม่รู้แล้วว่าชาตินี้จะได้แต่งหรือเปล่า... ผมพูด..
ฮะๆๆๆๆๆๆ...เราหัวเราะพร้อมกัน...
เออ...พรุ่งนี้วันเกิดมึงนิ...มีแผนอะไรยังวะ.... รุ่นพี่ผมถามต่อ...
ก็คิดว่าจะไปเที่ยวทะเลนะครับ....จองตั้วเครืองบินไว้แล้ว... ผมตอบ...
เหรอ...ก็ดี...ไปพักผ่อนบ้าง...จะได้ไม่เครียดมาก...
กูสายแล้ว......กูกลับก่อนละกัน....แล้วเจอกันเว้ย...
ครับ....แล้วเจอกันครับ
................................................
ทุ่มครึ่ง... ผมได้เดินไปที่รถ ในที่จอดรถชั้น 5...ซึงเป็นที่ได้ดูดเงิน 500 บาทออกจากกระเป้าทุกๆเดือน... ...สตาทร์ รถมือสองที่ซื้อต่อจากเพื่อนมา.... สายตาจดจ่อแน่วแน่กับถนนเบื่องหน้า...สมาธิ...สติ...มีพร้อม...ออกรถจากอาคารจอด..สู่อ้อมกอดของรถติด...
อะไรว่ะ...ขับแค่ 3 โล...แม่งติดแล้ว... ผมพูดคนเดียว...โดยมีอาการหงุดหงิดนั่งข้างเป็นเพื่อน...
และเหมือน...โดนตัวใจเย็น...ที่นั่งข้างหลังมาสั่งบอก..ตะโกนสั่ง.... music ดิ....
(เออๆ....คิดอยู่เหมือนกัน...มึงทำตัวมึงให้ใจเย็นๆด้วยสิวะ....)
.....ผมเอือมมือไปเปิดวิทยุฟัง...
เสียงกลอง บวกกับเสียงเบสและกีตาร์ไฟฟ้า......ได้ขจัดความเงียบให้ออกไปจากในรถ..... เนื้อหาของเพลงพูดถึงความรัก ของคนที่ได้ไปหลงรักใครคนหนึงแล้วต้องเจ็บช่ำมา....เพราะเค้าหันไปรักคนอื่น.. ช่วงเสียงกีตาร์ตอนใกล้จบ...ได้บรรยายถึงความเจ็บปวดของหัวจิตหัวใจ ตอนผิดหวังได้เป็นอย่างดี.. คนเรา...ศึกษาความหมายว่ารักมา มากมายร้อยแปด จนถึงปัจจุบันก็ยังคงดิ้นรนหาความหมายของคำๆนี้ต่อไป... จะว่าไปความรักก็เหมือนแสงแดดของดวงอาทิตย์...เป็นได้ทั้งดีและร้าย... หัวใจขาดความรักก็น่าจะเป็นตอนครึ่มฟ้าครึ่มฝน.....ความหนาวมาเยือน...หิมะเกาะกินสี่ห้องของใจ... เปลี่ยนแดงเป็นขาว..เลือดแข็งตัว....ไม่สามารถไหล..พาลมอากาศ...เข้าหาดวงใจ... พอความรักบังเกิด...ฉายแสงละลายความหนาว...ดอกไม้ผลิบาน ตันไม้ผลิใบ แมลงบินว้อนตอมเกสรทามกลางแสงแดด สร้างความอุ่นไปทั่ว หอมห้วนในใจ... แต่หากมากไป...แดดนั้นกล้ายเป็นผู้ฆ่า...เผาป่าใจ..ผลานอากาศขโมยลมหายใจ... จิตใจมอดไหม้....ไม่ต่างไปจากทะเลทราย...
พอจบเพลง....เสียงใสแน่นของหนุ่มนักจัดรายการวิทยุ ก็ได้เปล่งออกมาจาก ลำโพงที่อยู่ตามจุดต่างๆของรถ... ครับ....ก็จบไปแล้วนะครับกับ request ของน้อง ปู ที่ได้โทรมาขอเพลงหลังไมค์... อ่าา....เรามาลองรับสายหน้าไมค์ดูมังนะครับ...
สวัสดีครับ....คุณอะไรครับ... ปอค่ะ....หญิงสาวเสียงหวาน...ได้ตอบคลายความสงสัยให้กับทุกๆคนที่ฟังอยู่... สวัสดีครับคุณ. ดา คุณดา...ยังศึกษาเรียนหนังสืออยู่ใช่ไหมครับ... ....ยังเรียนอยู่ค่ะพี่...อยู่ ม. 4 ค่ะ.... เออ...เห็นบอกว่า...อยากส่งกำลังใจให้ใครบางคนใช่ไหมครับ... ..ค่ะ...คือ..อยากส่งกำลังใจให้ ปู ที่เพิ่งอกหักมานะคะ....อยากบอกว่า...อย่าคิดมากเลย เดียวเวลาก็ช่วยให้ดีขึ้นเอง... ....และตั้งใจอ่านหนังสือนะ...จะสอบแล้ว... ครับ....น้อง ดา นี้มีจิตใจดีนะครับ....ที่ค่อยเป็นกำลังใจให้คนอื่น.. ....น้อง ปู ที่ขอเพลงเมื่อตะกี้....คงจะชื่นใจขึนนะครับ...มีคนส่งกำลังใจให้...ไม่ต้องเหงาแล้วครับ
เพลงได้เริ่มขึ้นด้วยเสียงกีตาร์โปร่ง...และตามมาด้วยเสียงทุ้มนุ่มดูสุขุม...มีอายุของนักร้องชาย.... เสียงนักร้องถูกคลอเคลียด้วยเสียงกีตาร์โปร่งทั้งเพลง.....เนือหาบอกเหล่าเกียวกับกำลังใจที่หายตัวไปพักผ่อน... โดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า...ทำให้คนที่ไม่มีกำลังใจต้องออกตามหา....ว่าอยู่หนใด... ....ไอ้กำลังใจของบางคนนี้...ก็นิสัยค่อนข้างเล่นตัว.....ไม่ยอมปรากฎตัวออกมาง่ายๆ...เราต้องขึ้นเขาลุยน้ำ...กว่าจะเจอ... บางคนนั่งๆ นอนๆ...แป๊บๆ เดียวก็เจอ...เหมือนพระจันทร์และพระอาทิตย์ที่มีออกมาสร้างปรากฎการ.... กลางวันและกลางคืน...แน่ใจเสมอว่าจะมา..ไม่เคยไม่มา...ถึงจะดูหน้าเบื่อแต่ก็ดีกว่า...มีแต่กลางวันหรือกลางคืนอย่างเดียว
ผมเริ่มรำคาญกับ..ท้องถนนกรุงเทพที่ไม่มีใครหลับนอน...ออกมาขับรถพาตัวเองไปจากจุดหนึ่งถึงอีกจุดหนึ่ง.... ....ผมเอียงตัวหยิบกระเป๋าใส่สตางค์ ที่นั้งทับอยู่ในกระเป๋ากางเกงหลัง.... หยิบกระดาษสีแดงที่ มีไว้แลกเปลียนสิ่งของกับผู้อื่นออกมาใบหนึ่ง....และเลี้ยวรถออกไปจากถนนใหญ่... เข้าสู่สะพานรอบเมือง...เหมือนดั่ง...เครื่องช่วยหายใจ...
......โดยที่ไม่มีบทสนทนาไดๆทั้งสิ้น...หญิงสาวและชายหนุ่มได้มาพบกัน...ชายหนุ่มโผล่หน้าออกมาหาฝ่ายหญิง ยิบยื่น...แบงค์ร้อยให้อย่างไม่ลังเล่...เมื่อหญิงสาวเห็นเช่นนั้น...ตนจึงเอื่อมมือไปรับและเปลียนเป็นแบงค์ ยี่สิบจำนวนสามใบให้... ต่างฝ่ายต่าง...พอใจซึ่งกันและกัน...ไม่มีฝ่ายไหนงอนหรือน้อยใจ....ถ้าความสัมพันธ์ของหญิงชาย...ทุกๆคู่ในโลกนี้เรียบง่ายเช่นนี้.. บทเพลงของความรักคงไม่เกิดขึ้นมา.....และผมคงไม่ใจเย็นลง...
อืมมมม....ค่อยยังช่วยหน่อย...เสียงในหัวบอกผมเชนนั้น... ไม่นานนัก...ผมก็ได้พาตัวและวิญญาณมาถึงหน้าประตูสถานที่ผมพักอาศัยอยู่.....
.....อืมมม...แฟนยังไม่กลับ....ไว้พรุ่งนี้ค่อย surprise บอกว่าจะพาไปทะเลก็ละกัน... ผมคิดในใจ...
.......วันนี้....ขออาบน้ำ..เข้านอนก่อน....เหนื่อยเพลียมากแล้ว........
......................
รุ่งขึ้น....ผมตื่นขึ้นมาพบกับดอกกุหลาบสีขาวและแดงช่อใหญ่อยู่ปลายเตียง..พร้อมรอยยิ้ม...และแก้มแดงๆบนใบหน้าแฟนผม...
เกิดไรขึ้น... ...อ้าว...จำไม่ได้เหรอว่าวันนี้...วันอะไร... คนที่ผมเพิ่งนอนฝันถึงตอบ วันอะไรเหรอ.... ....ตอบแบบไม่ได้คิดและละเมออยู่...ผมเอื่อมมือไปขยี้ตา...ปัดขี้ตาออก... อะไรกัน...วันเกิดตัวเองแท้ๆ...จำไม่ได้จริงๆหรือนี้... ผมชำเลืองมองดูนาฬิกาปลุกตรงหัวเตียง.......สายตาผมเห็น...ตัวเลขเวลาเกือบ 7 โมง....และ 11-10-05..... (....เออ!! ใช่ กูยังไม่ได้บอกแฟนกูนี้หว่า...ถึงเวลาแล้วล่ะ....) นี้...เรายังมีของขวัญนอกจากช่อดองไม้ให้ด้วยนะ...... แฟนผมพูดตัดหน้า....ก่อนที่ผมจะอ้าปาก... อะไรเหรอ.... ผมตอบแบบ...งงๆ บวกกับการสะลึมสะลือ.... ...นี้ไง... แผ่นกระดาษ ใบเล็กๆไม่ใหญ่มาก.... ชื่อผม...วันที13-10-05...และ ชื่อสถานที่ เชียงใหม่.... อีก สองวัน....เราไปเชียงใหม่กันนะ....เราวางแผนไว้หมดแล้วไม่ต้องห่วง.... หน้าตายิ้มแย้มกระพริบตาทีหนึ่ง...และพูดต่อว่า... ..เดียวเราพาเที่ยวเอง.... แฟนผมพูด... . . . . . . ......(เอาว่ะ...ไปเที่ยวภูเขาดู.....ไว้ครั้งหน้า...ค่อยไปทะเลก็ได้....) . . . . . . ผมยิ้ม....และค่อยพูดออกไปว่า.... จ๊ะ....ไปเชียงใหม่กัน