ราตรีของคนจร
ราตรีของคนจร
๑).
ข้าคนจรรอนแรมมาจากฟ้ากว้าง
มาพักค้างลานหมอกสวนดอกฝัน
คืนที่ปลั่งแสงเปล่งแห่งเป็งจันทร์
นวลประกายพรายพรรณนั้นงามงด
๒).
ใจคนจนใจจะไปจันทร์
จรฝันดังหลงเข้าวงกต
ที่เหน็ดเหนื่อยเหน็บหนาวร้าวรันทด
ก็ชื่นหอมดอกไม้สด-ชื่นกลดจันทร์
เสนอใจคล้อยเคลื่อนไปเยือนฟ้า
เสมอว่าฟ้าเหมือนเป็นเพื่อนฝัน
ลมแผ่วแว่วคำเพลงรำพัน
มากล่อมขวัญปันปลอบมามอบใจ
เอื้อนนิดอิดน้อยหน่อยเถิดฟ้า
ยั่วเล่ห์เสน่หาพอวาบไหว
เถิดทิวริ้วลมพรมพลิ้วไกว
หอบหอมอ้อมแขนใครพอไออัง
กรุ่นกลิ่นมวลไม้ในไหมหมอก
หนาวเนื้อเหน็บบอกใช่คอกขัง
พรมหญ้าต่างเตียง ณ เวียงวัง
ใบไม้กราวราวระฆังกังสดาล
จูบนิดจุมพิตน้อยนะพร้อยดาว
วิบวิบกะพริบราวจูบวาวหวาน
ใจจะพริ้มปริ่มฝันนิรันดร์กาล
ณ อุทยานดอกฝันนิรันดร
๓).
ฟ้ายังคลี่มู่ลี่ดำเหยาะน้ำค้าง
พรมร่างพร่างกายให้คลายผ่อน
เหนื่อยนักหนอจันทร์-คนสัญจร
หนาวข้านอนห่มอกอันอุ่นอกเอง
แก้วเก็จเพชราน้ำค้างแก้ว
มาต้องแผ่วไม้อูมแรกตูมเต่ง
รอการบานผลิเป็นบทเพลง
ณ ฤดูบานเบ่งกลีบความรัก
๔).
ข้ากอบทรายฟายดินถวิลบ้าน
โรยทรายรายดินดานต่างตำหนัก
ดูดาว-โอดาวข้าหนาวนัก
ขอแสงถักห่มโลกห่มอกนี้
จะหลับในอ้อมกอดของยอดหญ้า
ม่านไหมหมอกหนามาขึงคลี่
จะซุกตัวซบหน้าแนบราตรี
ฝันถึงวันพรุ่งนี้ที่จะมา
จะเก็บภาพทุกภาพ-ความทรงจำ
ณ คืนค่ำดาวพร่างจันทร์จ่างจ้า
จะเก็บความงดงามเพื่ออำลา
ยามต้องผิวเพลงลา-ทิวาเยือน
Relate topics


