Blog 9 ต.ค 48 แดดบ่ายปลายคุ้งท้องทุ่งรวงทอง
ฝนหยาดสุดท้ายไม่ใช่คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่กระทั่งใกล้ค่ำวันอาทิตย์ฝนก็ยังปรอยและมีเค้าว่าจะเทกระหน่ำ กระนั้นก็ตาม SMS ที่ถูกส่งมายังมือถือของผมก็ยังมิวายทำให้หัวใจไอ้หนุ่มบ้านนาคนนี้ระเริงรื่น
ผมตื่นสายกว่าปกติสำหรับวันอาทิตย์นี้ นอนจนรู้สึกว่าเต็มอิ่ม เช้านี้ ฟังเพลงกันสักหน่อยเป็นไร ศรคีรี กับ ทุ่งรัก นึกอยากฟังอะไรที่หวานแว่วกังวานแต่เช้า
แดดบ่ายปลายคุ้งท้องทุ่งรวงทอง
น้ำทรงเมื่อเดือนสิบสอง
หัวใจพี่กลัดหนองรักน้องนางทุ่ง
กระจับจอกแหนเป็นแพลอยติดก้นคุ้ง
เหมือนสวาทพัดผันใจมุ่ง
มุ่งปองรักสาวแม่ดาวบ้านนา
โทนเสียงของศรคีรีเมื่อร้องเพลงนี้ ทำให้ผมนึกถึง มนต์รักลูกทุ่ง ของ ไพรวัลย์ ลูกเพชรขึ้นอย่างอดไม่ได้ แต่เอาความรู้สึกละเมียดละไมของไอ้หนุ่มแล้ว ทุ่งรัก จะให้ความรู้สึกได้เต็มหัวใจไอ้หนุ่มบ้านนาอย่างผมมากกว่า เพราะมนต์รักลูกทุ่งนั้น ไม่ใช่เพลงรักระหว่างหนุ่มสาว แต่เป็นเพลงสำหรับไตเติ้ลหนัง มนต์รักลูกทุ่ง ที่จะบอกถึงกลิ่นไอของลูกทุ่งอย่างเต็มที่ แม้จะแซมเอาความรู้สึกของไอ้หนุ่มบ้านนาลงไปบ้างก็ตาม
แดดบ่ายปลายคุ้งท้องทุ่งรวงทอง น้ำทรงเมื่อเดือนสิบสอง หัวใจพี่กลัดหนองรักน้องนางทุ่ง เชื่อมโยงระหว่างบรรยากาศบ่ายๆ เหงาๆ หัวใจเศร้าเพราะรักสาว .. เห็นภาพปลายคุ้ง แดดบ่ายๆ ใครก็ตามที่เคยผ่านบรรยากาศเช่นนี้มา คงจะ "รู้สึก" ได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
การอ่านกวีกับการฟังเพลงจะแตกต่างกันก็ตรงที่ว่า ถ้าเราอ่านบทกวีให้ตัวเองฟัง (ผมทำเป็นบางครั้ง) บางทีต้องมีอารมณ์ ต้องทอดเสียงให้พอเหมาะกับจังหวะ แต่การฟังเพลง โดยเฉพาะเพลงดีๆ นักร้องรุ่นเก่า จะเอื้อนน้ำเสียงให้เราได้เห็นภาพ และเพลงนี้เป็นหนึ่งในนั้น
ย่างเดือนสิบสองลมล่องนารัก
ข้าวเอนอุ้มรวงหน่วงหนัก
เหมือนใจอุ้มรักภักดีกานดา
เจ้าเรียมเจ้าขวัญเทวัญสถิตทุ่งนา
โปรดช่วยดลหัวใจน้องข้าฯ
รักหนุ่มบ้านนาเหมือนอธิษฐาน
เชิงเปรียบเทียบ ลมล่อง ลมหนาวโชยล่องมาจากทางเหนือ หนาวเหน็บผิวกาย พัดพลิ้วต้นข้าวรวงสุกให้โอนเอน ดังความรู้สึกของหัวใจชายหนุ่มที่อุ้มรักไว้เต็มปรี่ .. ย่างเดือนสิบสองลมล่องนารัก ข้าวเอนอุ้มรวงหน่วงหนัก เหมือนใจอุ้มรักภักดีกานดา
อธิษฐานสาบานขอร่วมใบบุญ
กุศลเกื้อกูลผลบุญรักแม่ตาหวาน
ขอให้รักซึ้งหวานยิ่งกว่าผึ้งกว่าตาล
ขอทุ่งประทานสวรรค์ไว้เคียงคู่ใจ
แดดบ่ายพ่ายลาทิวาเริ่มเลือน
ฟ้านวลด้วยเพ็ญแห่งเดือน
แม่เพื่อนนาขวัญพี่ฝันเคียงใกล้
สวาทวาบหวามคนงามศรีทุ่งอำไพ
โปรดได้มาร่วมเป็นคู่ใจ
รักมั่นฤทัยขวัญทุ่งรวงทอง
www.army2004.com/board/upload/index.php?showtopic=21301
หลังจากนั้นผมฟัง ศรคีรีอีกหลายเพลง ก่อนจะสลับโดยการเปิดเคเบิ้ลทีวีช่องหนึ่ง สักพักก็ได้ฟัง-ดู MV เพลง นั่นไง ของ ไททาเนียม บอกตัวเองเสมอว่า เพลงเป็นศิลปะ และต้องใช้เวลาในการศึกษาบ้าง เพื่ออรรถรสในการฟัง บางครั้งก็ต้องศึกษาเพลงใหม่บ้าง ท่าเต้นแบบแร๊พและท่วงทำนองเนื้อเพลง คงไปกันได้กับรสนิยมของวัยรุ่น ผมดู MV วงสครับต่ออีกเพลง ก่อนจะโบกมืออำลาจอทีวี หันกลับไปฟัง ทุ่งรัก อีก 3 รอบ พร้อมทั้งเปิดหนังสือ คีตกวี ลูกทุ่ง ไพบูลย์ บุตรขัน (ฉบับคอนเสิร์ต) ไม่พบรายชื่อเพลง ทุ่งรัก ในลำดับการแต่ง แม้ว่าเพลงนี้จะร้องโดย ศรคีรี ศรีประจวบ ซึ่งถือว่าเป็นนักร้องคู่ขวัญ กับเพลงหวานในยุคปลายของ ไพบูลย์ บุตรขัน
ครั้นบ่ายคล้อย ผมจึงได้ออกจากบ้าน ไปสวนจตุจักร พี่ชายวัยค่อนคนกับโซปราโนแซ็กโซโฟนไม่มาบรรเลง คงเหลือแต่มือซอฝรั่ง (ไวโอลิน) วัยเกษียณสามสี่คน ซักซ้อมคันชักกับท่วงทำนองเพลงไทยในร้านเครื่องดนตรีไทยข้างๆ ซุ้มขายหนังสือเก่า ผมกำลังตามเก็บงานของเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ จึงเดินดูตามแผง หูแว่วเสียงไวโอลินคลอเคล้าประสานบอกทำนองเพลงไทย
ก่อนจะปิดท้ายวัน ด้วยร้านหนังสือเก่าอีกแห่งที่คุ้นเคย พบหนังสือ คีตกวีลูกทุ่ง ไพบูลย์ บุตรขัน ฉบับของ วัฒน์ วรรลยางกูร ที่ตามหามานาน หลังจากเคยอ่านในห้องสมุดแห่งหนึ่ง และนึกอยากมีไว้เป็นเจ้าของ ส่วนหนึ่งของความรู้เกี่ยวกับเพลงไทยมาจากหนังสือเหล่านี้
เปิดประตูห้อง เปิดเครื่องเสียง และก่อนที่จะทันได้เปิดหนังสือ คีตกวีลูกทุ่ง ไพบูลย์ บุตรขัน พลันมือถือก็ส่งเสียงร้องว่ามี SMS ส่งมา
แม้นว่า จะดื่มด่ำ และอยากชักชวนเธอมาฟังเพลง ทุ่งรัก ด้วยกัน แต่ถ้าให้ตอบ SMS เธอกลับไป ขอบางส่วนของเพลง ฝนหยาดสุดท้าย ได้มั้ย
...ฝนหยาดสุดท้าย เขาใยปล่อยฉันให้คอย
ส่งกระแสใจเลื่อนลอย หลงรอคอย คอยร่ำเรียกหา
ฝนเอยอย่าด่วน สิ้นร้าง...สร่างซา
เพราะชื่นหัวใจของข้าไม่มาฝนจ๋า ข้าตรม
แต่จนกระทั่งวันนี้ ผมก็ยังไม่ได้ส่งข้อความกลับ ถ้าเธอคนนั้นมาอ่าน Blog นี้ โปรดทราบว่า ไอ้หนุ่มบ้านนาคนนี้ รับข้อความนั้น ด้วยความซาบซึ้ง และใจระทึกโครมครามปานได้รับรอยยิ้มรับรักจากสาวเป็นครั้งแรก .. บอกตามตรง ทำอะไรไม่ถูกเลย เลยไม่ได้ทำอะไร...
ปล. เพลงทุ่งรัก แม้นว่า หลายๆคนเข้าใจว่าเป็นงานของ ไพบูลย์ บุตรขัน แต่ครูเพลงที่มีชีวิตอยู่ และเป็นศิษย์ของไพบูลย์ คือ พงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา ยืนยันว่าตัวเองแต่งเพลงนี้ให้ศรคีรีร้อง