ตะกอนที่นอนก้นและความเขินอาย(ของนักเขียน)
กระทั่งกับเพื่อนที่คุ้นเคยกันยิ่ง ในหลายครั้ง คนๆหนึ่งก็ไม่กล้าเปิดเผยบางเรื่องราวอย่างหมดจด และหลายคราวเรื่องเหล่านั้นอาจเป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยความปวดร้าว ผิดหวัง พ่ายแพ้ ความสูญเสีย
เป็นเราเขินอายต่อตัวเราเอง กลัวที่จะเปิดเผยมันออกไป กลายเป็นการเปิดปากแผลให้บาดเจ็บกว่าเดิม หรือว่ามันเป็นความลับของชีวิต ที่แม้แต่การเปิดเผยแก่เพื่อนสนิทก็กลัวว่าเป็นการเผยลับนั้นออกไป จึงได้แต่ปล่อยให้ละอองและชิ้นส่วนแห่งความแหลกสลายนั้นตกลงสู่ก้นบึ้งของหัวใจ
แต่เราก็ต้องหาทางระบายมันออกมา นักเขียนอาจจะเลือกที่จะระบายออกโดยผ่านทางตัวละคร สร้างใครสักคนหนึ่งออกมารองรับ มาเป็นตัวกลางในการแสดงออกถึงอาการในอารมณ์เหล่านั้น ให้ตัวละครพ่ายแพ้ ผิดหวัง อกหัก ล้มเหลว และอธิบายความรู้สึกของตัวละครนั้น ซึ่งแท้จริงก็เป็นความรู้สึกของตัวนักเขียนเอง เป็นประสบการณ์ตรง เป็นตะกอนที่เคยจมลงสู่ก้นบึ้งของหัวใจนั่นเอง
เรายินยอมให้คนอ่าน ให้ใครก็ได้มองเห็นอย่างถ่องแท้ถึงความพ่ายแพ้ และอารมณ์ต่างๆ ความเป็นไปของชีวิตของผู้แพ้ แต่เรามิกล้าแม้แต่จะบันทึกสักเสี้ยวหนึ่งของความรู้สึกนั้นลงในไดอารี่ของชีวิต
อาจบางที หลังจากสร้างบทให้ตัวละครพบความโศกเศร้า หดหู่อย่างเต็มที่แล้ว เราจะเขียนบทให้ตัวละครได้พบความสุข ได้พบแต่สิ่งดีๆในชีวิต มีความฝันที่เป็นจริง อย่างน้อยก็ได้สร้างสมดุลให้กับชีวิต คนๆหนึ่งหลังจากผ่านเรื่องเลวร้ายมาแล้ว ก็ควรพบสิ่งดีๆบ้าง
แต่ตัวเราเองล่ะ? ยามที่เรามีความสุข หลายครั้งหาได้กล้าเล่าให้เพื่อนสนิทฟังไม่ น่าสงสัยว่าไม่เฉพาะด้านมืดของชีวิตที่เราไม่กล้าเล่าหรอก กระทั่งด้านสว่าง บางครั้งเราก็ไม่กล้าเล่า เป็นความเขินอายหรืออย่างไร? หรือว่า ไม่ว่าจะเป็นด้านมืดหรือด้านสว่างล้วนแล้วแต่เป็นความลับของชีวิต
มิใช่ ความสุขมิใช่เป็นเรื่องน่าเขินอาย แต่อาจจะเป็นเพราะเราอธิบายไม่ถูก เราไม่มั่นใจ กลัวว่าเมื่อเล่าออกไปแล้ว ความสุขนั้นจะโบยบินหนีจากเราไป หรือมากกว่านั้น เราอาจมองว่า ความสุขเป็นสิ่งไม่นิรันดร์ กระทั่งชีวิตก็อาจพลิกผัน เราเขินอายตัวเองถ้าหากพบว่าหลังจากนั้น หลังจากห้วงสุขที่เราเปิดเผยไปแล้ว ความทุกข์ก็วนมาอีกรอบหนึ่ง
ดังนั้น เราจึงเก็บเอาความสุขช่วงนั้นบรรยายให้กับตัวละครของเราอีกครั้ง และอาจจะทิ้งท้ายว่า หลังจากที่ตัวละครพบว่าสุขสมหวังแล้ว เขาไม่เคยพบกับความทุกข์อีกเลยในชีวิต
ปล. วันนี้โพสต์เสีย 2 กระทู้ เป็นการเอางานเก่ามาโพสต์ (เคยโพสต์ไว้ที่อื่น เอามา remake ขัดเกลา) .. หนึ่งงาน เป็นงานที่น่าจะมีอีกบทมารองรับ นึกอยากเขียนถึง what a wonderful world เพลงน่ารักของหลุย ลามูร์ -- เอ้ย หลุย อาร์มสตรอง . สไตล์ของผมอาจจะเปลี่ยนแปลงไป .. คนเราทุกคนเปลี่ยนแปลงกันได้ ครั้งหนึ่งผมเคยเป็น "เหยี่ยวป่า" แต่กาลต่อมา การโฉบเหนือพื้นดินไกลนั้น พบว่าบางทีก็มองข้ามรายละเอียดของหลายๆอย่างไป "ชิดชบา" ลงมาบนพื้นหญ้า ชมดอกไม้ ความรื่นเริงบันเทิงใจบ้าง เป็นไร ... ค้นพบหลายอย่างที่เป็นรายละเอียด แต่โดยแกนหลักของชีวิต ตัวเองกลับรักตัวหนังสือ รักการอ่าน ชอบฟังดนตรี และบางแง่มุมก็หมกมุ่นอยู่กับตัวเอง ขังเอาไว้ในโลกส่วนตัว