Contents
กายดั่งต้นโพธิ์วิญญาณดั่งกระจกเงาหมั่นเช็ดถูกระจกเงาให้สะอาดอย่าได้มีละอองฝุ่นจับได้โพธิ์มิใช่ต้นไม้กระจกเงามิฉายอยู่ที่ใดเมื่อไร้ทุกสิ่งแต่แรกฝุ่นละอองแห่งใดจะมาจับนี่คือเซน.....เซน เกิดขึ้นในประเทศจีนแต่ไปเติบโตงอกงามที่ญี่ปุ่นคำว่า "เซน" เป็นภาษาญี่ปุ่น เป็นคำเดียวกับ "ฌาณ" ในภาษา
หมี่เห็นหมู่นี้เงียบๆ กลับว่าลูกหมีจะเหงาๆ พี่ขัดตาทัพด้วยงานก้นตะกร้าพลางๆ เนาะเพลงสั้น ๆ : ฟ้องอินถา ร้องวัวแดง ย กวี : (๓) คำฉงน ถึงอินถาเอกกวีผู้ศรีรัฐถึงนักรบผู้สะบัดปากกาไสวถึงจรรยากล้าแกร่งแห่งหัวใจถึงสัจจะซื่อใสในวิญญาณฯ ปู
เพลงสั้น ๆ : ฟ้องอินถา ร้องวัวแดง ย กวี : (๒) หนึ่งปีที่หวัง จึงลองรักอ้ายทักษิณแล้วอินถา จึงเชื่อคำล้ำค่าท่านว่าวาดด้วยแรงตั้งหวังใจในโอกาสจะชุบชีพชื่นชาติเต็มธาตุไทยยื่นอำนาจนิดหนึ่งแห่งมือน้อยร่วมกันเสริมสอดร้อยจนยิ่งใหญ่เป็นนายกฯ แห่งมหาประชาธิปไตยเป็นพ่อเลี้ย
สองสามวันก่อนนี้ รื้อแฟ้มเก่า ๆ ขึ้นมาอ่านดู พบงานจำนวนหนึ่งซึ่งเคยส่งไปนิตยสารแห่งหนึ่ง ในยุคที่รัฐบาล 'คนที่คุณก็รู้ว่าเป็นใคร' เริ่มยึดเมืองใหม่ ๆ ปรากฏว่างานจำนวนนี้ ลงตะกร้าหมด เมื่อพบเจอจึงเลยอยากเอามาให้อ่านกันอีกที ถือซะว่าหนุกหนานกันเนาะ
งานชุดนี้ ชื่อ เพลงสั้นๆ ฟ้องอินถา ร้องวัวแดง - กวี
เหตุเพราะ ในสมัยนายกฯ ชวน หลีกภัย อินถา ร้องวัวแดง เขียนบทกวีชุด ฟ้องนายหัว ด้วยลีลาอันแสบ ๆ คัน ๆ จึงเมื่อยุคนายกฯ คนที่คุณก็รู้ว่าเป็นใคร ที่มีอะไรบางอย่างสร้างความงุนงงแก่เรา ทำให้ผมรออ่านบทกวีแสบ ๆ คันๆ ของอินถา ร้องวัวแดง แต่ก็ปรากฏว่า รอหายๆ ผมจึงเขียนงานนี้ขึ้นมาเพื่อ 'ฟ้องอินถา'
หญิงชรากับสัมภาระข้างกาย งึมงำพึมพำเหมือนร่ายเวทยนต์ เรียงประโยคซ้อนสลับสับสน บ่น..บ่น..บ่น...เพ้อพร่ำ.ลำพัง
กาแฟถ้วยเก่าเย็นชืด นานจนจางจืด...วางบนโต๊ะตั้ง ท่ามกลางผู้คนคับคั่ง แต่เหมือนนางนั่งเดียวดาย
ตอนเที่ยง...ในร้านอาหารจานด่วน มีลูกค้าล้วนหลากหลาย ถืออาหารสายตาสอดส่าย ที่นั่งมากมาย..ไม่เหลือให้จับจอง
มีเพียงที่หนึ่งข้างหน้า ตรงข้ามหญิงชราทีท่าบ้าบ๊อง หลายคนจดจดจ้องจ้อง แต่สุดท้ายต้องเปลี่ยนใจ
โลกใบเล็ก....เดียวดาย ซ้อนบนโลกวุ่นวายใบใหญ่ เข็มนาฬิกา...เขยื้อนคลื่อนไป ทิ้งนางไว้ในภวังค์ลำพังตน
ดึกดื่น.... จากวันสู่ค่ำคืนหมองหม่น ไฟถนนสลัวมืดมน นานนานมีสักคนผ่านไป
ได้เวลาปิดร้าน พนักงาน...บอกวันหน้าเชิญใหม่ นางแข็งขืนไม่ยอมไปไหน พวกเขาจับจูงให้ออกมา
ทิ้งไว้ยืนหน้าร้าน น่าสงสารละลังละล้า พึมพำไหนบอกไปไม่ช้า ลูกหายหน้าไม่มาเสียที
ฝนลงเม็ดปรอยปรอย ค่อยค่อยหนักขึ้นกระชั้นถี่ งกงกเงิ่นเงิ่นเดินบาทวิถี จุดหมายไม่มีที่ใด
.....เสียงฝนกระหน่ำ....... ...เสียงครวญคร่ำในหัวใจอ่อนไหว.. ...เหนื่อยล้าหนาวฝืนก้าวไป...... ...ชีวิตนี้ทำไม...ยาวนาน.........
จะหวังซากเศษใดใสพิสุทธิ์เป็นเชื้อให้เจ้าจุดประกายฝันในหนาวเย็นยะเยียบและเงียบงันเลือนโลกสู่นิรันดร์โดยความตาย โศกลึกลับจะขับเห่เศร้าน้ำตาว้าเหว่จะรินสายคีตะแห่งเดือนดาวอันพราวพรายกล่อมวิญญาณ์เดียวดายสดับตรม ขื่นร้าวจินตนาการล่วงพ้นวารโดยเชื้ออันเหลือข่มซุกน้ำตารอนร้าวหนาวอารมณ์ซ่อ
วันก่อนเจอพี่วรภ วรภา แกก็บอกว่า ปรับเว็บใหม่แล้วหาทางเข้าไม่ถูกเลย นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะแก้ไขอะไร ตรงไหน ยังไงวันนี้เห็นคุณหญิง บอกว่า หาปุ่ม ตั้งกระทู้ใหม่ ไม่เจอ อั่นนี้ต้องยกความผิดมาให้ผมนะครับ ขอรับไว้เต็ม ๆกระทั่งวันนี้ก็ยังนึกไม่ออก ใครมีแนวทางช่วยบอกทีเอาเป็นว่า
หาปุ่มจะตั้งกระทู้ใหม่ตั้งนาน ฮ่าๆ...หวัดดีค่ะพี่หมี่..+ เพื่อน ๆ ทุกคนช่วงนี้เครียดค่ะ เครียดมากกกกก...เครียดจนอยากจะอ๊วก ทำไงได้เนาะยังต้องกินต้องใช้ ต้องอาศัยเงินเดือนเขาทน ทน ทน!!! ท่องเข้าไป...พอดีมีข้อสงสัย แต่ไม่กล้าถามใครคนที่เอาไอ้บลูตู๊ดติดหูไว้น่ะ เขาไม่รำคาญมั่งเหรอเราดูแล้ว เร
ที่ลุกลามความป่วยไข้ใช่เพราะว่าปรารถนายอกย้อนยังซ่อนอยู่และโททสะผลาญเผา การเฝ้าดูมุ่งหมายให้ตื่นรู้สักครู่ยามเพราะด้วยความโง่เขลาบอกเราว่าเหนือไปกว่าเป้าประสงค์ ตรงกันข้ามคือเก็บซับแก่นสารด้านงดงามกระชั้นตามความคลุมเครือเพื่อคลี่คลายและ "ความไม่อ่อนน้อม" กล่อมเกลาว่าหน่อกล้าจะราโ
.... กว่าจะซึ้ง ....
ก่อนจะเคลื่อนเลือนจางแล้วร้างลับ
ใจก็ซับซ่านซึ้งไปถึงไหน
กว่าจะรู้จะเห็นประเด็นนัย
ก็สิ้นแล้วสายใยสายสัมพันธ์
กว่างดงามความจริงจะปรากฏ
บางสิ่งก็เลือนลดไปจากฝัน
เก็บร้าวโลกขมขื่นมายืนยัน
ในร่องรอยจาบัลย์แห่งชีวา
กว่าสำนึกจะตรึกชัดถึงสัจจะ
ต้องผลัดแพ้ผลัดชนะแสวงหา
เข้ากำหนดวิถีตีราคา
เป็นรูปเงาเป็นมายาอันเป็นไป
ก่อนจะเคลื่อนเลือนจางแล้วร้างลับ
โลกก็ซับกำซาบในวาบไหว
เราต่างซึ้งถึงทางอันกว้างไกล
เหมือนเข้าใจกับบางสิ่งอันจริงแท้
เถอะ ผู้เฝ้ารอการเยียวยา
โดยเสี้ยวกาลเวลาอันเผื่อแผ่
นานเท่าไรที่เราไม่เหลียวแล
โลกผันแปรสู่หนใดก็ไม่รู้
.......................
โดยคำ ลานเทวา