Blog 31 ตุลาคม 2548 บนเรือลำนั้น
.. 1 ทุ่มเศษๆ .. ผมเดินขึ้นเรือตามบันไดที่พนักงานบนเรือเอามาพาดไว้ระหว่างท่าเรือกับตัวเรือ กลิ่นน้ำมันเรือและควันจากเครื่องยนต์ เรียกคืนความรู้สึกของนักตกปลาที่กำลังจะออกเรือมุ่งหน้าสู่ทะเลได้ดีทีเดียว .. ต่างกันที่ว่า แทนที่จะขึ้นเรือแล้วสาละวนกับอุปกรณ์ตกปลา ครั้งนี้เรือที่ผมขึ้นมีพนักงานต้อนรับมายืนไหว้ด้วยท่วงท่าอรชรแบบไทยแท้ และบนเรือก็มีอาหารและดนตรีขับกล่อม .. ที่แล่นออกไป ไม่ใช่สู่ทะเลกว้าง แต่เป็นแล่นล่องระยะสั้นๆ ย้อนกลับไปมา 1 รอบ ในแม่น้ำเจ้าพระยา อาหารมื้อค่ำกับบรรยากาศกลางคืนบนลำน้ำเจ้าพระยา สะพานสาธร - สะพานพระราม 8
น่าสงสัยเหมือนกันว่า การศึกษาเรื่องราวย้อนหลัง ที่เราเรียกว่าประวัติศาสตร์ กับการศึกษาเรื่องราวของอนาคต นั้น สิ่งใดกันแน่ที่มีส่วนผลักดันให้มนุษย์ชาติก้าวสู่ความสมดุลย์ ความเข้าใจในชีวิตได้มากกว่ากัน
ราวๆเจ็ดโมงเช้า ของวันก่อน ผมนั่งเรือโดยสารในคลองแสนแสบ ฝั่งขวามือของผมที่นั่งชิดกราบเรือคือ หญิงมีอายุคนหนึ่ง เธอลงเรือมาทีหลัง สวมโสร่งและสวมอิญาบปิดหน้า ผมนั่งดูริ้วเมฆบนท้องฟ้า ผ่านไปไม่กี่ท่า ก็มีหญิงฝรั่งสูงอายุคนหนึ่งลงเรือ ผมขยับที่ หญิงมุสลิมขยับตาม และหญิงฝรั่งลงมานั่งชิดกราบเรือ เธอคงเพิ่งลงเรือครั้งแรก เธอยื่นกระดาษบอกจุดหมายปลายทางให้พนักงานเก็บค่าโดยสาร พร้อมพูดภาษาอังกฤษ ไม่มีคำตอบจากเด็กหนุ่ม หญิงมุสลิมจึงช่วยบอกให้เธอจ่ายค่าโดยสาร พร้อมทั้งรับเอาโน้ตมาดู เธอบอกฝรั่งว่า ยังไปอีกไกล ภาษาอังกฤษของเธอดีทีเดียว ... ขณะที่ผู้สารคนอื่นๆ (รวมทั้งผม) เลือกที่จะนั่งเฉยๆ ธุระไม่ใช่
บนรถไฟฟ้าใต้เดินเมื่อบ่ายนี้เอง ขณะที่ผมกำลังนึกถึงหนังสือ โลกของโซฟีที่อ่านค้างไว้ถึงตอนประวัติศาสตร์ปรัชญายุคบาโรค (1700) ต่อเนื่องกับยุคโรแมนติก (1800) ผมคิดว่าพอเข้าใจบางส่วนของความเป็นไปของผู้คนยุคนั้น รวมถึงสิ่งที่ตกทอดมาถึงคนรุ่นปัจจุบัน .... ชายสูงอายุ ผูกเน็คไท กำลังนั่งอ่าน หนังสือเด็กแนว อย่างเอาจริงเอาจัง ผมแอบอ่านนิดหน่อย ตอนนั้นกล่าวถึงคำให้การของ แบ๊งค์ งานอรุณโชติ ผู้เลือกวิถีชีวิตของตนเอง ...
ขณะที่คนหนุ่มอย่างผมกำลังอ่านเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ชายมีอายุข้างๆผม (ซึ่งอาจจะเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย หรือวิศวกร หรือทนายความ หรือนายธนาคาร ที่มีลูกชายหรือลูกสาว) กำลังอ่านเกี่ยวกับ เด็กแนว อย่างเอาจริงเอาจัง
ระหว่างที่ผมนั่งทำงาน ปรากฎว่า ICQ ที่เปิดทิ้งไว้มีผู้หญิงคนหนึ่งเขามาคุย เธอถามผมว่า จบด้านไหนมา ผมตอบเธอไป และเธอต่อท้ายด้วยว่า.. ไม่น่าสนใจ ผมได้แต่รับปากว่า ครับผม แต่เธอก็ยังถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับบางสาขาวิชาที่น่าจะสอดคล้องกับที่ลูกสาวเธอกำลังเรียนและประสบปัญหาไม่เข้าใจ ผมบอกว่าผมเคยเรียนและลืมหมดแล้ว!! เปล่า มิได้มีเจตนากวนแต่อย่างใด แต่ผมลืมแล้วจริงๆ ในเรื่องรายละเอียด แต่ผมก็บอกเธอว่า หลักการของแต่ละวิชา คือ ต้องเข้าใจ โดยเฉพาะคณิตศาสตร์ เธอต้องเข้าใจว่ามันใช้ทำอะไร จะได้รู้ทางแก้ปัญหา พร้อมกันนั้น ผมบอกเธอไป 2 อย่าง 1. ร้อยละ 25 ของคนที่เรียนคณะนี้ รีไทร์ตอนปี 2 และ 2. อีกร้อยละ 10 20% ของคนที่รอดชีวิตจากปีที่ 2 ก็ไม่สามารถเรียนจบได้ 4 ปี เธอหายไปหลังจากนั้น 2-3 ประโยค .. ผมนึกสนุกอยากเล่าให้เธอฟังอีกว่า เพื่อนซี้ของผม 2 คน เคยอดทนเพื่อเรียนคณะนี้ กระทั่งคนหนึ่งรอคอยสอบเอ็นทรานซ์ถึง 2 รอบ กว่าจะได้ดังใจ ...และพวกเขาก็เรียนจนจบ .. ตอนนี้ คนหนึ่ง กำลังสนุกกับการเลี้ยงกล้วยไม้ขาย .. ส่วนอีกคนก็กำลังสนุกกับการสอนวิชาวรรณกรรมเปรียบเทียบ ซึ่งแตกต่างจากปริญญาบัตรและใบรายงานคะแนน (Transcript) ที่พวกเขาได้รับมากกว่า 180 องศา!
เกือบ 3 ทุ่ม เรือลำนั้นยังคงแล่นลงมาตามลำน้ำเจ้าพระยา แวบหนึ่งผมนั่งมองสายน้ำในความมืดสลัว พลางคิดว่าบรรยากาศยามค่ำคืนบนแม่น้ำก็ดีเหมือนกัน ความมืดสลัวซ่อนรายละเอียดซึ่งอาจจะเป็นรายละเอียดที่ไม่น่าดู โดยเฉพาะกับชาวต่างประเทศที่มีจินตนาการของเจ้าพระยาไว้สะอาดและบรรยากาศธรรมชาติ นักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งสนุกกับจังหวะดนตรีบนเวที ผมนั่งคิดถึงเสียงเครื่องเรือตกปลา และดาวพราวฟ้า
เฉพาะเพลงแรกเท่านั้นที่บรรเลงด้วยระนาด (เปิดซีดี) และมีผู้หญิงชุดรำไทยมารำอย่างชดช้อย ส่วนเพลงที่เหลือตลอดห้วงระยะเวลาของการลอยลำล่องเรือ เป็นเพลงสากล 85% ที่เหลือเป็นเพลงไทย ที่เพราะๆ เช่น สายชล ,ริ่มฝั่งน้ำ , สุดที่รัก ดนตรีจากเครื่องเล่นมิดี้ส่งเสียงกลบบรรยากาศของเจ้าพระยาโดยสิ้นเชิง .... แต่กระนั้นเมื่อนึกเปรียบเทียบกันของหลายสิ่งๆ ก็ทำให้ผมรู้สึกสนุกกับการล่องเรือครั้งนี้ยิ่ง..
ปล. เพลงกิ่งฟ้า คาดว่าน่าจะมี ของ กุ้ง กิตติคุณน่ะมีแน่ๆ แต่อยากฟัง ธานินทร์ อินทรเทพร้องมากกว่า .. ขอเวลาไปหาก่อนได้มั้ย??