จะซึม.เศร้า.เหงา.แฮงก์ ก็เพียงผ่านพบไม่ผูกพัน
เขียนแล้วรู้สึกเหมือน บุ๊คส์&ดนตรีรีวิวจริงๆเลย
เพลงคนโลภ ดูจะเป็นเพลงที่ถูกโปรโมตมากสุด จนอาจจะทำให้หลายคนสรุปว่า นี่เป็นงานเพื่อชีวิต ทั้งอัลบั้ม แต่ถ้าหากใครได้ฟังทั้งอัลบั้มแล้ว อาจจะคิดเหมือนผม เนื้อเพลงมีลักษณะเหมือนงานกวีที่ดี เพลงทั้งหมดที่แต่งโดย ทิวา สาระจูฑะ นั้นมีความชัดเจน สอดคล้อง ลงตัว
แต่ละเพลงอาจจะบอกได้ว่า เป็นดังบทสรุปแห่งการเดินทางผ่านร้อน ผ่านหนาว ของ ทิวา สาระจูฑะ เนื้อหาแทรกสอดไว้ด้วยความมีชีวิตชีวา น่าเสียดายกับชื่ออัลบั้มว่า ซึม.เศร้า.เหงา.แฮงก์ ที่จริงผมว่าน่าจะชื่อว่า สีสันแห่งชีวิต สอดคล้องกับนิตยสาร สีสัน อีกต่างหาก
เพลงเนื้อร้อง ทำนอง โดย ทิวา สาระจูฑะ ร้องโดย แอ๊ด ยืนยง โอภากุล ผมฟังอยู่หลายรอบ ฟังด้วยความรู้สึกว่า มีอะไรน่าค้นหา ฟังแล้วรู้สึกว่ามีความหมายที่ซ่อนอยู่ในเพลงทุกเพลง
ตำนานดวงดาว/ ตามเสียงหัวใจ /เจ็บเพื่อเข้าใจ / ความฝัน-ความจริง / อยากให้อยู่ด้วย / รักยิ้ม / เมืองไทย / คนโลภ / ความหมาย / เวลาที่เหลือ/ อีกไม่นาน /ที่สุดของคน / อย่ากลัว
สำหรับผม พอจะพูดได้ว่า เป็นงานเพลงที่น่าฟังมากชุดหนึ่ง ไม่เพียงดนตรีที่ทำออกมาพ้นไปจากแนวของ แอ๊ด คาราบาวโดยสิ้นเชิง (เหลือแต่เพียงเสียงร้องของแอ๊ด) ไม่เพียงเนื้อหาที่หนีพ้นไปจากแนวของแอ๊ด แต่เป็นแนวของทิวาเอง เป็นมุมมองในการมองโลกของทิวา แทรกสอดด้วยปรัชญาชีวิต เสมือนการเดินทางในชีวิตของคนๆหนึ่ง ในแง่ของดนตรี(และการประชาสัมพันธ์) ว่ากันว่า เป็นอัลบั้มที่ใช้นักดนตรีเปลืองมาอัลบั้มหนึ่ง รวบมือกีตาร์ชั้นดี มือกลองชั้นเยี่ยม คอรัสชั้นยอด หลายๆคนมาร่วมมือกัน เพราะ คนชื่อ ทิวา สาระจูฑะ นั้นไม่ธรรมดา สีสันของดนตรีจึงฉีกหนีไปจากซาวด์ของแอ๊ดพอสมควร พูดได้ว่า ไม่มีกลิ่นอายของสามช่าแบบคาราบาว จะมีเพลงบลูบ้าง , คันทรี่บ้าง โฟล์คบ้าง ผสมผสานกัน ขับเคี่ยวโดยฝีมือของสุดยอดนักดนตรี
เพลง ความฝัน-ความจริง
เธออยากบินไปใต้ฟ้ากว้าง ระหว่างเมฆพราวดาวพราย
ด้วยเสียงเรียกร้องของหัวใจ รุมเร้าแรงไฟตามฝัน
เธออยากเป็นยานที่ลอยล่อง ท่องสู่อิสระอันนิรันดร์ ข้ามผ่านกาลเวลาคืนและวัน จนถึงฝั่งฝันเสรี
แต่ลึกลงในความจริงนั้น ทุกสิ่งเกี่ยวร้อนกันพันธนา แม้ดาวยังโอบด้วยฟ้า และโลกที่กว้างกว่าก็ขังเธอ
ความจริงอาจทำเธอช้ำซอก แต่บอกนิยามความนัย อิสระเสรีอยู่ที่ใจ ให้เธอเรียนรู้อยู่กับมัน
อ่ะ ไหนๆก็แนะนำอัลบั้มแล้ว จะไม่แนะนำหนังสืออ่านควบคู่กันไปหรือ
ผ่านพบไม่ผูกพัน หนังสือของ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล สำหรับผมเอง โดยส่วนตัวคิดว่าหนังสือของเสกสรรค์ ทุกเล่มน่าอ่าน จะมากจะน้อย ก็ให้ความหมาย ให้มุมมองแก่ชีวิต
ความเรียงของเสกสรรค์แตกต่างจากนักเขียนคนอื่น โดยมีรูปแบบการเขียนเฉพาะตัว บรรยายร้อยแก้ว พรรณนาถึงความรู้สึกของตัวเอง เชื่อมต่อกับประวัติศาสตร์ สัมพันธ์กับเหตุการณ์ปัจจุบัน และบางครั้งก็ครุ่นคำนึงถึงอนาคต มีบ้างที่ยึดถือตัวเองเป็นที่ตั้ง และหลายครั้งปล่อยไปตามกระแสคลื่นลม แต่โดยส่วนใหญ่หลักที่เสกสรรค์ยึดคือ ปรัชญาชีวิตแบบหนึ่ง แบบของเสกสรรค์ แบบของนักเดินทางผู้โดดเดี่ยว..... ผู้ ผ่านพบไม่ผูกพัน..
เล่มนี้เป็นเล่มที่ผมรู้สึกชอบทันทีที่ได้อ่าน ความเรียงสั้นๆ ประกอบด้วยเรื่อง / ผ่านพบไม่ผูกพัน / เงาชีวิตบนเส้นทาง / โบสถ์ในบ้านวิหารในใจ / ผาหินและหินผา / สายน้ำ สะพาน และฟากฝั่งของชีวิต / เดินทางในความเงียบ / คนข้างทาง / พักใจในโลกกว้าง / ความร้กบนเส้นทางกับเส้นทางแห่งความรัก / ต้นทางอยู่ที่คน ปลายทางอยู่ที่ฟ้า / ฤดูแล้ง
โปรยในบันทึกจากผู้เขียน ความเรียงสั้นชุดนี้ เป็นทัศนะล่าสุดของผมที่มีต่อโลก ต่อชีวิต ทัศนะที่ได้มาจากการเฝ้าพินิจประสบการณ์ของตัวเองมากกว่าห้าสิบปี และการเรียนรู้ความจริงโดยผ่านประสบการณ์ของผู้อื่น ห้วงคำนึงจากการเดินทาง
หน้า 40 บางตอนใน เงาบนเส้นทาง
คนเราอาศัยกระจกเงาส่องให้รู้จักเรือนร่างหน้าตา สรรพสิ่งบนเส้นทางก็เป็นดั่งกระจกเงาส่องสะท้อนให้เห็นแง่มุมชีวิต ขึ้นอยู่กับว่าเรารู้จักอ่านความหมายของมันมากน้อยเพียงใด
รอบข้างมีคำสอน รอบตัวมีคำเตือน เพราะฉะนั้นมิว่าเดินทางใกล้ไกล ลิ้วนให้ความหมายในการเรียนรู้
จากสำนึกตระหนักดั่งนี้ เราจะเห็นว่า ภูเขามิได้เป็นเพียงสถานที่ให้ปีนป่าย ทะเลมิใช่มีฐานะเพียงสระว่ายน้ำขนาดยักษ์ และดวงจันทร์มิได้เป็นเพียงก้อนหินที่ล่องลอย..
แทบทุกอย่างที่เราพบสัมผัส ตั้งแต่ทิวทัศน์ไปจนถึงเหตุการณ์ ล้วยมีข่าวสารส่งผ่านมา..