เรื่องสั้น : กลิ่น
คนมากมายในเมืองหลวง เธอจะอยู่ตรงนั้นไหมนะ ป้ายรถเมล์ เธอจะอยู่ตรงนั้นไหมนะ ห้างสรรพสินค้า เธอจะอยู่ตรงนั้นไหมนะ เธอจะอยู่ตรงนั้นไหมนะ?
อย่าฝันไปหน่อยเลย สาาาาดดด ว่ะฮ่าๆๆ ฮา& ใครจะเอาคนอย่างเรา คนนี้เจ้านายผม& เออ&ไอ้เด็กใหม่ ว่าแต่มึงมีเมียหรือยัง เมียมึงรู้หรือเปล่าว่ามึงมาทำงานนี้ อย่าให้รู้นะโว้ย หน้าเชี้ยอย่างมึงคงหาอีกยากว่ะ ว่ะฮ่าๆๆ ฮา& เขาชื่อ บังหมัด
กลิ่นตุๆ คล้ายผัดกะเพราเน่าลอยขึ้นมาแตะจมูก
รถ แม่งก็ติดชิบหาย เจ้านายบ่นอีกครั้งกลิ่นบุหรี่ยี่ฮ้อกรองทิพย์ฟุ้ง ผมเบือนหน้าไปมองผ่านกระจก เห็นเด็กชั้นอนุบาลคนหนึ่งกำลังมองผมจากในรถเก๋งบีเอ็มดับบิวคันข้างๆ โรงเรียนเลิกนี่แม่งลงเดินได้เลย ถึงไวพอกัน ห่าา ก่อนสัญญาณไฟเขียวจะสว่าง ผมแอบแลบลิ้นให้เด็กคนนั้น
อ่าว! ไอ้สาด ปาดหน้าเหรอ หัวผมกระแทกกับกระจกหน้ารถ บังหมัดเหยียบเบรคซะมิดจนได้กลิ่นผ้าเบรครถไหม้ ก่อนกระทืบคันเร่งตามคู่กรณี เจ้านายเปิดกระจกลง พลางชูนิ้วกลางให้หญิงสาวในรถเก๋ง เชี้ย เอาขี้ไปแดกม๊ะน้องงง!!! ผมได้แต่ยิ้มส่ายหัวอยู่ข้างๆแก ว่ะฮ่าๆๆ ฮา&!
กลิ่นกะเพราเน่า โชยขึ้นในห้องคนขับอีกครั้ง หลังเสียงหัวเราะ มักมีมันตามมาเสมอ
เออ ไอ้เด็กใหม่ ทำไมมึงถึงเลือกทำงานนี้วะ บังหมัดหันมาถามผม มือข้างที่ไม่ได้จับพวงมาลัย กำลังเกายิกๆอยู่ที่เป้ากางเกง กูว่าคนมีพรสวรรค์อย่างมึงไม่น่าจะมาทำงานแบบนี้นะ ผมยังคงยิ้ม กูว่ามึงน่าจะไปสมัครเป็นสุนัขตำรวจนะ ว่ะฮ่าๆๆ ฮา& ผมสูดหายใจเข้า ดมกลิ่นเน่าระดับสี่ หรือไม่ก็ไปสมัครอยู่กองสืบสวนนะ การดมกลิ่นของมึงนี่ไม่ใช่เล่นนะสาด หมายังอายได้ ว่าแต่ มึงชอบเหรอวะ มาทำงานดมขี้ทุกวี่ทุกวันเนี้ย ผมยังคงยิ้ม นึกถึงเมื่อหกปีที่แล้ว คำตอบมันอยู่ตรงนั้น
เหมือนเมื่อหกปีที่แล้ว&
บ้านผมอยู่ในสลัม ลึกลงไปด้านพื้นล่างของพวกเรา เป็นแหล่งของเน่าเสีย เป็นที่ที่รองรับทุกอย่างอันไร้ค่าของคนในสลัม น้ำซักผ้าที่ขังไม่มีทางระบายไปไหน ซากตู้เย็นเก่าๆลอยน้ำ แท่งเหล็ก กระป๋องสนิทเคอะ ถุงพลาสติก ผ้าอนามัยเปื้อนเลือด ถุงยางใช้แล้ว ตุ๊กตาขาขาดลอยน้ำ ขวดเหล้า แกลอนน้ำมัน ซากกระดูดสัตว์ รวมไปถึงน้ำอุจาระ ปัสสาวะ ทุกอย่างลอยผสมกันอย่างลงตัวในแอ่งน้ำดำเมี่ยม น่าสงสัยอยู่เหมือนกันว่า ไอ้ผักตบผักบุ้งมันโตขึ้นในที่แบบนั้นได้อย่างไร ห่างออกไปไม่ไกลมาก มีโรงงานปลากระป๋องยี่ฮ้อดังตั้งอยู่ และเป็นยี่ฮ้อเดียวกับที่วางอยู่ในตู้กับข้าว วันไหนที่อากาศร้อนชื่น ชาวสลัมจะโชคดีมาก เพราะจะได้ลิ้มรสกลิ่นของความเหม็นเน่าระดับ แปด ซึ่งถือว่าสูงมาก โชยมาตามกระแสลมร้อนๆ ทุกวูบ ทุกวูบ จะให้สุดยอดกว่านี้ต้องเปิดปลากระป๋องกินไปด้วยระหว่างนั้น
หกปีแล้วซินะที่ผมออกมาจากที่สลัมอันแสนสุขนั้น คนบ้านนี้ย้ายไปทำงานกรุงเทพแล้ว พ่อหนุ่ม นั้นเป็นเหตุให้ผมกระโจนเข้าสู่กรุงเทพ เมืองแห่งความโสมม เพื่อตามหา จุ๋ม จุ๋มเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกเท่าที่ผมเคยเจอ ความจริงเธอไม่ได้ชื่อ จุ๋ม มันเป็นชื่อเรียกที่ผมตั้งขึ้นมาเพื่อเรียกแทนดัวเธอเอง ผมไม่สนว่ามันจะถูกหรือผิด มนุษย์ไม่มีชื่อมาตั้งแต่แรกเกิดอยู่แล้ว ถ้าชื่อมันจะสื่อไปถึงความเป็นอัตลักษณ์ของบุคคล มันคงทำได้ไม่ดีไปกว่านิสัยของคน คนนั้น ความคิดของคนนั้น หรือ ความฉลาดความโง่ความบัดซับ หรือ กลิ่นตัวของคน คนนั้น นี่คือชื่อที่แท้จริงของมนุษย์ ต่างหากละ
บังหมัดหักพวงมาลัยเลี้ยวขวาหน้ามาบุญครอง โอ้ว& แม่เจ้าโว้ย! ไม่ได้เข้ามาที่นี่ซะนาน ดู๊..ดู เด็กสมัยนี้เด็ดจริงโว้ย เจ้านายหันมายิงฟันใส่ผมทีหนึ่ง กูอิจฉามึงจับใจเลยว่ะตอนนี้มึงคงเพลินกับกลิ่นของความเย้ายวน กลิ่นเด็กสาว กลิ่นนางฟ้าแน่ๆ!! ผมหัวเราะคิกคักพอสื่อถึงมารยาท แล้วหันมองกลุ่มวัยรุ่นผ่านทางกระจกที่ถูกเคลือบด้วยฝุ่นควันของเมืองหลวง มองเด็กสาวผมสีทองที่มีกลิ่นแชมพูสมุนไพรเดินอยู่กับกลุ่มผู้ชายหน้าตาดีสามคนที่ใช้น้ำหอมกลิ่นเดียวกัน มองคนที่ใส่กระโปรงสั้นสีขาวที่ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มปะป่นกับกลิ่นน้ำหอมราคาแพงกำลังนั่งคุยโทรศัพท์ มองเด็กผู้หญิงถือถุงช็อปปิ้งหลายใบที่ก่อนนั้นเธอคงอยู่ในร้านพิซซ่าฮัดเพราะมีกลิ่นขนมปังกระเทียมติดอยู่ทิ่ริมฝีปาก มองชายคนหนึ่งกอดจูบกับแฟนสาวในกระเป๋าเงินมีกลิ่นสตอเบอรี่ซุกอยู่ และชายผู้มากับรถสปอร์ตมีกลิ่นดินปะสิวติดอยู่ที่มือข้างขวา แท้จริงแล้วทุกคนก็จะผลิตกลิ่นเดียวเท่านั้น คือกลิ่นที่อยู่บนหลังรถของผมนั้นแหล่ะ เพลิดเพลินกับกลิ่นเหรอ? ไม่จริงสักอย่าง ไม่มีความน่าอภิรมย์ใดๆเกิดขึ้นเลย
มองซะตาลอยเลยนะ บังหมัดแซว ไว้เสร็จงานวันนี้ ล้างขี้ล้างเหยี่ยวออกจากตัวให้หมด เดี๋ยวกูพามึงไปสอยนางฟ้าแถวหนามหลวงแทนแล้วกัน ว่ะฮ่าๆๆ ฮา&
นางฟ้ารึ& ผมหลับตา
นางฟ้ามีจริงหรือเปล่าพี่ น้องชายตัวกวนถาม
กลิ่นโรงงานปลากระป๋องยังคงอบอวนสลัม ผมกับน้องชายนอนอยู่บนหลังคาเฝ้ามองพระอาทิตย์ตกยามเย็น
ไม่รู้สิ
ถ้ามีอยู่จริงคงสวยแล้วกลิ่นตัวคงหอมฉุย มันหลับตาพริ้ม ได้อารมณ์
จุ๋มเข้าโจมตีความคิดของผม เธอมีบ้านอยู่ที่ปากทางแคบๆเข้าสลัม ผมมักเดินสวนกับเธอเป็นประจำ ทุกครั้งที่เดินผ่านผู้หญิงคนนี้ ผมบอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร แต่เธอไม่มีกลิ่นที่วัยรุ่นทั่วไปไม่มี กลิ่นหลักๆของเธอมีสองอย่างคือ กลิ่นส้มตำปลาร้า และกลิ่นผักนานาชนิดที่เธอขายอยู่ที่ตลาด
ปราศจากน้ำหอมราคาแพงในห้างสรรพสินค้า ปราศจากกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม ปราศจากกลิ่นแชมพูหอมและกลิ่นไดร์เป่าผม กลิ่นหมากฝรั่งของประเทศฝรั่งเศส กลิ่นแป้งไอดอกไม้นานาพันธุ์
เธอมีกลิ่นที่ออกมาจากความจริงของเธอเอง
กลิ่นความอารี กลิ่นที่ยืนยันได้ว่าเธอไม่ได้ตกเป็นทาสของระบบทุนนิยม ไม่ได้ตกเป็นทาสของโฆษณาทางทีวี
บางครั้งผมก็รู้สึกกลัวว่ากลิ่นความรักของผม จะไปแตะจมูกเธอเข้าสักวัน
ผมยิ้มแฉ่ง นางฟ้าอยู่ตรงนี้นี่เอง ไม่จำเป็นต้องสวยและมีกลิ่นหอมก็ได้
อะไรนะพี่ น้องชายถาม ปลุกผมตื่นจากจุ๋ม
ผมมองไปบนท้องฟ้าสีส้ม
พี่บอกว่า นางฟ้าไม่จำเป็นต้องสวยและมีกลิ่นหอมหรอก
รถดูดส้วมมีถึงที่หมายได้สิบนาทีแล้ว ผมยืนเกาะลูกกรงเหล็กหน้าบ้านหลังหนึ่ง มันเป็นบ้านห้องแถวที่อยู่ท้ายซอย ผมหันไปมองบังหมัดเพื่อย่ำความแน่ใจ แกยืนดูดบุหรี่มองที่จดบันทึก แล้วก็พยักหน้าว่าถูกหลัง ผมกดกริ่งอีกครั้ง และมันได้ผล อีหมวย! เสียงตะหวาดดังลอดออกมาจากตัวบ้าน มึงไปดูสิว่าใครมา ไม่นาน ประตูบานพับก็ถูกเปิดออกพร้อมกลิ่นที่ลอยออกมาจากตัวบ้าน ผมได้กลิ่นเหงื่อจากอุ้งมือของผู้หญิงสี่ถึงห้าคน จึงตอบข้อสงสัยได้ว่า ทำไมบ้านนี้ถึงปิดมิดชิดนัก ผู้หญิงคนหนึ่งโผล่หน้าออกมา อ๋อ เค้ามาดูดส้วม เอาไงต่อละม่าม้า เอาน้ำส้มไปต้อนรับมันมั้ง! อีห่านี่ เรียกมันมาดูดส้วมสิวะ อีดอกกก!! ไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ ยกเว้นบังหมัด เขาจึงยื่นมือข้างที่มีกลิ่นบุหรีมาแตะผม อะไรวะ? เขาถามน้ำเสียงจริงจัง มีไรแปลกเหรอ? วินาทีนั้นผมไม่รู้ว่าจะตอบบังหมัดยังไง
เพราะเขาคงไม่รู้จักจุ๋ม