. . นิ ย า ย . .
.
.
วั น เ ปิ ด เ ท อ ม . .
วันแรกที่ฉันจะได้รู้จักเพื่อนใหม่ โรงเรียนใหม่ อาจารย์ใหม่ วิชาใหม่ๆ ชั้น ม. 4
เพื่อนบางคนรู้จักกันมาก่อนเพราะเคยเห็นกันในชั้น ม.3 มาแล้ว
ฉันอยู่ในส่วนของอีกค่อนห้องที่มาจากโรงเรียนอื่น
พวกเราใช้เวลาไม่นานเลยในการทำความรู้จักกัน เพียงหลังเสียงออดสุดท้ายของวันแรก
ฉั น จำ ชื่ อ เ พื่ อ น ไ ด้ แ ท บ ทั้ ง ห้ อ ง
เทสต์ฟิสิกส์ครั้งแรก.....ฉันได้ 20 คะแนน จาก 100
เทสต์เคมีครั้งแรก.....ฉันได้ 30 คะแนน จาก 100
เทสต์ชีววิทยาครั้งแรก......ฉันได้ 60 คะแนน จาก 100
ฉันวิ่งหน้าเริ่ดไปหาอาจารย์ฝ่ายวิชาการ ขอย้ายแผนการเรียน
อาจารย์ดูเกรดตอน ม.ต้น แล้วไม่ยอมให้ฉันย้ายห้องย้ายแผน
เพราะเกรดเฉลี่ยเกือบ สี่ มาตลอด
" อาจารย์คะ หนูพึ่งรู้ว่า หนูไม่อยากเป็นหมอ ไม่อยากเป็นวิศวะ หนูอยากเรียนศิลปะ ค่ะ "
สรุป ...ฉันต้องเรียนอยู่ห้องเดิม แผนการเรียนเดิม
"ป้อม" .....คือคนที่ทำคะแนนท็อปตลอดแทบจะทุกวิชา ยกเว้นศิลปะในวิชาเลือกพื้นฐาน
(อุอุ . .นั่นมันตำแหน่งของฉัน)
เราต้องเข้าห้องแลป ทำรายงาน จัดบอร์ด จัดนิทรรศการ
ทำอะไรต่ออะไรที่ต้องรวมกลุ่มช่วยกันทำ
ป้อม กับ ฉัน อยู่กลุ่มเดียวกันตลอด ป้อมเป็นทีมงานหาข้อมูล
ทำทุกอย่างที่จะช่วยให้มีงานส่งอาจารย์
ส่วนฉันมีหน้าที่ "เสนอหน้า" หน้าห้อง บนเวที ตามซุ้มนิทรรศการ แม้กระทั่งกีฬาสี
ฉันเป็นผู้ร่วมงานที่ไม่ดีนัก แต่ป้อมดีกับฉันเสมอ
เสมอต้นเสมอปลายตลอด จนกระทั่งเรียนจบ
ป้อม เรียนวิศวะที่เกษตร ส่วนฉัน....ออกทะเลไปไหนๆ ฉันขอไม่กล่าวถึง
เอาเป็นว่า ชีวิตช่วงมหาวิทยาลัย ป้อมก็ยังเสมอต้นเสมอปลาย
เคยเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับฉันอย่างไร ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น
ป้อมโทรมาหาบ้าง เจอกันบ้างแต่ไม่บ่อยนัก
เพราะฉันมีเพื่อนใหม่ มีกลุ่มใหม่ มีสถานที่ใหม่ๆ มีเรื่องใหม่ให้เพลิดเพลิน
จ น บ า ง ค รั้ ง เ กื อ บ ลื ม ป้ อ ม
ก่อนที่ป้อมจะไปเรียนต่อที่เวอร์จิเนีย หนึ่งวัน...เราไปกินข้าวด้วยกันสองคน
ซึ่ ง ไ ม่ เ ค ย เ ล ย . . . .
เพราะปกติเราไปไหนกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ เสียงเหมือนนกกระจอกแตกรังเสมอ
ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าป้อมคิดกับฉันเกินคำว่าเพื่อน
ไ ม่ เ ค ย เ อ ะ ใ จ .. ไ ม่ เ ค ย ส ง สั ย
ป้อมบอกฉันว่า เขาคิดว่าเขารู้จักฉันดีกว่าใครๆ
เขาไม่เรียกร้องอะไรจากฉัน ไม่ต้องการอะไร
แค่อยากบอกความรู้สึกเท่านั้น
ป้อมยังคงโทรทางไกลมาหา ส่งโปสการ์ดมาให้
ส่งของขวัญวันเกิดมาให้ฉัน....ซึ่งนั่นเป็นเรื่องแย่ที่สุดสำหรับฉัน
เพราะฉันกับป้อม เกิดวันเดียวกัน ปีเดียวกัน
แต่ฉันลืมส่งของขวัญ หรือแม้กระทั่งโปสการ์ดสักใบ ไปให้เขา
ระหว่างป้อมเรียนอยู่เวอร์จิเนีย ฉันมักได้ข่าวจากเพื่อนคนอื่นว่า
ป้อมมีแฟนบ่อย ... เปลี่ยนแฟนบ่อย
เป็นสาวญี่ปุ่นมั่งละ เป็นสาวยุโรปบ้าง เป็นสาวเมกันก็มี
ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร เพราะป้อมเป็นคนหน้าตาดี พูดจาดีมีเสน่ห์ และบ้านฐานะดี
( ตรงข้ามกับฉันเลยนะ )
แต่ข่าวจากเพื่อนที่ทำให้ฉันแปลกใจ คือ " ไอ้ป้อมมันอกหัก "
ไม่ใช่จากสาวญี่ปุ่น สาวเมกา หรือสาวอินเตอร์ที่ไหน.... สาวไทยนี่แหละ
เพื่อนบอกว่า ป้อม ได้ยินว่าฉันมีแฟน คบกันสวีทหวานจ๋อย ไปไหนไปกันเป็นปาท่องโก๋
"เดี๋ยวนี้ ไอ้ป้อม มันกินเหล้าด้วยนะแก"
หลังจากนั้นนานๆ ครั้ง ป้อมถึงจะโทรมาหาฉัน
แต่ไม่เคยแม้สักครั้งที่จะถามถึงเรื่องแฟนของฉัน
คำถามประจำจากป้อม คือ สบายดีหรือเปล่า พ่อแม่สบายดีไหม......
อากาศร้อนหนาวฝนตกหรือยังไง....
ชอบเพลงอะไรอยู่ตอนนี้... ดูหนังเรื่องนี้หรือยัง.....
แล้วป้อมก็ค่อยๆ หายเงียบไป ...หายไปหลายปี
สามปีก่อน...ฉันได้รับอีเมล์ฉบับแรกจากป้อม
" ป้อมจะกลับบ้านแล้วนะ "
หลังจากอีเมล์ฉบับนั้นสิบวัน....ฉันได้รับโทรศัพท์จากป้อม
" ป้อมได้งานแล้ว แต่ต้องไปๆ มาๆ จีน กับเมืองไทย นะ "
" ว่างมั้ย ...ไปกินข้าวกัน ป้อมอยากเจอ "
ฉันไม่ว่างเลยช่วงนั้น ฉันบอกป้อมว่า รอป้อมกลับมาจากเมืองจีนก่อนละกันนะ
การพูดคุยครั้งนั้น ฉันจำได้ว่า ฉันรู้สึกหวั่นไหว ดีใจ คิดถึง และอยากเจอป้อมที่สุด
เ ฝ้ า นั บ วั น เ ชี ย ว ห ล ะ
ฉันถามตัวเองว่า ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ล่ะ ทำไมถึงพึ่งรู้สึก
คำตอบคือ ....ไม่รู้
26 กรกฏาคม ปีนั้น
ป้ อ ม ไ ม่ โ ท ร ม า
ไม่ใช่ป้อมเลยที่จะเป็นคนผิดนัด นิสัยแบบนั้น มันต้องเป็นฉันต่างหาก
คื น นั้ น . . ฉั น น อ น ไ ม่ ห ลั บ
คืนต่อมา...
ฉันได้รับโทรศัพท์ที่ทำให้ฉันรู้ว่า
ในขณะที่ฉันนอนไม่หลับเมื่อคืนนี้ . . . ป้ อ ม กำ ลั ง ห ลั บ ส บ า ย
ถนนเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ช่วงที่เป็นจุดตัดกับทางรถไฟ
ป้ อ ม เ บ ร ค
แต่รถบรรทุก ที่บรรทุกรถเก๋งฮอนด้าผลิตใหม่จากโรงงานอยู่บนกระบะนับสิบคัน
ไ ม่ เ บ ร ค
.
.