ไปด้วยกันสิ!!
๑).
ไปด้วยกันไหม...
ฟังเรไรกล่อมทุ่งยามรุ่งสาง
กรุ่นกลิ่นความเหงาเศร้าอยู่เบาบาง
หอมกลิ่นความเวิ้งว้างอยู่บางเบา
เพื่อจะได้หัวเราะด้วยเสียงสะอื้น
คลอเสียงคลื่นโน้มหน่วงของรวงข้าว
เพื่อน้ำตาสักดวงจักร่วงร้าว
มองดาวสักดวงจักร่วงลับ!!
๒).
ไปด้วยกันไหม...
ฟังลมไกวคลื่นกราวคืนดาวดับ
ยอดคลื่นแตกดอกอยู่วับวับ
สะท้อนจับแสงพราวสกาวเดือน
เพื่อจะได้ร้องไห้ด้วยรอยยิ้ม
สนิมน้ำตาพร่าเปื้อน
เพื่อสำนึกสุดท้ายสลายเลือน
ล้มเรือนกายลง ณ ตรงนั้น!!
๓).
ไปด้วยกันสิ...
ไปดูการบานผลิของสีสัน
แห่งไม้ดอกยอดภูซึ่งชูชัน
ก่อนแสงวันค่ำพลบจะลบเลือน
เธอจะเห็นแสงตาดวงล้าอ่อน
ซึ่งซ่อนแสงหม่นอยู่ปนเปื้อน
ไปดูความฝันที่ฟั่นเฟือน
ฝันของเพื่อนมนุษย์ - ฝันสุดท้าย!!
๔).
ไปด้วยกันเถิด...
เพื่อเห็นความบรรเจิดแสนเฉิดฉาย
ของล้านคำคารมความคมคาย
จากดวงหน้าขี้อายของเด็กน้อย
กุมมือเดินเคียงไร้เดียงสา
โตมากลางท่ามความต่ำต้อย
โครงร่างแตกเม็ดสะเก็ดรอย
เกี่ยวก้อยเขาเดินหยอกเอินไป!!
๕).
ไปไหม...ไปเดินตากดาว
พร่างพราวดาวเรืองชานเมืองใหญ่
ริมทางรางคดหมอนรถไฟ
ทอดไกลชานชาลาสถานี
เพื่อจะได้กอดอกตนเองก้าว
คืบเท้ายาวยาวดังก่อนกี้
กระเหย่งกระโดด - มือโบกวี
หัวเราะได้เต็มที่กับชีวิต!!
๖).
ไปโจนโตนโตดยามดึกไหม...
แล้วจุดไฟก่อฟืนให้ตื่นติด
ลมแรงโชนไฟไสวทิศ
จิดริดหิ่งห้อยจะพลอยวับ
เพื่อการปรากฏภาพงดงาม
ไฟโผงดอกวามแล้ววูบดับ
เป็นดาวแห่งแหล่งหล้าคณานับ
ระยิบระยับสุกปลั่งไปทั้งภู!!
๗).
ไปสิ...ไปด้วยกัน
ความฝันมีไว้เพื่อให้สู่
อาจเป็นความฝันเศร้าที่ลาดปู
ณ รอยต่อฤดูและทางเท้า
แต่ก็เป็นความฝันอันหนึ่งเดียว
แม้หลั่งกรากหลากเชี่ยวด้วยเปลี่ยวเหงา
เมื่อน้ำตาสักดวงได้ร่วงเงา
ความสุขความเศร้า - ก็เท่านั้น!!
มติชนสุดสัปดาห์